เรามีสิ่งที่ต้องจ่ายโดยคาดการณ์ไม่ได้เสมอ นี่คือความสำคัญของเงินฉุกเฉิน
ว่ายน้ำยังต้องมีโฟม ขึ้นบันไดเลื่อนยังต้องจับราว ยืนบนรถเมล์ก็ต้องจับเสาหรือที่โหนไว้เผื่อล้ม
ทุกอย่างในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะทำอะไร เราต้องมีสิ่งที่ต้องคอยพยุงหลังไว้ทั้งนั้น เรื่องของเงินก็เช่นกัน
ยังมีคนอีกมากมายที่ยังใช้เงินโดยไม่เตรียมเงินไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน มีเท่าไหร่ก็ใช้หมดโดยเฉพาะวัยรุ่นที่เพิ่งเข้าสู่การเป็นมนุษย์เงินเดือน บางคนกลายเป็นหนี้บัตรเครดิตสะงั้น ทั้ง ๆ ที่ทำงานได้ไม่กี่ปี อาจเป็นเพราะมนุษย์เงินเดือนถูกสอนมาว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อเงิน ไม่ได้เรียนรู้ว่าพอได้เงินมาควรทำอย่างไรกับมัน
นี่เป็นสาเหตุหนึ่งเลยที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนหลายคนเป็นหนี้ เพราะความไม่รู้เรื่องการเงิน บริหารเงินไม่เป็น ได้มาต้องใช้สนองความต้องการ ไม่อย่างนั้นจะหาเงินมาเพื่ออะไร มันก็จริงที่ว่าเราได้เงินมาก็อยากใช้เป็นธรรมดา แต่…
ลองคิดแบบนี้ หากคุณกำลังจะล้ม อะไรจะเจ็บกว่ากันระหว่างล้มลงเบาะรองกับล้มลงพื้น คำตอบคงเหมือนกันทุกคน
การไม่มีอะไรคอยเป็นเบาะรองให้เรา พอล้มลงมามันก็ต้องเจ็บมากกว่าเป็นธรรมดา และแน่นอน การมีเบาะรองมันจะทำให้เราเจ็บน้อยลง
เราต้องสร้างเบาะนั้นขึ้นมา ไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่าอะไร เงินสำรอง เงินฉุกเฉินหรือเงินเก็บออม หากคุณมีสิ่งที่คอยรับแรงกระแทก มีเงินคอยหมุนเมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่หรือเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ที่มันทำให้เราต้องใช้เงินในการแก้ปัญหา คุณจะไม่เจ็บไปมากกว่านั้น
.
ทำไมคุณต้องเก็บเงินสำรองฉุกเฉิน? ขออธิบายให้เข้าใจ
เมื่อถึงเวลาสิ้นเดือน ทุกคนคงมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายมากน้อยต่างกันไป แต่ถ้าหากสิ้นเดือนนั้น บิลค่านั่นค่านี่มันกลับพุ่งขึ้นมากกว่าปกติ รถเสียต้องเข้าอู่ซ่อม ค่าน้ำมันที่พุ่งขึ้นรายวัน หรือหากคุณประสบอุบัติเหตุที่ทำให้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายที่มันมากเกินกว่าจะหาได้ นั่นแหละ คือจุดที่จะทำให้การเงินของคุณเป๋ออกนอกทาง
ไม่เหมือนกับการไปเที่ยวหรือการซื้อข้าวของเครื่องใช้ใหม่ที่เราสามารถมีออปชั่นให้เลือกมากมาย เงินสำรองฉุกเฉินไม่ใช่ออปชั่น คุณจะมาบอกไม่ได้ว่า “ค่อยเก็บปีหน้าก็ได้” เงินฉุกเฉินคือเรื่องของตอนนี้ อย่าคิดว่าเงินสำรองเป็นเรื่องของอนาคต
เพราะฉะนั้น การมีเงินฉุกเฉินเก็บไว้ การเงินของเราจะไม่เป๋ออกนอกทางอย่างแน่นอน
.
ต้องเก็บเท่าไหร่?
เหมือนกับการเก็บเผื่อเกษียณ เงินส่วนนี้ แต่ละคนไม่เท่ากันหรอก เพราะการใช้จ่ายหรือสภาพการเงินของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันและมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ โรคภัยที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ค่าน้ำมันที่พุ่งเอาทุกวัน หรือแม้แต่ค่าน้ำค่าไฟที่แพงขึ้นเรื่อย ๆ
อยากให้ลองคำนวณแบบนี้ ลองคิดว่าถ้าเราต้องซ่อมรถ เราต้องจ่ายเท่าไหร่ เราก็เก็บเผื่อไว้
ลองเอารายได้เฉลี่ยของเรามาคำนวณดูว่าในแต่ละเดือน เราสามารถเก็บเพิ่มเผื่อฉุกเฉินได้กี่เปอร์เซ็นต์
หรือจะเก็บเป็นจำนวนน้อย ๆ ก่อนก็ได้ ถัวเป็นเดือน ๆ ไป บางคนอาจจะคิดว่า ถ้าเก็บน้อย ๆ แล้วมันจะไปคลุมค่านั่นค่านี่ได้ยังไง
อย่ากังวลไปเลย เพราะว่าเงินส่วนนี้เป็นส่วนที่เราจะเก็บเป็นระยะยาว เพราะฉะนั้น เก็บไปเรื่อย ๆ ทำให้มันเป็นกิจวัตร
.
จะเริ่มเก็บอย่างไร?
การที่เราจะเริ่มทำอะไรสักอย่างมันยากใช่ไหม ขอบอกแบบนี้ อย่าไปคิดว่ามันยาก ถ้าคิดว่ามันยาก การเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ มันก็จะมีความรู้สึกที่ท้อแท้มองแต่ปัญหาแบบนั้น มาเริ่มเก็บกันเลยดีกว่า
มันจะดีมาก ถ้าเราต้องเป้าหมายของเราไว้ เริ่มแรกให้เราสร้างบัญชีสำหรับการเก็บเผื่อฉุกเฉินไว้เลย เริ่มต้นจากการเก็บเล็กผสมน้อย แต่ละเดือนก็เพิ่มจำนวนเข้าไปเรื่อย ๆ แล้วมันจะกลายเป็นนิสัย “การฝากเงินแบบออโตเมติก” ของเราไปเอง
แน่นอนว่าการเริ่มต้นเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อเราวางก้าวแรกของเราแล้ว เราต้องทำให้ก้าวถัด ๆ ไปเดินเป็นเส้นตรง มันจะทำได้ก็ต่อเมื่อคุณมีความซื่อสัตย์ต่อตัวเองและเงินในบัญชีของเรา
ถ้าเรายังไม่มีเงินเก็บฉุกเฉินก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป แต่อย่าใจลอยไม่ยอมเก็บสักที เพราะเวลาไม่เคยรอใคร เรื่องเซอร์ไพรส์ก็มาได้ทุกเมื่อเช่นกัน เพราะฉะนั้น เริ่มเก็บตั้งแต่วันนี้จะเป็นไรไป
สุดท้ายแล้ว ชีวิตเรามีเรื่องเซอร์ไพรส์มากมายจนอาจทำให้เราล้มเมื่อไหร่ก็ได้และเราก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ด้วยว่าจะล้มเมื่อไหร่ การมีเบาะรองที่เรียกว่า ”เงินเก็บฉุกเฉิน” ก็จะทำให้เราเจ็บน้อยลง ไม่เชื่อลองกระโดดลงเบาะรองดู ไม่เจ็บหรอก ดีกว่าลงพื้นเยอะ