ต้องจ่ายแบบไหนที่เรียกว่าจ่ายให้คุ้มเหนื่อย…
ว่ากันว่าเมื่อได้รับผลตอบแทนจากการทำงานหนักมาแล้วคนเรามักจะทำอยู่สองอย่างคือใช้ให้น้อยที่สุดหรือเหลือเก็บไว้ต่อทุนอีกนิดหน่อยเพราะรู้ว่าเงินก้อนนี้นั้นต้องแลกมาด้วยความยากลำบากจนเลือดตาแทบกระเด็นหรือต้องฟังเสียงเจ้านายบ่นอยู่เป็นเดือน ๆ กว่าจะได้เห็นตัวเงินก้อนที่ว่า ท่ามกลางคำปลอบใจของตัวเองที่บอกให้อดทนครั้งแล้วครั้งเล่าก็เพื่อผลตอบแทนเหล่านี้ทั้งนั้น
ส่วนอีกหนึ่งอย่างที่ยังไม่ได้กล่าวถึงก็คือความอดทนต่อความยากลำบากเพื่อรอผลตอบแทนเช่นเดียวกัน แต่ทว่าเมื่อได้รับเงินสักก้อนมาแล้วกลับไม่ได้ถูกเก็บไว้หรือใช้อย่างประหยัดอดออมเหมือนทางแรก ตรงกันข้ามกลับเป็นการจ่ายแหลกเพื่อให้รู้สึกถึงความคุ้มค่าจากความเหนื่อยและความกดดันที่ตัวเองต้องแบกรับเอาไว้มาเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนไม่ได้บอกว่าทางไหนเป็นทางที่ถูกหรือทางที่ผิดเพราะผลตอบแทนที่ได้มานั้นเป็นสิทธิของเจ้าของเงินที่จะใช้จ่ายอย่างเต็มที่ทั้งสิ้น เพียงแค่อยากจะถามว่า… แล้วตัวคุณล่ะ…จัดอยู่ในกลุ่มแรกหรือกลุ่มที่สอง
ถ้าอยู่ในกลุ่มที่สอง ขอถามสั้น ๆ อีกหนึ่งคำถามว่า…เงินที่ได้มาพอใช้จนหายเหนื่อยหรือเปล่า?
สมมติว่าจับกลุ่มคนร้อยคนมาอยู่ในที่เดียวกันแล้วหาความแตกต่างระหว่างคนกลุ่มนี้ แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาจะมีไม่เท่ากันก็คือ รายได้ บางคนอาจจะอยู่ที่หลักล้านต่อเดือน บางคนอาจจะอยู่ที่หลักแสน หลักหมื่น หรือหลักพัน ซึ่งลดหลั่นลงมาเรื่อย ๆ ตามอาชีพและความรับผิดชอบ ดังนั้นเมื่อรายได้แต่ละคนมีไม่เท่ากันความสามารถในการใช้จ่ายก็ลดน้อยลงตามไปด้วย และเมื่อไหร่ก็ตามที่ความต้องการในการซื้อมากกว่าทุนทรัพย์ที่มี หลายต่อหลายคนก็มักจะเริ่มมองหาโอกาสใหม่ ๆ ที่จะหาเงินมาใช้จ่ายได้เยอะขึ้น
ไม่ใช่การลงทุน
ไม่ใช่การทำงานให้หนักขึ้น
แต่เป็นการใช้เงินอนาคตในรูปแบบของบัตรเครดิตต่างหาก
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
เมื่อมีเงินคนเราก็มักจะนึกถึงแค่การใช้เงิน มีใครบ้างล่ะที่จะมานั่งนึกถึงการใช้หนี้ เวลาส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการซื้อความสุขให้กับตัวเองทั้งสิ่งที่ต้องการและสิ่งที่ไม่ต้องการเพียงเพราะคิดว่าจะซื้อทั้งทีต้องเอาให้คุ้มหรือซื้อจนกว่าจะรู้สึกว่าไม่อยากซื้อแล้ว ซึ่งในเวลานั้นอาจลืมไปแล้วว่าเงินก้อนที่ถูกละลายไปเหมือนเกลือโดนน้ำนั้นไม่ใช่เงินกินเปล่าแต่เป็นเงินอนาคตที่ยังต้องหามาใช้คืนเช่นเดียวกับการเป็นหนี้
เมื่อพูดถึงหนี้บัตรเครดิตแล้วจะไม่พูดถึงคนนี้เลยก็คงไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น อดีตเจ้าแม่บัตรเครดิต 21 บัญชี อย่างคุณฟ้า (นางฟ้า อสังหา พารวย) ซึ่งแฟนเพจเพื่อนแท้หลายคนน่าจะรู้จักหรือคุ้นเคยกันมาบ้างแล้วว่าเธอคือคนที่เติบโตในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยจุดเริ่มต้นจากการที่บ้านโดนยึด!
คุณฟ้าก็เป็นเหมือนใครหลาย ๆ คนที่อยากจ่ายเงินให้กับสิ่งที่ตัวเองต้องการ ทั้งสังคม กระแสความนิยมที่ผ่านมาแล้วผ่านไป หรือแม้แต่สิ่งที่เจ้าตัวไม่คิดที่จะซื้อเลยก็ตาม…แต่สุดท้ายก็ยังเลือกที่จะซื้อ
สิ่งที่เธอต้องจ่ายมีแค่ราคาค่างวดของสินค้าที่ซื้อมาอย่างนั้นเหรอ…ไม่หรอก
บัตรเครดิต 21 บัญชีกับหนี้หลักหลายล้านต่างหากคือสิ่งที่ต้องจ่ายอย่างแท้จริง
กว่าจะได้เรียนรู้ก็เป็นตอนที่สายเกินกว่าที่จะหันหลังกลับไปแก้ไข การก้มหน้าใช้หนี้อาจจะผลตอบแทนและสิ่งที่ต้องจ่ายให้กับความไม่รู้ของตัวเองและมันก็มากขึ้นจนถึงขั้นที่ทำให้คุณฟ้าต้องออกจากบ้านที่ตัวเองอาศัยอยู่ เมื่อชีวิตมาถึงทางตันจึงได้เรียนรู้ความหมายของการจ่ายให้คุ้มเหนื่อยอย่างแท้จริงว่ามันคือการจ่ายโดยที่ไม่ทำให้ตัวเองลำบากหรือจ่ายเพื่อให้ได้มากกว่าเสีย
เมื่อได้บทเรียนราคาแพงแล้วคุณฟ้าจึงเริ่มหันกลับมาจ่ายให้กับสิ่งที่คิดว่าคุ้มค่ากับชีวิตมากขึ้น
จ่ายเพื่อซื้อความรู้
จ่ายเพื่อการลงทุน
หรือแม้แต่การจ่ายเพื่อซื้อประสบการณ์ให้กับตัวเอง
การที่คุณฟ้ายอมจ่ายในเรื่องที่กล่าวมาข้างต้นแทนที่จะจ่ายให้กับสิ่งของเพื่อทดแทนความเหนื่อยเหมือนที่ผ่านมา ได้กลายมาเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตที่เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในฐานะของแม่ค้าออนไลน์สู่การเป็นนายทุนบ้านเช่า เป็นนักลงทุนแก้หนี้บ้านมือสอง เป็นผู้รับเหมา และวันนี้เธอคือเจ้าของโครงการบ้านจัดสรรที่กำลังขยายโครงการทั้งในจังหวัดระยองและหนองคาย ท่ามกลางเสียงที่สะท้อนอยู่ในใจว่ามันคือการจ่ายที่คุ้มสำหรับความเหนื่อยจริง ๆ
ร่วมติดตาม 5 เส้นทางความสำเร็จจากอสังหามือสองของ คุณฟ้า วรารัตน์ ศรีสุรีย์ (นางฟ้า อสังหา พารวย) โดยเพจเพื่อนแท้ เร็ว ๆ นี้
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
เรียบเรียงโดย: ศุภธิดา รัสพันธ์
คอนเทนต์ครีเอเตอร์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Freepik