ทุกคนเคยมีความฝันกันไหม?
ฝันว่าสักวันจะมีงานการที่ดี มีชีวิตสุขสบาย ก้าวไปยังจุดสูงสุดของตัวเองได้อย่างภาคภูมิใจ หรือบางทีแค่ได้รู้ว่าในชีวิตนี้เราเกิดมาเพื่อชอบทำสิ่งใดเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
การมีแรงบันดาลใจทำให้รู้ว่าขอบเขตของการเดินทางมันห่างออกไปจากจุดที่ยืนอยู่มาน้อยเพียงไหน จึงต้องเกิดการประเมินสถานการณ์เพื่อวัดระยะทางให้ถึงความสำเร็จที่ต้องการ
คงคล้ายกับนักวิ่ง ที่ก่อนจะลงสนามต้องทำความรู้จักกับเส้นทางอย่างดี เพื่อที่ได้ตั้งเป้าหมายว่าเมื่อถึงจุดนี้จะเป็นเป้าหมายแรก ไล่เรียงไปจนถึงเส้นชัยที่อยู่ปลายทาง คล้ายกับเป็นตัวช่วยให้มีแรงขับเคลื่อนสม่ำเสมอ เพราะเมื่อเรามีเป้าหมายต่อให้จะเล็กก็ตาม แต่เมื่อทำสำเร็จบ่อย ๆ ก็ทำให้มองเห็นเป้าหมายใหญ่ที่ชัดเจนมากขึ้น แถมยังเพิ่มกำลังใจได้อย่างดีเลิศ
แล้วเมื่อเป้าหมายที่อยู่ไกลแสนไกล จึงจำเป็นต้องอาศัยความอดทนต่ออุปสรรคทั้งหลายเพื่อจะไปถึงจุดนั้นได้ เรียกได้ว่า ถ้าไม่แน่จริง ไม่แกร่งจริง ไม่อดทนจริง ก็คงถึงปลายทางได้ไม่ง่าย ด้วยเหตุนี้ ความถนัดจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญที่จะกุมความได้เปรียบให้กับเหล่าคนล่าฝัน
เพราะต่อให้เจอเรื่องราวที่บั่นทอนจิตใจสักแค่ไหน หากยังได้ทำในสิ่งที่ชอบที่ถนัดอย่างน้อยก็ดูจะมีน้ำทิพย์ชโลมใจไม่ให้สถานการณ์มันเลวร้ายไปเสียหมด ทำให้มีแรงกัดฟันสู้ต่อเพื่อความฝันที่ต้องการ ทำให้เวลาในการรอคอยถูกยืดออกไปด้วยความเต็มใจ
นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ว่า ความถนัดถึงได้สำคัญต่อการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน ยิ่งใครตามหาได้เจอก่อนกันก็ยิ่งได้มีเวลาในการพัฒนาความสามารถทักษะทางด้านนั้นได้มากขึ้น จนออกมาเป็นผลผลิตสู่ท้องตลาดอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ที่คนดังหลายทำคนทำในสิ่งที่ชอบจนเป็นอาชีพได้สำเร็จ
แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีทฤษฎีหนึ่งกล่าวไว้อย่างน่าสนใจ เขาบอกว่าแท้จริงแล้ว การที่คนเราทำในสิ่งที่รักหรือที่ถนัดมักจะทำให้เราหลงลืมมันได้ง่ายกว่าปกติ เพราะว่าจะทำให้คิดอยู่เสมอว่ามันเป็นเรื่องที่เราถนัดอยู่แล้ว ต่อให้ไม่เตรียมตัวก็สามารถทำได้ดีอย่างแน่นอน จนเกิดข้อผิดพลาดได้ง่ายกว่าปกติ
สาเหตุที่น่าสนใจมันอยู่ที่ตรงนี้
เชื่อว่าทุกคนมักถูกสอนว่าให้หาและทำในสิ่งที่ชอบเพื่อที่จะทำได้นานและมีความสุขอยู่เสมอ หากฝืนใจทำในสิ่งที่ไม่เป็นตัวเองก็จะทำออกมาไม่ดี สุดท้ายก็จะล้มเลิกในที่สุด
ก็หมายความว่าสองแนวคิดทฤษฎีนี้ต่างตีความกันในคนละมุมมอง แล้วปัญหาคือจะเชื่อของใครได้ล่ะทีนี้ ในเมื่อคนนี้ก็มองแบบหนึ่ง อีกคนก็มองแบบหนึ่ง ตัวคุณที่กำลังยืนอยู่หน้าทางแยกในตอนนี้ จะต้องเลือกเข้าไปในประตูทางด้านไหนถึงจะเหมาะสมที่สุด
เร็วเข้า เวลามีจำกัด ถ้าถึงเวลาต้องเลือกจริง ๆ คุณเลือกที่จะเชื่อในแบบไหนกัน?
มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า เมื่อคนเราได้ทำในสิ่งที่ไม่ปรารถนาของตัวเอง ด้วยแรงกดดัน หรือด้วยความไม่ถนัดอะไรก็ตาม จะทำให้รู้สึกเหมือนกับแมลงวันที่พร้อมจะเคลื่อนที่อยู่เสมอ และจะคอยสลัดเอาสิ่งไม่ดีและไม่ต้องการออกจากชีวิตอย่างรวดเร็วด้วยความรุนแรง
เช่นกันเมื่อชีวิตเราเจอเรื่องราวอะไรที่ไม่ต้องการ จะมีทางเลือกให้เราไม่เท่าไหร่หรอก และส่วนใหญ่ก็ลงเอยด้วยการหนีไปให้ไกล เพื่อจะได้ไม่ต้องมาพบเจอและอยู่กับสถานการณ์อันน่าอึดอัดเหล่านั้นอีก
หลังจากนั้นจะเป็นกระบวนการที่สำคัญ แต่ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าสาเหตุที่ไม่ถนัดในสิ่งนั้นเพราะอะไร รูปแบบซ้ำเดิมจนเกินไป ให้ความรู้สึกไม่ท้าทาย หรือเมื่อเจอสถานการณ์แบบนั้นจะทำให้หาทางออกไม่ค่อยเจอ ความคิดตีบตันจนดำเนินการต่อไม่ได้ เป็นต้น
ที่นี้ก็พร้อมที่จะจัดการกับปัญหาแบบนี้สักที เพราะคนเราจะเริ่มหาทางแก้ไขสถานการณ์ในแบบของตัวเอง แต่ละคนถนัดต่างกัน เมื่อเจอสิ่งที่ไม่ถนัดวิธีการดีที่สุดคือปรับให้เข้ากับตัวเราให้มากที่สุด ค้นหาวิธีที่จะพาคุณกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นจากสิ่งที่ทำอยู่
อาจเป็นการหาทางออกในแบบที่คุณถนัด ต้องโฟกัสในเป้าหมายให้ถูกจุดก่อน จากนั้นก็ทำการทดลองวิธีการที่คุณต้องการได้เลย สุดท้ายต้องอย่าลืมว่าผลลัพธ์จะต้องไม่ต่างจากเดิมก็พอ
ลองทำในสิ่งที่เคยกลัวว่าจะทำไม่ได้ดู เพราะหากไม่ลองเราจะไม่รู้เลยว่าเราจะทำมันได้ดีหรือเปล่า แล้วสิ่งที่เราถนัดและทำมันได้ดี คุณแน่ใจมากแค่ไหนว่านั่นคือเรื่องที่ทำได้ดีที่สุด อาจมีความสามารถที่เราถนัดยิ่งกว่า แต่ยังหลับใหลและไม่ถูกปลุกขึ้นมาในตัวเราอยู่ก็ได้
การเลือกในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะเลือกมาก่อน ในวันที่กล้าเปลี่ยนก็จะเจอกับความรู้สึกแบบใหม่
เหมือนกับถ้าคุณชอบกินอาหารเมนูหนึ่งมาก ทุกครั้งที่ไปร้านอาหารก็มักแต่จะสั่งเมนูเดิม จนวันหนึ่งคุณลองกล้าที่จะสั่งเมนูใหม่ ก็จะรู้ว่ารสชาติมันเป็นอย่างไร อาจจะชอบมากกว่าเดิม หรือยังคงชอบเมนูเดิมอยู่ดี อย่างน้อยก็ได้รู้จักตัวเองมากขึ้นว่าเราเจอสิ่งที่ชอบหรือไม่ชอบเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่างแล้ว
สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ หากวันใดวันหนึ่งได้ทำในสิ่งที่ไม่ถนัดเลย ก็จะไม่ใช่ปัญหา เพราะสักวันหากยังคงทำไปต่อเนื่องแม้ว่าความรักอาจไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ความถนัดจะเพิ่มขึ้นแน่นอน และถ้าตราบใดที่ยังคงเชื่อในเป้าหมายอยู่ คุณก็จะทำสิ่งนั้นด้วยการผ่านแรงกดดันพร้อมกับสร้างแรงจูงใจควบคู่กันไป เพื่อเอาชนะอุปสรรคมากมายที่ต้องเจอ จนสุดท้ายก็ผ่านไปได้ในที่สุด
ชีวิตคนเรามันสั้น หากใครเจอความชอบกับความถนัดแล้วก็เก็บเกี่ยวแล้วนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ส่วนใครที่ยังไม่เจอ จะให้ลองพยายามตามหาทั้งชีวิตก็คงไม่มีเวลามากพอขนาดนั้น ก็อย่าได้วิตกจนเกินไป มุ่งมั่นทำในสิ่งที่อาจไม่ใช่ทางของคุณต่อไปเพราะมันก็ส่งคุณไปถึงเป้าหมายที่ดีได้เช่นกัน
จากนั้นค่อยมาลุ้นกันว่าสิ่งนั้นจะกลายเป็นสิ่งที่คุณถนัดได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้อย่างน้อยลองพยายามดูแล้วก็รู้ว่าไม่ใช่ แต่มีหลายคนเปลี่ยนจากสิ่งที่เคยไม่ชอบ ก็ผันมาเป็นสิ่งที่ถนัดที่สุดในวันนี้มานักต่อนักแล้ว
…
เรียบเรียงโดย : กฤตเมธ อันสมัคร
กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: Pexels