เมื่อหันไปมองรอบกาย จะพบว่าคนมากมายพยายามดิ้นรนเพื่อนำความสำเร็จเข้ามาสู่ตัวเอง หลายคนมุ่งหน้าตั้งใจทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพราะสิ่งที่คาดหวังไว้ในปลายทาง
บ้างก็สำเร็จ บ้างก็ล้มเหลว แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ หลังจากที่ได้รับผลของการกระทำแล้ว ผู้คนเหล่านั้นกำลังทำอย่างไรกับสิ่งที่ได้รับและสิ่งที่ต้องเจอ จะสมหวังหรือผิดหวังมากกว่ากัน
ในมุมของคนที่สำเร็จ แน่นอนว่าสมใจปรารถนา คุ้มค่ากับความอดทนที่รอคอยทำงานหนักมา ควรค่าแก่การได้รับสิ่งที่ตอบแทนกับความพยายามของตัวเองด้วยความภูมิใจ
ส่วนคนที่ยังต้องผิดหวัง ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ต่อให้ทำงานหนักเท่าไหร่ก็ยังไม่พบกับเส้นทางที่ต้องการ ซ้ำร้ายยังดูเหมือนว่าจะห่างออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ เสียด้วยสิ ตรงนี้ที่น่าเสียดาย
เมื่อพบเจอกับความผิดหวัง เป็นปกติที่จิตใจของมนุษย์จะทำปฏิกิริยาเยียวยาด้วยตัวเอง บางคนอาจจะยอมรับได้ เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น และมองไปที่เป้าหมายใหม่ได้ในเวลาไม่นาน
สำหรับบางคนเมื่อจิตใจยังไม่แข็งแรงพอ และสิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงสวนทางกับความรู้สึก ก็มักจะสร้างกำแพงบางอย่างขึ้นมาเพื่อให้รู้สึกอยู่เสมอว่าตัวเองยังปลอดภัย
บางทีอยากเก่งเหมือนคนนั้น อยากฉลาดเหมือนคนนี้ ในบางช่วงเวลาคนเราก็อาจลืมตัวและมองไปยังประเด็นที่ไม่จำเป็น
พออยากสนองความต้องการของตัวเองในการอยากมีเหมือนคนอื่น สิ่งที่ทำได้เร็วที่สุดคือภายนอก เริ่มมีการเลียนแบบท่าทาง พฤติกรรม ไลฟ์สไตล์ เพื่อให้ได้เป็นอย่างที่ต้องการ
ทั้งที่ความเป็นจริง มีวิธีอื่นมากมายในการจะเป็นได้แบบที่ต้องการ เพียงแต่อาจจะใช้เวลาเป็นส่วนประกอบเท่านั้นเอง
สิ่งนั้นคือการฝึกฝน นี่คือวิธีที่เรียบง่ายและถาวรมากที่สุด แต่หลายคนก็เลือกที่จะมองข้าม เพราะไม่พร้อมจะเสียเวลาไปกับการฝึกฝน ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ลองคิดดูว่าหากเราอยากทำงานเก่งแบบคนนั้น เพียงแค่ฝึกฝนในสายงานของตัวเอง ศึกษาอย่างละเอียด ค่อยๆเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่อไปเรื่อย ในวันหนึ่งก็คงจะพัฒนาศักยภาพได้ดี
หรือถ้าอยากเป็นคนพูดเก่ง มีความมั่นใจเพื่อจะนำไปใช้พรีเซนต์งานต่างๆ เพียงแค่ซ้อมพูดบ่อยๆให้เข้าปาก ให้โอกาสตัวเองได้เรียนรู้ความผิดพลาดไปพร้อมกัน ก็จะเห็นผล
เชื่อว่านี่คือสิ่งที่ทุกคนรับรู้มาโดยตลอด ว่าความเป็นตัวจริงในด้านนั้นๆจะเป็นสิ่งที่เสถียรกับตัวเรามากที่สุด แต่สุดท้ายหลายคนก็มักแพ้ภัยตัวเอง สนใจสายตาคนรอบข้างมากกว่า จึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งการยอมรับ
ตำนานนักบู๊ตลอดกาลอย่าง บรูซ ลี กว่าจะโด่งดังในเส้นทางก็ไม่ได้มีแค่ท่วงท่าที่สวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ล้วนมาจากความเข้าใจในศิลปะการต่อสู้ ทุกการออกอาวุธมีความหมาย
ย้อนไปในสมัยที่เขาต้องย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ขณะที่กำลังสาธิตการต่อสู้แบบกังฟูอยู่นั้น ได้มีคนมาชักชวนให้ไปทดสอบการแสดง นั่นจึงเป็นบันไดก้าวแรกให้เข้าสู่วงการบันเทิง
เขาหมั่นฝึกซ้อมทุกวันเพื่อจะไปโชว์ตามรายการโทรทัศน์ต่างๆ ไม่เพียงแค่ศิลปะการต่อสู้ ยังรวมไปถึงบทบาทการเป็นนักแสดงด้วย เพื่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริงในสองสายงานที่จำเป็น
ความพยายามทั้งหมดเขาทุ่มเทให้กับงานที่ได้รับมอบหมาย ทั้งที่แค่พอแสดงได้ รวมถึงคิวบู๊ฉากต่อสู้โอเค ก็ทำให้เขาโด่งดังเป็นพลุแตกแล้ว ซึ่งนั่นไม่ใช่วิถีของตัวจริง เขายึดถือเสมอว่าต้องเป็นตัวจริงให้ได้ เป็นตัวเองที่ดีที่สุด แล้วโอกาสสำคัญมากมายจะเข้ามาและไม่หนีไปง่ายๆ
“อยากเคารพตัวเองได้ ต้องเป็นตัวเองที่เป็นของจริง”
การเริ่มต้นทุกอย่างในชีวิตไม่ว่าจะเป็นความรัก การทำธุรกิจ การใช้ชีวิต หากเริ่มต้นด้วยความปลอม มันจะหล่อหลอมให้เราปลอมกับชีวิตและหลงทางไปเรื่อย ๆ นั่นเพราะเราคุ้นเคยกับมัน และหลอกตัวเองจนเก่งเป็นนิสัยไปเสียแล้ว
ผลลัพธ์อาจหอมหวานชั่วครู่ เราอาจได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง อาจดูร่ำรวยขึ้น อาจดูประสบความสำเร็จจากภาพที่เราสร้าง แต่ลึกๆในใจ เรารู้สึกดีจริงๆหรือเปล่า กับสิ่งเหล่านี้
หลายครั้งที่ใจต้องต่อสู้กับความทะยานอยาก อยากได้ อยากมี อยากรวย อยากสำเร็จ และพยายามเป็นในสิ่งที่เรายังไม่ได้เป็น หรือเริ่มต้นด้วยการโกหก บิดเบือนกับภาพลักษณ์ของตัวเอง
การที่จะต้องรักษาโลกที่ไม่จริงอีกใบให้เรายังคงเดินต่อไปได้ ต้องแลกกับความระแวงว่าคนอื่นอาจรู้ความจริงว่าเราไม่ได้รวยจริง ไม่ได้เก่งจริง ไม่ได้มีเส้นทางความสำเร็จนั้นจริง
และเราต้องแลกกับความเหนื่อยที่ต้องรักษาทุกอย่างให้เป็นแบบนี้ ที่สำคัญต้องแลกกับความไม่สามารถเคารพตัวเองได้
แต่อย่าลืมว่า ทุกอย่างคือการฝึก หากเราฝึกคิดกับชีวิตตัวเองได้เพื่อประโยชน์บางอย่างในชีวิต เราจะเริ่มคิดกับเรื่องอื่นได้เช่นกัน อีกหน่อยเราจะชำนาญ และไม่รู้สึกผิดอะไรที่จะทำสิ่งเหล่านี้ เพราะสมองจะคุ้นเคยกับสิ่งที่เราทำซ้ำๆ
การรักษาความซื่อตรงอาจเป็นเรื่องไม่ง่ายเมื่อมีสิ่งล่อตาล่อใจเข้ามาในชีวิต แต่ไม่ใช่กับคนที่มีความมั่นคงทางใจ
ความสำเร็จเป็นเรื่องที่ต้องใช้การเรียนรู้ ต้องมีความพยายาม ความอดทนและต้องใช้เวลากว่าจะถึงเป้าหมายอย่างภาคภูมิ
ทำได้เราจะเป็นสุข ใจจะร่มเย็น เราจะเดินบนโลกใบนี้ได้อย่างมั่นใจ มีหัวใจที่เป็นอิสระ มีความชัดเจนหนักแน่นแต่ใจเบาสบาย เคารพตัวเองได้ รักตัวเองได้ในแบบที่เราเป็น
ที่สำคัญเราจะสร้างความสำเร็จที่เป็นของจริงจากเนื้อแท้ในตัวเราเอง ทั้งหมดนี้อยู่ที่ใจเรา อยู่ที่เราเลือกเส้นทางของตัวเอง
…
อ้างอิง : ส่วนหนึ่งจาก Peace of Mind
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: Pexel