ในช่วงเช้าของทุกวัน ก่อนออกไปทำงาน อาจพอมีเวลาว่างอยู่ครู่หนึ่ง ในการหยิบสมาร์ทโฟนหรือช่องทางสื่อสารต่างๆเพื่อมาอัพเดทข่าวสารก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจไม่น้อย
จากความคาดหวังว่าจะเจอกับอะไรที่เป็นประโยชน์เพื่อเพิ่มสีสันและความรู้ให้กับสมอง กลับเจอแต่เรื่องราวซ้ำเดิมไม่น่าติดตามเอาเสียเลย เชื่อว่าหลายคนเคยมีความรู้สึกนี้เกิดขึ้น
ก็เป็นประเด็นที่น่าคิดเหมือนกันว่า สาเหตุที่ทำให้รู้สึกเช่นนี้ เพราะว่าการนำเสนอของสื่อที่ยังไม่หลุดจากกรอบเดิมๆ หรือเป็นเพราะตัวเราเองกันแน่ที่มองว่าเรื่องนั้นไม่น่าสนใจ
เมื่อผู้คนเริ่มมีความรู้สึกในลักษณะนี้พร้อมกันมากขึ้น จึงทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า สื่อในรูปแบบใหม่ เพื่อมาสนองความต้องการของผู้คนที่อยากได้สิ่งแปลกใหม่เข้ามาในชีวิต
พร้อมทั้งกำลังส่งสัญญาณบางอย่างถึงสังคมโดยรวมว่า ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่รอการตีแผ่อยู่ในทั่วทุกพื้นที่
ชื่อของ The Cloud คงเป็นหนึ่งในสื่อใหม่ที่ยังคงให้กลิ่นอายของความดั้งเดิม การจะเรียกตัวเองว่าเป็นสื่ออาจฟังดูทำได้ง่าย แต่จะเป็นสื่อที่ดีได้นั้น กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด
เรื่องก็เริ่มในลักษณะคล้ายเดิม คือมีผู้ชายคนหนึ่งทำงานประจำอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ตำแหน่งบรรณาธิการนิตยสาร แล้วด้วยความที่ชื่นชอบในการทำนิตยสาร เกิดไอเดียว่ามันคงจะดีถ้าหากพานิตยสารให้เข้ามาอยู่ในออนไลน์ด้วย
ซึ่งผู้ชายคนที่ว่าคือ คุณก้อง ทรงกลด บางยี่ขัน อดีตบรรณาธิการผู้มากความสามารถ และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ The Cloud พื้นที่ที่รวบรวมความสนุกที่มีประโยชน์อยู่ในที่เดียว
สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่แค่การพานิตยสารเข้ามาในรูปแบบออนไลน์ แต่ยังเป็นการทำออนไลน์ให้ดูไม่ออนไลน์ มันน่าสนใจตรงนี้
ออนไลน์ที่ใครๆก็บอกว่าคือโลกใบใหม่ แต่ความคิดนี้ใช้ไม่ได้กับ The Cloud เพราะพวกเขาเชื่อว่าออนไลน์คือสิ่งชั่วคราว คอนเทนต์ที่ดีต่างหากคือสิ่งที่จะอยู่ไปถาวร
จริงอยู่ว่าออนไลน์เพิ่มโอกาสได้สารพัด แต่จงอย่าลืมความต้องการของโลกใบนี้ด้วย ต้องไม่ฉาบฉวยและอ่อนไหวง่าย จำเป็นต้องหนักแน่นในทางที่จะเลือกเดินของตัวเอง
มีความสุขก่อนในสิ่งที่ทำ สิ่งนี้สำคัญกว่ากำไร ถ้าคิดแต่ตัวเลขก็จะลืมเข้าใจความเป็นตัวตน และต่อให้ผลตอบรับจะดีในช่วงแรก สุดท้ายก็จะหายไปเพราะความไม่เข้าใจอย่างแท้จริง
วิเคราะห์ผู้อื่นก็สำคัญจะได้รู้ว่าโลกไปถึงไหนแล้ว แต่ต้องวิจารณ์ตัวเองไปพร้อมกันด้วย ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใส่ความรู้สึกส่วนตัว ก็จะทำให้งานมีแต่พัฒนาไปเรื่อยๆเสมอ
จุดที่โดดเด่นที่สุดคือการสร้างในสิ่งที่คนควรอ่าน ไม่ใช่คนอยากอ่าน นี่คือคีย์สำคัญทำให้รูปแบบการทำงานของที่นี่ประสบความสำเร็จต่างจากที่อื่น ในสายงานเดียวกัน
หน้าที่ของสื่อคือการสะท้อนสังคมให้ผู้คนได้รับรู้ความเป็นไป แต่หลายคนยังลืมว่าสื่อก็ยังชี้นำสังคมได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้ามีแต่เรื่องที่ดีมีประโยชน์และน่าสนใจ สิ่งแวดล้อมต่างๆในสังคมก็จะเป็นไปเช่นนั้นเหมือนกัน
มุมมองฐานแฟนผู้ติดตาม อย่างที่บอกไปว่าจุดประสงค์หลักคือการนำนิตยสารมาอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ ก็แสดงว่ายังรักษาผู้ที่หลงรักในสื่อสิ่งพิมพ์อยู่บ้าง โดยอาจรวมถึงนักอ่านรุ่นใหม่ที่อยากลิ้มรสความคลาสสิคในแบบเดิมก็ยิ่งถูกใจไปใหญ่
จากยอดผู้ติดตามกว่า 4 แสนคนในแฟนเพจ ทำให้ยอดกดไลก์และกดแชร์มีตั้งแต่ระหว่างหลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ขึ้นอยู่กับคอลัมน์นั้นๆ แต่ที่จะสูงเป็นพิเศษคือคอนเทนต์เป็นเรื่องราวของตัวบุคคลที่มีชื่อเสียง เพราะเป็นที่รู้จักและจับต้องได้ในวงกว้างมากกว่าการนำเสนอในเรื่องใหม่ที่ยังไม่ถูกพูดถึงมากนัก
อย่างที่บอกว่าภาพลักษณ์ที่ The Cloud ต้องการจะแสดงให้คนจดจำไม่ใช่รายงานข่าวสารในรอบวัน แต่คือการเป็นนักเล่าเรื่อง เพราะถือคติที่ว่าทุกเรื่องราวมีความสนุกซ่อนอยู่ในทุกมุมมอง
ทำให้สิ่งที่พยุงองค์กรให้เติบโตคือการนำเรื่องราวที่ต้องการจะเล่าลงไปให้สอดคล้องกับการแทรกโฆษณาหรืออีเว้นต์ต่างๆได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะช่องทางไหน Podcast หรือ ในรูปแบบของ Video Content ก็ถูกจัดวางอย่างไม่เสียจริตความเป็นตัวเอง
การสร้างความแตกต่างคือธีมหลักที่ The Cloud พยายามใส่ลงไปในแบรนด์ โลโก้ที่ถูกออกแบบอย่างเรียบง่าย หรือส่วนของชื่อที่ใช้ภาษาอังกฤษเพื่อความเป็นสากล ยิ่งทำให้ดูเข้าใจง่ายไม่ฉูดฉาย อีกทั้งอย่างสร้างคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนได้อีกด้วย
ลายเส้นที่ถูกออกแบบโดยง่ายคืออัตลักษณ์ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์คนในสมัยนี้ ที่ความมีสีสันอาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการ โลโก้หรือเทมเพลตของแต่ละโพสต์ รูปประกอบทั้งหลายก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน การเลือกสีขาวมาตัดกับพื้นหลังสีกรมให้ความรู้สึกถึงความสุขุม สบาย เหมาะกับการติดตามได้อย่างดี
ความสม่ำเสมอคือหัวใจของงานออนไลน์ ว่ากันว่าการจะเห็นผลของการทำออนไลน์ขึ้นอยู่กับความบ่อยในการลงคอนเทนต์ สำหรับความถี่ของ Th Cloud ก็เช่นกัน ไม่ได้มีการกำหนดตายตัว แต่จากการสังเกตพบว่าจะอยู่ในปริมาณราว 4-5 คอนเทนต์เป็นอย่างน้อยต่อวัน ซึ่งจะแบ่งเป็นอยู่ในหลายช่วงเวลาตั้งแต่ 7 โมงเช้า ,เที่ยงตรง และมักจะจบที่ราว 3-4 ทุ่ม
ก็ทำให้สารถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครอบคลุม ตั้งแต่เช้าไปจนถึงเข้านอน นี่คือสิ่งที่ใครก็รู้ดีว่าเป็นการทำให้ตัวคอนเทนต์ ของตนเองเข้าถึงคนได้อย่างใกล้ชิด ผลที่ตามมามักจะน่าพอใจ
ผลงานที่เป็นชิ้นโบว์แดงสำคัญของ The Cloud ด้วยความที่ภาพลักษณ์ของแบรนด์จะดูร่วมสมัยและมีความเป็นตัวตนที่สูง ก็ย่อมเข้าถึงได้กับทุกวงการทั้ง ดนตรี ,บ้านเมือง ,สังคม ,ชุมชน ,ศิลปะ และอีกมากมาย
ทำให้ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์สำคัญที่ไหน ก็มักจะมีชื่อของ The Cloud ไปร่วมด้วย หรือเป็นการสัมภาษณ์บุคคลสำคัญในช่วงนั้นๆ ก็มักจะเค้นมุมมองใหม่ที่ไม่เหมือนกับที่อื่นมาก่อน
การจะสร้างคาแรคเตอร์ทั้งหมดนี้ ต้องอาศัยความเป็นระบบรวมเข้ากับความมืออาชีพอย่างดีที่สุด และที่จะขาดไม่ได้คือต้องหาแนวทางเส้นเรื่องของตัวเองให้เจอก่อน
ไม่จำกัดว่าจะมีต้นทุนเท่าไหร่ ทุกคนก็ทำได้และเห็นผลเท่าๆกัน อยู่ที่ว่าจุดที่เราต้องการแสดงออกไปนั้น มันช่วยผู้อื่นได้จริงหรือ ตอบสนองความต้องการตัวเองอย่างเดียวคงไม่ดีนัก
แต่จะให้ตามใจทุกคนก็ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ ทุกอย่างต้องอยู่ร่วมกันให้จงได้ ถ้าวันนี้รู้แล้วว่าอะไรคือจุดเด่นของเรา สานฝันกันต่อไป เพราะไม่ได้มีเพียงคุณคนเดียวแน่ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนนี้
จนกว่าวันนั้นจะมาถึง วันที่ทุกอย่างตอบคำถามว่าสิ่งนี้คือแนวทางที่ใช่ ให้เดินไปให้ไกลที่สุด ไม่ต้องสนปลายทาง แค่ได้ลองก้าวเดินดู มันก็คุ้มมากพอที่เหนื่อยแล้วละ.
…
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: Pexel