คิดว่าบนโลกใบนี้ยังมีทฤษฎีการลงทุนไหนที่ตายตัวหรือเปล่า คำตอบที่จะได้รับก็คงบอกว่า…ไม่ ตราบใดที่ความต้องการของลูกค้ายังคงเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ การพัฒนาตนเองในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จึงต้องเท่าทันเพื่อไม่ให้ตกขบวนจนกลายเป็นความล้าสมัย
ต้องยอมรับว่าหนึ่งสิ่งที่เติบโตไปพร้อม ๆ กับช่วงอายุของคนก็คือบ้าน ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนบ้านก็ยังคงอยู่ในความต้องการเสมออาจจะด้วยเหตุผลที่ว่าบ้านคือปัจจัย 4 ที่ขาดไม่ได้จึงเป็นหนึ่งในทฤษฎีที่ช่วยยืนยันว่าต่อให้อีกหลายต่อหลายสิบปีข้างหน้าธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็จะยังคงได้ไปต่อ แต่จะในรูปแบบไหนนั้นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่คนกำหนดแต่เป็นความต้องการของตัวผู้บริโภคต่างหาก
จากความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยนั้นเปลี่ยนไปมากพอสมควรไม่ว่าจะด้วยความผันผวนทางเศรษฐกิจที่ทำให้อัตราการจ้างงานนั้นลดลง หรือค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นทำให้ผู้คนที่เคยอาศัยอยู่ในเมืองนั้นเริ่มหาลู่ทางที่เหมาะสำหรับการตั้งถิ่นฐานใหม่ในพื้นที่ที่แตกต่างซึ่งทิศทางที่คนส่วนใหญ่เลือกจะไปลงหลักปักฐานก็คือพื้นที่ในต่างจังหวัดเพราะมีค่าครองชีพที่ถูกกว่า
คุณวรารัตน์ ศรีสุรีย์ เจ้าของโครงการ วรารินพร็อพเพอร์ตี้ ที่ได้เข้าไปเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกตลาดโครงการบ้านจัดสรรในพื้นที่จังหวัดหนองคายจนประสบความสำเร็จมาแล้ว ได้กล่าวเอาไว้ว่า… “การลงทุนในพื้นที่ต่างจังหวัดแม้จะมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่างที่ไม่เทียบเท่ากับการแข่งขันของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในตัวเมือง แต่ท่ามกลางจุดด้อยเหล่านั้นก็ยังมีข้อได้เปรียบบางอย่างซึ่งก็คือการได้บุกเบิกในพื้นที่ทำเลใหม่โดยที่มีคู่แข่งในตลาดเดียวกันยังไม่มากนัก เมื่อบวกกับค่าครองชีพที่ไม่ได้สูงเท่ากับพื้นที่ในเมืองทำให้โอกาสในการเข้าถึงทรัพย์ของประชากรในพื้นที่มีมากขึ้นและมีโอกาสสูงที่การดำเนินธุรกิจจะสามารถผ่านไปได้ภายใต้การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมเมือง”
จากการคาดการณ์ของนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคได้กล่าวเอาไว้ว่าในปี 2025 ประชากรจะมีการย้ายถิ่นฐานออกไปอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้นถึง 30% ไม่ใช่เพียงแค่ชนชั้นลูกจ้างแรงงานแต่อาจจะรวมไปถึงกลุ่มคนที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเมืองมาก่อน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วนอกจากสาเหตุของค่าครองชีพที่สูงขึ้นก็ยังมีเหตุผลอื่น ๆ เพิ่มเติมที่กลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เกิดการตัดสินใจร่วมด้วย
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
ผู้คนต้องการเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบใหม่
ถ้าลองสังเกตจะเห็นว่าหนึ่งในวิถีชีวิตของคนเมืองที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์มากที่สุดก็คือความเร่งรีบ ไม่ว่าจะด้วยการทำงานที่ต้องแข่งกับเวลาหรือการเดินทางที่เป็นอุปสรรคต่างก็เป็นที่มาของความเร่งรีบทั้งสิ้น หนึ่งชั่วโมงของการเผื่อเวลาอาจจะเป็นเรื่องที่พอดิบพอดีเสียด้วยซ้ำในบางสถานการณ์ หรือแม้แต่บางครั้งความเร่งรีบเหล่านั้นก็กินเวลาชีวิตไปมากกว่าที่คิด ในหนึ่งวันหมดไปกับการเดินทางแล้ว 4 ชั่วโมง ในหนึ่งสัปดาห์เวลาหายไปแล้ว 28 ชั่วโมง และเมื่อผ่านไปหนึ่งปีจะเป็น 1,460 ชั่วโมง นั่นหมายความว่าเวลาเหล่านั้นถูกละทิ้งให้เสียไปอย่างเปล่าประโยชน์แทนที่จะถูกนำไปใช้กับอย่างอื่นเพื่อตนเองมากกว่า เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งที่มีความอิ่มตัวกับวิถีชีวิตแบบเดิม ๆ มากพอแล้วผู้คนเหล่านั้นจะเริ่มมองหาโอกาสที่จะได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยวิถีแบบใหม่ที่ไม่ต้องอยู่ในกรอบของความเป็นสังคมเมืองอีกต่อไป และแน่นอนว่าเส้นทางที่คนเหล่านั้นเลือกก็คือการออกไปใช้ชีวิตในต่างจังหวัด
การรักษาสุขภาพจิตคือสัญญาณของการใช้ชีวิตที่ดี
อย่างที่รู้กันว่าเมื่ออยู่ในสังคมเมืองจะไม่สามารถหาความสงบได้เลยแม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของตนเองก็ตาม หนึ่งวันขั้นต่ำของการใช้ชีวิตที่เรียกว่าวันหยุดอาจจะไม่เพียงพอเสียด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับเวลาที่ต้องทำงานตลอดทั้งสัปดาห์หรือเวลาที่ต้องเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์กับการเดินทางท่ามกลางการจราจรที่ติดขัด ความวุ่นวายเหล่านั้นยังคงกลับมาให้ตั้งคำถามอยู่บ่อยครั้งว่าการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพจิตควรเป็นแบบไหน ซึ่งที่แน่ ๆ ไม่ใช่การอาศัยอยู่ในเมืองอย่างแน่นอน และอาจจะด้วยเหตุนี้จึงเห็นว่าช่วงวันหยุดยาวผู้คนส่วนหนึ่งมักจะทยอยออกไปนอกเมืองกันเป็นจำนวนมาก เมื่อได้สัมผัสกับวิถีชีวิตแบบใหม่ท่ามกลางสังคมและสภาพแวดล้อมที่มีความแตกต่างจากเดิม อีกทั้งค่าครองชีพยังถูกกว่าจึงกลายมาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คนตัดสินใจที่จะย้ายถิ่นฐานออกสู่พื้นที่ต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น
แม้จะถูกมองว่าสิ่งเหล่านี้คือเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจึงทำให้นักลงทุนหลายคนยังปักใจที่จะลงทุนกับทำเลในเมืองอยู่ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอย่างที่ว่าตราบใดที่ประชากรที่อาศัยอยู่ภายในเมืองไม่ได้ลดฮวบลงภายในพริบตา แต่การหาลู่ทางสำหรับการลงทุนก็คงไม่ต่างจากการหาลู่ทางสำหรับโยกย้ายที่อยู่อาศัยเพราะการเข้าไปลองทำในสิ่งใหม่ ๆ อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับอนาคตก็ได้
นอกจากนี้คุณวรารัตน์ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ความกังลใจอย่างหนึ่งในฐานะนักลงทุนที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือความกลัวต่อความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่ตัดสินใจลงทุนไปแล้วโดยเฉพาะเรื่องของทรัพย์ติดมือ หรือบ้านที่ขายไม่ออก เมื่อความกังวลมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ความคิดที่จะตัดสินใจลงทุนในพื้นที่ทำเลต่างจังหวัดก็หยุดชะงักลงทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วคนในพื้นที่ต่างก็มีความสามารถในการซื้อบ้านเช่นเดียวกันเพียงแค่นักลงทุนยังไม่เปิดโอกาสให้คนกลุ่มนั้นได้แสดงศักยภาพทางการเงินและสภาพคล่องด้านการใช้จ่ายในพื้นที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่ก็เท่านั้นเอง”
อย่างที่ได้กล่าวไปว่าคนที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดต่างก็มีกำลังทรัพย์ในการซื้อบ้านเช่นเดียวกับคนที่อาศัยอยู่ในเมือง รวมถึงเงื่อนไขในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินก็ไม่ได้มีความแตกต่างหรือซับซ้อนมากน้อยไปกว่ากันเลยสักนิดแต่สิ่งที่พวกเขายังขาดอยู่ก็คือโอกาสที่จะได้จับจองบ้านในโครงการเหมือนกับบ้านที่อยู่ในใจกลางเมือง ไม่แน่ว่าความพร้อมในการซื้อทรัพย์นั้นอาจจะมีมากกว่าที่นักลงทุนคาดไว้ หรือจริง ๆ แล้วอาจจะเพียงแค่รอว่าเมื่อไหร่จะมีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผู้บุกเบิกเข้าไปเปิดโครงการใหม่อยู่ก็ได้
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
อ้างอิง:
คุณวรารัตน์ ศรีสุรีย์ เจ้าของโครงการ วรารินพร็อพเพอร์ตี้
Why an investment in headspace is seeing homeowners flock to the countryside จาก https://bit.ly/3L1mPOq
Urban Vs. Suburban Vs. Rural: What’s The Difference? จาก https://www.fortunebuilders.com/urban-vs-suburban/
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
เรียบเรียงโดย: ศุภธิดา รัสพันธ์
คอนเทนต์ครีเอเตอร์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Freepik