เมื่อเราต้องทำงานร่วมกับคนอื่น เราจะเชื่อใจเขาได้ไหม? นิสัยเขาเป็นยังไง? จะทำงานได้ดีไหม?
ความไว้เนื้อเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในสังคมมนุษย์ แน่นอนว่ามนุษย์ขาดสังคมไม่ได้ โดยเฉพาะการทำงานร่วมกัน เราจำเป็นต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันเพื่อการใช้ชีวิตเช่นเดียวกับสัตว์โลก
เราต่างเป็นคนแปลกหน้าที่เข้ามากองอยู่รวมกันในที่หนึ่ง ซึ่งแน่นอน เราไม่เคยเจอใครมาก่อน และนั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องทำความรู้จักกับคนใหม่ ๆ อยู่ที่ว่าเราจะใช้เวลานานแค่ไหนในการทำความรู้จัก
เจอกันครั้งแรกเราคงไม่เชื่อคำพูดเขาแบบ 100% หรอก จริงไหม?
มนุษย์จะมีส่วนคัดกรองอย่างหนึ่งเมื่อต้องการรู้จักใครสักคน สิ่งนั้นคือ “เวลา” เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปนานเข้า เราจะรู้จักคน ๆ หนึ่งมากขึ้นผ่านการพูดคุย การแสดงออกทางอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดเห็น ความเข้าใจ
การกระทำ จะเป็นตัวชี้วัดว่าคน ๆ นั้น ควรเข้าใจ สามารถไว้วางใจ หรือพึ่งพากันได้หรือเปล่า
แน่นอนว่าไม่มีใครดีไปทุกคน บางคนแม้แต่หน้ายังไม่อยากที่จะมอง อาจจะเป็นเพราะเขามีความคิดที่แตกต่างกันเกินไป หรือเกิดการกระทบกระทั่งอะไรสักอย่างที่ทำให้ความสัมพันธ์จากขาวกลายเป็นดำ หรืออาจเป็นเราที่ไว้ใจ เชื่อใจเขามากเกินไป เมื่อมันไม่ใช่ ก็เป็นความสัมพันธ์ที่ล้มเหลว
ในสังคมวัยทำงาน ผู้คนต่างสร้างความเชื่อใจตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักกัน หากมีคนเข้ามาทำงานข้าง ๆ เรา แล้วเข้ามาบอกว่าตัวเขานั้น เป็นคนที่เชื่อถือและไว้ใจได้ แต่หากเวลาผ่านไปได้สักพัก คน ๆ นั้นกลับเป็นคนไม่รักษาคำพูดตัวเอง ใครล่ะ จะเชื่อใจ
ถ้าหากคุณพูดว่าเราเป็นคนที่เชื่อถือ เชื่อใจได้ สิ่งที่ตามมาคือความรับผิดชอบที่ต้องรักษาไว้ให้ดี
การสร้างความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อเราต้องอยู่ในองค์กรหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ มนุษย์เงินเดือนหรือข้าราชการ หากคุณสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ ถือว่าคุณก็เป็นคนคุณภาพคนหนึ่ง ที่สามารถทำให้คนอื่นสัมผัสได้ถึงความน่าเชื่อถือในตัวเรา
1.รักษาสัญญา พูดแล้วทำได้เสมอ
เมื่อเราอยู่ในสังคมของการทำงาน คุณต้องมีกำหนดการ หากคุณสัญญาอะไรกับใครไว้ คุณต้องทำในสิ่งที่สัญญาไว้ให้ได้
หากเราบอกว่าทุกอย่างจะสำเร็จลุล่วงในเวลาไหน ทำให้สำเร็จในเวลานั้น หากคุณสัญญาไว้แล้วแต่คุณทำไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ความเชื่อถือที่คนอื่นมีต่อเราจะค่อย ๆ ลดน้อยลงไป
เมื่อเราพูดแล้ว ต้องทำให้ได้ มันอาจมีอุปสรรคหลาย ๆ อย่างที่สามารถทำให้คุณผิดสัญญากับคนอื่น สิ่งที่ทำได้คือคาดการอุปสรรคไว้ล่วงหน้า ถ้ามันเยอะมากเกินไป อย่าสัญญากับใคร
2.ถ่อมตน พูดให้น้อย เข้าใจให้มากขึ้น
มันไม่ผิดเลยหากคุณเป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูด แต่มันจะผิดมาก หากคุณทั้งเงียบและไม่เข้าใจอะไรเลย อย่าทำเหมือนกับว่าเรารู้ เพราะความรู้ที่แท้จริงคือความเข้าใจ ไม่ใช่การอวด
การเข้าใจให้มากขึ้น ถือเป็นพฤติกรรมอย่างหนึ่ง ที่จะสร้างความน่าเชื่อถือไม่ใช่แค่คนอื่น แต่เป็นการสร้างความสามารถในการทำงานของเราให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย
หากเราไม่รู้อะไร อย่ากลัวที่จะถาม กล้าที่จะเรียนรู้ ไม่ว่าความรู้นั้นจะมาจากใคร จากผู้มีประสบการณ์หรือเพื่อนร่วมงาน นี่แหละคือการสร้างความน่าเชื่อถือในตัวเรา
3.อย่าทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ
เราไม่จำเป็นต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ แต่การทำงานแบบ “ขอเสร็จไปที” ก็เป็นพฤติกรรมที่ควรจะเอามันไปทิ้ง มันไม่ดีทั้งต่อตัวเราเองและองค์กร
จัดการกับเวลาให้ดี ให้งานที่เราทำเสร็จแบบมีคุณภาพ หากเราตั้งใจทำแล้วคนอื่นมองว่าสิ่งที่เราทำมันดี มันก็สามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้เหมือนกัน
4.ประสิทธิภาพในการทำงาน สร้างความน่าเชื่อถือ
จำไว้เลย เราเติบโตขึ้นในทุก ๆ วัน แน่นอนว่าร่างกายคงไม่เติบใหญ่ไปมากกว่านี้ แต่ความรู้ ความคิดของเราเติบโตได้เสมอ
เรียนรู้ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับตัวเอง หากเรารู้น้อย ประสิทธิภาพก็จะต่ำ ความน่าเชื่อถือก็จะต่ำตามไป
5.สร้างจิตใจที่ดี
ในสังคมการทำงาน มันเป็นเรื่องที่ดี ถ้าทุกคนใจดีต่อกัน การที่เราเห็นทุกคนทำงานกันอย่างมีความสุขถือเป็นเรื่องที่ใครต่างต้องการ แต่การทำงานก็เป็นเรื่องเครียดในบางเวลา
“จะส่งงานทันไหมนะ” “วันนี้จะโดนบ่นเรื่องอะไร” เมื่อมีความคิดแบบนี้อยู่ในหัว เมื่อเราเห็นคนอื่นมีความสุข เราคงยิ้มแหย ๆ แบบไม่เต็มอิ่ม
เพราะฉะนั้น การหนุนหลังซึ่งกันและกันก็เป็นความเชื่อใจอย่างหนึ่งที่มีต่อกัน ไม่ว่าจะทั้งครอบครัว เพื่อน และสังคมเพื่อนร่วมงาน
สุดท้ายแล้ว ทุกคนต่างเติบโตไปตามกาลเวลา ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เราจะเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น อยู่ที่คุณจะสร้างความน่าเชื่อใจให้กับอีกคนอย่างไร
เราไม่สามารถดีได้กับทุกคนบนโลก เป็นเรื่องปกติ
แต่เราเลือกที่จะดีกับคนที่เราต้องการได้
นั่นแหละ คือสิ่งสำคัญ และควรจะเป็นเช่นนั้น
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ภาพประกอบจาก : Freepik