ถ้าพูดถึง สิ่งที่อยากทำที่สุดในวันหยุดสุดสัปดาห์ หลายคนคงต้องคำนึงถึงการพักผ่อนมาเป็นอันดับหนึ่ง
ซึ่งจะมีอะไรดีไปกว่าการไปตากอากาศต่างจังหวัด ออกจากกรอบบรรยากาศเดิม สถานที่เดิม แล้วไปรับแดดอุ่นๆ ลมเย็นๆ อากาศบริสุทธิ์ สอดรับกับธรรมชาติอย่างเต็มรูปแบบ
โฮมสเตย์ คงเป็นทางเลือกที่ใครหลายคนกำลังตัดสินใจ แต่จะเลือกที่ไหนดี ในเมื่อทุกวันนี้ ก็มีผุดขึ้นใหม่อยู่แทบจะทุกวัน
จึงอยากลองพามารู้จักกับสถานที่แห่งหนึ่ง กำลังถูกพูดถึงในหมู่นักเดินทางว่าเป็นอีกจุดเช็คพอยท์ของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ ด้วยบรรยากาศธรรมชาติเอย และเหตุผลทั้งปวง ก็มีแต่ชื่นชมเมื่อว่ากันขนาดนี้ มันจะเป็นไปได้เหรอที่สายรักธรรมชาติทั้งหลายจะพลาดสิ่งใหม่แบบนี้ไปได้
ทำไมใครๆถึงต้องชอบต้นไม้?
นี่คือจุดขายของสถานที่ท่องเที่ยวเกือบทุกแห่งคือการเอาหัวใจเรื่องธรรมชาติมาเป็นตัวชูโรง แต่เอาจริงๆ จะมีอะไรธรรมชาติไปกว่าต้นไม้ได้อีก บางทีก้อนหินหรือน้ำตกที่ดูสวยงาม ก็อาจถูกสรรค์สร้างจากฝีมือมนุษย์ ไม่ใช่จากธรรมชาติก็ได้
อีกหนึ่งสิ่งคือบรรดาตึกรามบ้านช่อง แม้จะถูกออกแบบมาให้ทันสมัยสวยงามแค่ไหน ก็ยังเป็นแค่สิ่งก่อสร้างวันยันค่ำ แต่เหล่าสภาพแวดล้อมที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ ลำธาร ต่างหากคือสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ นี่จึงเป็นคุณค่าจากพลังสีเขียว
โดยที่กล่าวมาทั้งหมด บ้านไร่ไออรุณ ได้เนรมิตทุกสิ่งไว้รวมอยู่ในที่เดียวเสร็จสรรพ ทั้งความสะดวกสบาย เรียบง่ายแต่งดงาม และยังคงเสน่ห์ความเป็นธรรมชาติที่ยังคงไม่จางหายไป
ไม่แปลกใจที่หลายคนจะเลือกแพ็คกระเป๋าสัมภาระ แล้วออกเดินทางโดยมีที่นี่เป็นจุดหมายปลายทาง
หลายคนคงอยากมีชีวิตปลายทางที่สงบเรียบง่าย สร้างบ้านเป็นของตัวเอง ได้อยู่กับคนที่รัก ดูแลพ่อแม่ในยามที่พวกเขาเริ่มอายุมากขึ้น และนี่ก็เป็นความคิดเดียวกันกับ คุณเบส (วิโรจน์ ฉิมมี) เจ้าของฟาร์มสเตย์ บ้านไร่ไออรุณ
จุดเริ่มต้นมาจากที่คุณเบส ได้ตัดสินใจลาออกจากงานสถาปนิก เพื่อกลับมาใช้ชีวิตที่ จ.ระนอง บ้านเกิด เพราะอยากดูแลพ่อแม่อย่างใกล้ชิด จนไปๆมาๆ ก็เริ่มก่อตัวเป็นธุรกิจในที่สุด
จากจุดเล็กๆตรงนี้กลับกลายเป็นชุมชนย่อมๆขึ้นมา มีคอมมูนิตี้ คอยเชื่อมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้คนมากหน้าหลายตาที่แวะเวียนเข้ามากันอย่างอบอุ่น
พื้นที่แห่งรักที่เป็นมากกว่าบ้าน คือคอนเซปต์ที่ถูกตั้งขึ้นจากความตั้งใจให้ทุกคนที่มาจะต้องไม่ได้รู้สึกแค่เหมือนอยู่บ้าน แต่จะสัมผัสถึงวิถีชีวิตในท้องถิ่นที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติมากที่สุด เพราะบรรยากาศที่อบอุ่น จะยิ่งช่วยให้การพักผ่อนที่ดีได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สิ่งอำนวยความสะดวก อาจไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไป เพราะที่นี่ไม่มีทีวีให้ดู ไม่มี Wifi ให้ใช้ ไม่มีสระว่ายน้ำให้เล่น แต่ถูกทดแทนด้วยเสียงนกและสัตว์อื่นๆที่ร้องในทุกเช้า อีกทั้งเสียงลำธารที่อยู่ใกล้ๆก็ไหลตลอดเวลา เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะทดแทนกับสิ่งที่ขาดไปได้บ้างเหมือนกัน หรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำไป
ถ้าใครที่อยากจะชาร์จพลังให้ร่างกายกลับมาสดชื่นอีกครั้ง เพิ่มแรงบันดาลใจที่อาจทำหล่นหายไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ การอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ก็คงจะเติมเต็มสิ่งเหล่านั้นได้ดี
แต่ลำพังจะรอให้ผู้คนตัดสินใจเดินทางมา จ.ระนอง เพื่อมุ่งตรงมาที่ บ้านไร่ไออรุณ โดยเฉพาะ หรือ รีวิวกันแบบปากต่อปาก ก็อาจจะช้าไปสำหรับยุคดิจิทัลแบบทุกวันนี้
คงต้องอาศัยตัวช่วยดูบ้าง แล้วนี่ก็เป็นอีกครั้งที่โลกโซเชียลได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างถูกต้อง การใช้พื้นที่สื่อของ คุณเบสและบ้านไร่ไออรุณ ไม่ใช่เพื่อกระตุ้นยอดขาย แต่คือการกระตุ้นให้ผู้คนได้ตระหนักให้ความสำคัญกับเวลาที่มี แล้วจงใช้มันกับสิ่งที่กำลังตามหาอยู่ นั่นคือ การให้รางวัลชีวิตตัวเอง
มากกว่าการสร้างที่พัก คือการสร้างมิตรดีๆ ผ่านสถานที่ที่ได้เดินทางไป นี่คือหนึ่งในบันทึกที่คุณเบสได้โพสต์ไว้ในแฟนเพจ สิ่งนี้อาจเปลี่ยนมุมมองที่ว่า คู่แข่งอาจเป็นศัตรูตัวฉกาจ
เพราะนั่นคือสิ่งที่มันควรจะเป็นจริงเหรอ?
ไม่ใช่ว่าการศึกษาความรู้จากคนที่ทำในสิ่งคล้ายกันหรอกเหรอ จะเป็นการเพิ่มแรงบันดาลใจให้ชัดยิ่งขึ้น ผ่านการแลกเปลี่ยนความคิดมุมมองซึ่งกันและกัน บางทีอาจเป็นการคลี่คลายปัญหาบางอย่างที่ค้างเติ่งมานานให้สะสางเสียที
มุมมองที่ถูกถ่ายทอดลงไปในแฟนเพจ บ้านไร่ไออรุณ ไม่ใช่ภาพที่พักสวยๆ ก่อนตบท้ายด้วยเบอร์ติดต่อให้สำรองที่พัก แต่มันถูกทำให้มีชีวิต เรียงร้อยด้วยเรื่องราวต่อหลายมุมมอง
และทุกบทบาทไม่ว่าจะเจ้านายกับลูกน้อง หรือ เจ้าของกับลูกค้า ก็ถูกรวมกันเป็นหนึ่ง ให้ความรู้สึกที่เหมือนครอบครัว เสน่ห์ตรงนี้ยิ่งเป็นการตลาดที่ดีแบบไม่รู้ตัว
ถ้าหากมีความคิดที่ถูกต้องตั้งแต่แรก สิ่งที่ถูกส่งต่ออย่างความรู้สึกก็จะไม่มีอะไรผิดเพี้ยนแน่ หากตัดเรื่องบรรยากาศที่พักและวิวรอบข้างออกไป ความอบอุ่นก็ยังคงโอบล้อมที่นี่เสมอ
โซเชียลเน็ตเวิร์ค เป็นเพียงช่องทางหนึ่งในการสื่อสารที่ง่ายขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้ทุกอย่างมีคุณค่าได้ทุกครั้งไป
เหมือนอย่างถ้าเคยเจอคนที่พูดจาไม่ดีมาตลอด แต่วันหนึ่งกล่าวชื่นชมใครสักคน ก็ยากที่จะเชื่อได้ ขณะที่บางคนคิดแต่สิ่งที่ดีมาตลอด ต่อให้ไม่ต้องพูดอะไร ก็รับรู้ได้ถึงคุณค่าในจิตใจ
แต่ถ้าลองมองอีกมุมหนึ่ง แม้ผลลัพธ์จะดีและมีคุณค่าแค่ไหน ก็อาจไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ หากไม่มีวิธีการที่ดีมากพอ
เพราะฉะนั้น ก็ทำให้คิดได้ว่า เมื่อไหร่ที่ความตั้งใจเกิดขึ้นกับใครก็ตาม ให้หาวิธีการที่เหมาะสมให้เร็วที่สุดในการพัฒนา เพราะสิ่งนี้จะช่วยย่นเวลาให้พบเจอกับความสำเร็จที่ง่ายยิ่งขึ้น.
…
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: Pexel