เจ้าของโครงการขาดทุนยับเพราะไม่รู้จัก BOQ
เจ้าของโครงการที่มีประสบการณ์ยังไม่มากในการทำบ้านจัดสรรอาจจะเคยพบเจอกับปัญหาค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูงเกินกว่าที่ตั้งไว้มากหรือถูกผู้รับเหมาบางคนโก่งราคาค่าวัสดุแต่เนื้องานกลับเละไม่เป็นท่า กว่าจะรู้ตัวปัญหาก็ลุกลามเกินกว่าจะหาทางแก้หรือต่อให้แก้ได้ก็คงต้องสูญเงินอีกจำนวนไม่น้อย
ฉะนั้นเพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายที่เกินงบประมาณจนนำไปสู่การลงทุนที่เข้าเนื้อมากกว่ากำไร การศึกษาเรื่องของ BOQ จึงสำคัญมากสำหรับการทำโครงการบ้านจัดสรร โดยเฉพาะกับเจ้าของโครงการมือใหม่ที่ยังไม่มีความเชี่ยวชาญ
ทำไม BOQ ถึงเป็นตัวชี้วัดกำไร-ขาดทุน?
BOQ หรือชื่อเรียกเต็ม ๆ ก็คือ Bill of Quantities เป็นเอกสารแสดงรายการวัสดุและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างว่าต้องใช้วัสดุอะไร ปริมาณเท่าไหร่ และมีค่าใช้จ่ายมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะเป็นราคากลางคร่าว ๆ ที่ถอดมาจากแบบการก่อสร้างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรม โครงสร้างวิศวกรรม หรืองานตกแต่งอื่น ๆ ซึ่งสามารถชี้วัดได้ว่างบประมาณการก่อสร้างโครงการนั้นจะสามารถสร้างกำไรให้กับเจ้าของโครงการได้มากน้อยแค่ไหนด้วย
เจ้าของโครงการจะได้ BOQ มาจากไหน?
เจ้าของโครงการสามารถขอ BOQ ได้จาก 2 แหล่งที่มา ได้แก่
1. ผู้ออกแบบโครงการ
BOQ ที่ได้มานี้จะออกให้โดยสถาปนิกผู้ออกแบบบ้าน ประกอบด้วยรายละเอียดคร่าว ๆ ยังไม่ลงลึกถึงรายละเอียดของแบบ สี หรือยี่ห้อของสินค้า แต่จะเป็นการอิงตามราคากลางในการเปรียบเทียบมาตรฐานที่เทียบเท่ากัน เช่น อ่างอาบน้ำ 10,000 บาทต่อหน่วย เป็นต้น ซึ่งการก่อสร้างจริงจะเลือกใช้วัสดุรุ่นใดก็ได้ที่มีราคาใกล้เคียงกัน
ในกรณีที่ซื้อแบบบ้านสำเร็จรูปมาจากบริษัทรับออกแบบบ้านทั่วไปมักจะได้ BOQ แถมมาด้วย ซึ่งการซื้อแบบบ้านจากผู้ออกแบบโดยตรงจะมีข้อดีมากกว่าการให้ผู้รับเหมาเป็นผู้ออกแบบให้เองเพราะเจ้าของโครงการสามารถนำ BOQ ที่ได้ไปเป็นราคากลางในการเปรียบเทียบราคาจากผู้รับเหมาแต่ละเจ้าว่ามีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหนหรือบริษัทใดที่สามารถให้ราคาที่เหมาะสมมากที่สุด ทั้งนี้เจ้าของโครงการควรระวังในเรื่องของการเสนอ BOQ จากผู้รับเหมาที่มีราคาต่ำมาก ๆ เพราะมีโอกาสสูงที่จะถูกทิ้งงาน
2. ผู้รับเหมาก่อสร้าง
หลังจากที่เจ้าของโครงการได้รับ BOQ จากผู้ออกแบบแล้ว ผู้รับเหมาก่อสร้างจะต้องจัดทำ BOQ เพื่อนำเสนอกับเจ้าของโครงการด้วยเสมอประกอบกับการเจรจาทำสัญญาจ้างงานก่อสร้าง วิธีนี้จะเป็นการป้องกันการถูกผู้รับเหมาโกงค่าวัสดุได้เป็นอย่างดีเพราะใน BOQ จะมีรายละเอียดครบถ้วนตามที่ตกลงกันไว้แล้วว่าต้องใช้วัสดุ หรือมีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่
หมวดงานที่นำมาใช้ประเมินราคาใน BOQ
ภายในเอกสาร BOQ จะประกอบไปด้วยหมวดงานต่าง ๆ สำหรับงานก่อสร้าง โดยแยกเป็นหมวดหมู่ดังนี้
- หมวดงานดินและการเตรียมงาน คือ การเตรียมการก่อสร้าง ประกอบด้วย การถมดินหรือการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเดิม
- หมวดงานโครงสร้าง คือ รายละเอียดและการประมาณการโครงสร้างทั้งหมด ประกอบด้วย คอนกรีตโครงสร้าง คอนกรีตหยาบ และไม้แบบ
- หมวดงานสถาปัตยกรรม ประกอบด้วย งานหลังคา งานพื้น ผนัง ประตู หน้าต่าง งานทาสี กระเบื้องหลังคา พื้นผิวซีเมนต์ ผนังคอนกรีต และงานตกแต่งภายใน
- หมวดงานระบบ ประกอบไปด้วย งานประปาและสุขาภิบาล งานไฟฟ้า และงานเดินท่ออากาศ
- หมวดงานอื่น ๆ ได้แก่ องค์ประกอบที่จะทำให้โครงการครบถ้วนตามแบบ
BOQ สามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้หรือไม่?
BOQ ไม่เพียงแค่เป็นใบแสดงรายการวัสดุและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเท่านั้นเพราะเจ้าของโครงการสามารถใช้ประโยชน์จาก BOQ ในทางอื่นได้อีกด้วย
1. ใช้ในการยื่นขอสินเชื่อจากธนาคาร
สำหรับเจ้าของโครงการที่วางแผนจะกู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อสร้างบ้านขายนั้นสามารถแนบเอกสาร BOQ ที่ได้จากผู้ออกแบบหรือผู้รับเหมาก่อสร้างเพื่อประกอบการพิจารณาการยื่นขอสินเชื่อได้เช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่ของสถาบันการเงินจะประเมินวงเงินที่ขอกู้ว่ามีความสอดคล้องกับค่าใช้จ่ายใน BOQ หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้การขอสินเชื่อนั้นมีโอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสูง
2. ใช้ในการตรวจงานและมาตรฐานของวัสดุที่เลือกใช้
เมื่อมี BOQ ในมืออยู่แล้วก็แทบจะไม่ต้องมานั่งคิดให้เสียเวลาว่าจะต้องตรวจเนื้องานก่อสร้างในส่วนใดบ้างเพราะรายละเอียดใน BOQ มีการระบุไว้อยู่แล้วว่าต้องใช้วัสดุประเภทใด เช่น ใน BOQ ระบุไว้ว่าอ่างล้างหน้าเป็นของยี่ห้อ A สีขาว งานก่อสร้างจริงก็ต้องเป็นอ่างยี่ห้อ A สีขาวเช่นกัน ซึ่ง BOQ นี้สามารถใช้ได้ทั้งการตรวจงานระหว่างการก่อสร้างและการตรวจงานก่อนการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างจากผู้รับเหมา
เจ้าของโครงการที่ต้องการคำนวณ BOQ ด้วยตนเองต้องทำอย่างไรบ้าง?
สำหรับเจ้าของโครงการหรือคนที่ต้องการคำนวณค่าใช้จ่ายสำหรับสิ่งปลูกสร้างจำนวนน้อย ๆ ด้วยตนเองก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. จัดหมวดหมู่งาน
การจัดหมวดหมู่งานก็เหมือนกับการแยกประเภทของงานก่อสร้างออกมาเป็นหมวดย่อย ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการคำนวณวัสดุและค่าใช้จ่ายในแต่ละส่วน โดยเริ่มจากการจำแนกก่อนว่าบ้านหนึ่งหลังจะต้องมีงานก่อสร้างส่วนใดบ้าง เช่น งานโครงสร้าง งานหลังคา งานพื้น งานทาสี พื้นผิวซีเมนต์ ผนังคอนกรีต เป็นต้น
2. วัดขนาดพื้นที่
หน่วยในการวัดพื้นที่ในการก่อสร้างส่วนใหญ่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือหน่วยเมตรและตารางเมตรเพื่อให้สอดคล้องกับหน่วยที่ใช้ในการซื้อขายวัสดุก่อสร้าง เช่น บ้านหนึ่งหลังมีห้องน้ำมี 3 ห้อง พื้นที่ห้องละ 10 ตารางเมตร ก็สามารถระบุลงใน BOQ ได้เลยว่าต้องการกระเบื้องสำหรับปูห้องน้ำจำนวน 30 ตารางเมตร เป็นต้น
3. สำรวจราคาซื้อขายวัสดุ
เพื่อให้ได้ราคาซื้อขายวัสดุที่เป็นกลางที่สุดเจ้าของโครงการควรเลือกยึดราคาตามร้านซื้อขายวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น ไทวัสดุ โฮมโปร เป็นต้น เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการคำนวณราคาค่าใช้จ่ายของวัสดุแต่ละประภทที่จะต้องระบุลงไปใน BOQ
4. ประมาณการราคาที่ต้องจ่าย
หลังจากการสำรวจราคาสินค้าในตลาดแล้ว เจ้าของโครงการสามารถระบุค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อวัสดุได้ง่าย ๆ ด้วยหลักการ ดังนี้
ปริมาณวัสดุ x ราคาต่อหน่วย = ราคาวัสดุโดยประมาณ
ถ้าคำนวณตามสูตรนี้จะได้ค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ที่ใกล้เคียงกับยอดค่าใช้จ่ายจริงมากที่สุด แต่ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะเป็นเพียงค่าวัสดุเท่านั้น ไม่รวมกับค่าแรงงานสำหรับการก่อสร้างเพราะส่วนนั้นจะมีการคิดคำนวณที่ค่อนข้างซับซ้อนเพราะผู้รับเหมาแต่ละคนจะคิดค่าแรงไม่เท่ากัน แต่สามารถคาดคะเนได้ง่าย ๆ โดยใช้หลักการ ดังนี้
- งานก่อสร้างขนาดเล็กกำหนดราคาไม่เกิน 50 บาทต่อหน่วย
- งานขนาดปานกลางหรืองานทั่วไปกำหนดราคาไม่เกิน 120 บาทต่อหน่วย
- งานขนาดใหญ่หรืองานยากกำหนดราคาไม่เกิน 500–1,000 บาทต่อหน่วย
ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายใน BOQ จะไม่ใช่ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างจริงที่ตายตัวแต่อย่างน้อยก็เป็นตัวช่วยให้เจ้าของโครงการได้ทราบล่วงหน้าว่าการก่อสร้างโครงการนี้จะมีค่าใช้จ่ายโดยรวมอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่เพื่อกำหนดต้นทุนในการก่อสร้างที่กำลังจะเกิดขึ้นและควบคุมไม่ให้เกินงบประมาณจนนำไปสู่การขาดทุนแต่ยังคงไว้ซึ่งการเป็นโครงการบ้านจัดสรรที่มีคุณภาพ
อ้างอิง:
BOQ คืออะไร 4 ขั้นตอนคำนวณ BOQ ก่อนสร้างบ้าน ป้องกันถูกผู้รับเหมาโกง จาก https://bit.ly/3CZ1V01
BOQ บ้าน คืออะไร พร้อมตัวอย่างไฟล์ Excel 2561 จาก https://www.banidea.com/boq-bill-of-quantities/
BoQ คืออะไร สำคัญกับการสร้างบ้านอย่างไร ? จาก https://bit.ly/3NaggeF
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
เรียบเรียงโดย: ศุภธิดา รัสพันธ์
คอนเทนต์ครีเอเตอร์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Freepik