คุณคิดว่าส่วนใหญ่ลูกค้ารับข่าวสารการซื้อขายบ้านมากที่สุดจากช่องทางไหนบ้าง?
จากป้ายประกาศหน้าโครงการที่กำลังก่อสร้างหรือเปล่า… หรือว่าเป็นสื่อโฆษณาบนทางด่วน
แล้วใครกันล่ะที่จะจอดรถเพื่ออ่านป้ายประกาศนั้นจนจบ ถ้ามีน้อยหรือไม่มีเลยก็เท่ากับว่าการตลาดแบบออฟไลน์นั้นไม่ใช่จุดมุ่งหมายเพียงอย่างเดียวที่จะพาธุรกิจการขายบ้านเข้าไปอยู่ในใจของลูกค้าได้อย่างง่ายดายภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว ขอย้อนกลับมาถามสักนิดว่าตอนนี้คิดว่าคนเราใช้เวลามากที่สุดอยู่ที่ไหน?
ไม่ใช่ที่บ้าน
ไม่ใช่ที่ทำงาน
แต่เป็นโลกออนไลน์ต่างหาก
ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่งานยุ่งหรือกำลังอยู่บนท้องถนนที่รถติดขนัดมากสักแค่ไหนแต่ก็มักจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่คนเราจะหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อเช็กความเป็นไปบนช่องทางออนไลน์ของตัวเองหรือแม้แต่บางครั้งที่เจอป้ายประกาศขายบ้านอยู่ตามบริเวณข้างถนนก็ยังต้องกลับมาค้นหาข้อมูลประกอบบนช่องทางออนไลน์อยู่ดี ส่วนเหตุผลนั้นอาจจะเป็นเพราะความสะดวกง่ายดาย และประหยัดเวลามากกว่าการเข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ ณ สำนักงานขายโดยตรง และนี่ก็คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งเช่นกันที่หลายองค์กรธุรกิจเริ่มหันมาทำการตลาดออนไลน์มากขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
แม้ว่าความเหมือนที่หลากหลายอย่างการทำการตลาดออนไลน์ของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะทำให้ลูกค้าได้มีตัวเลือกที่มากขึ้นก็จริง แต่คงไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไหร่หากจะหลีกเลี่ยงการทำการตลาดในรูปแบบนี้ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าคนส่วนใหญ่ล้วนใช้เวลาไปกับการท่องโลกออนไลน์มากกว่าการใช้ชีวิตประจำวันเสียด้วยซ้ำ ฉะนั้นคงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายหากจะปล่อยให้ตัวเองเป็นนักลงทุนมือใหม่ที่ตกขบวน
แล้วช่องทางการตลาดออนไลน์แบบไหนบ้างล่ะที่เหมาะสำหรับนักลงทุนอสังหาฯ มือใหม่
1. การทำเว็บไซต์
เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับกรทำการตลาดออนไลน์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาอย่างมั่นคงเป็นเวลานานก็คงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากการมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง หากลองสังเกตการตลาดของกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จะเห็นได้ว่าคนกลุ่มนั้นต่างก็มีเว็บไซต์เพื่อเป็นจุดศูนย์รวมทั้งข่าวสารและผลิตภัณฑ์ขององค์กร หรืออาจจะควบรวมข้อมูลอื่น ๆ เข้าไปด้วยโดยที่จุดประสงค์หลักของการทำเว็บไซต์นั้นก็คือการให้ข้อมูลกับลูกค้าโดยตรงในคลิกเดียวโดยที่ไม่จำเป็นต้องสลับหน้าเว็บไปมา ซึ่งการทำเว็บไซต์นั้นจะถือว่าเป็นการทำการตลาดที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์และตัวตนขององค์กรได้มากที่สุดทั้งในรูปแบบของการสร้างภาพจำผ่านการออกแบบและการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้โดยตรงผ่านแพลตฟอร์มหลักของตนเอง
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
2. การทำเพจ Facebook
ถ้าหากการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าด้วยเว็บไซต์เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่ตอบโจทย์มากเท่าที่ควรหากว่าเป็นผู้ประกอบการหรือนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หน้าใหม่เพราะถือว่ายังเป็นช่วงเวลาที่น้อยคนนักจะรู้จัก ฉะนั้นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุดก็คือการทำเพจ Facebook ซึ่งถือว่าเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีบัญชีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมากอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ ซึ่งนั่นหมายความว่ามีโอกาสที่การนำเสนอขายบ้านในโครงการจะถูกส่งต่อไปถึงคนหลักล้านได้หากว่าคนกลุ่มนั้นมีความสนใจหรือกำลังมองหาบ้านสักหลังอยู่
อีกหนึ่งวิธีการใช้งานเพจ Facebook ให้กลุ่มเป้าหมายมองเห็นมากที่สุดก็คือการทำโฆษณาหรือการยิง Ads เพราะจะเป็นการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่จำเพาะเจาะจงมากที่สุด ซึ่งหากบัญชีผู้ใช้ที่มีความสนใจในเรื่องของที่อยู่อาศัยและสิ่งปลูกสร้างก็จะมีโอกาสมองเห็นเพจมากยิ่งขึ้นและค่าใช้จ่ายเพื่อแลกกับการโฆษณานั้นก็มีตั้งแต่จำนวนไม่มากประมาณหลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นในกรณีที่เจ้าของธุรกิจต้องการโปรโมทตัวตนของเพจให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
3. การใช้ Influencer Review
การรีวิวเปิดบ้านเป็นอีกหนึ่งเทคนิคด้านการตลาดออนไลน์ที่เพิ่งจะเป็นที่รู้จักเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาและในปัจจุบันนี้ก็เริ่มมีผู้ประกอบการธุรกิจสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยหลายคนเริ่มเข้ามาทำการตลาดในรูปแบบนี้เช่นเดียวกัน โดยใช้ผู้ที่มีอิทธิพลในโลกโซเชียลหรือคนดังมาช่วยในการโปรโมทตัวบ้านผ่านการรีวิวบนช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook TIKTOK และ Instagram ซึ่งในรายละเอียดการนำเสนอนั้นอาจจะเป็นประสบการณ์จากผู้ใช้จริงหรือเป็นการนำเสนอเชิงการตลาดที่เน้นความสนุกสนานและน่าสนใจเพื่อเชิญชวนให้ผู้ชมอยากเข้ามาจับจองเป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าของโครงการที่ไม่มีเวลาสำหรับการวางแผนการตลาดที่มีความซับซ้อน ลดภาระค่าใช้จ่ายสำหรับการจ้างนายหน้า และสามารถสร้างตัวตนบนช่องทางออนไลน์ได้รวดเร็วมากขึ้น
4. การส่งข้อมูลผ่านทางอีเมล์
การส่งอีเมล์เพื่อแจ้งข่าวสารเกี่ยวกับการเสนอขายยังคงเป็นทางเลือกที่ได้ผลดีอีกทางหนึ่งเพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือคนที่มีความสนใจในเรื่องบ้านได้ครบถ้วนแทนที่จะใช้เทคนิคการส่งแบบหว่านแหเพราะการตลาดแบบนั้นอาจจะไปถึงผู้รับที่ไม่ได้มีความสนใจในเรื่องของบ้านเลยแม้แต่นิดเดียว อีเมล์ของลูกค้าสามารถหามาจากการกรอกแบบสอบถามผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยทั้งแบบออฟไลน์ที่ตั้งบูธอยู่ตามจุดหรือสถานที่ต่าง ๆ และการกรอกแบบฟอร์มผ่านช่องทางออนไลน์ เป็นต้น แต่จุดขายของการส่งข้อมูลข่าวสารทางอีเมล์ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการให้ข้อมูลแน่น ๆ เสมอไปเพราะบางครั้งตัวหนังสือเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ลูกค้ารู้สึกเบื่อหน่ายได้เช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการตลาดของช่องทางนี้จึงต้องออกแบบให้ดูน่าสนใจไม่ต่างจากช่องทางอื่น ๆ แม้ว่าผู้ที่ได้รับจดหมายจะมีความสนใจในเรื่องบ้านอยู่แล้วก็ตามที เพราะไม่เช่นนั้นเนื้อความที่ควรจะเข้าไปอยู่ในใจอาจจะกลายเป็นเข้าไปอยู่ในกล่องจดหมายขยะก็ได้
5. จัดสัมมนาออนไลน์
ถ้าพูดถึงการตลาดออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้กลุ่มลูกค้าได้เข้ามาซักถามกันตรง ๆ เหมือนอยู่ต่อหน้าแถมยังตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ New Normal ด้วยก็คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากการจัดสัมมนาออนไลน์ การประชาสัมพันธ์ในรูปแบบนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้เข้ามาถามตอบข้อสงสัยกันอย่างตรงไปตรงมาเหมือนได้อยู่ต่อหน้า อีกทั้งยังได้เห็นการนำเสนอโครงการโครงการบ้านในปัจจุบันและในอนาคตเพื่อเป็นการจูงใจและกระตุ้นความต้องการในการซื้อบ้านเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
เรียบเรียงโดย: ศุภธิดา รัสพันธ์
คอนเทนต์ครีเอเตอร์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Freepik