
ภาพโดย Rodolpho Zanardo จาก Pexels
ทันทีที่ผลลัพธ์ในชีวิตของคุณเป็นไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับคนอื่น เมื่อนั้นพวกเขาจะมองว่าคุณคือพวกไม่เอาไหน ไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันในชีวิต ดูถูกดูแคลนสารพัด ไม่สนใจว่าคุณจะทนได้หรือไม่ด้วยซ้ำ และไม่สนด้วยว่าเส้นทางชีวิตของคุณผ่านอะไรมาบ้าง
บางคนทนได้ก็เลือกพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเห็นว่าไม่เป็นอย่างนั้น แต่สำหรับคนที่ทนไม่ได้ ตัดสินใจเชื่อคำพูดของคนพวกนั้น มองตัวเองในมุมมองที่ใครอยากให้เป็น จากนั้นทางเดินชีวิตก็จะไหลตามกระแสคำพูดของคนอื่นตลอดเวลา
หากว่าก้าวขึ้นบันไดขั้นแรกไม่แข็งแรง ก็มีโอกาสตกลงมาได้เสมอ แม้จะก้าวไปสักกี่ครั้ง ก็จะไม่มีทางขึ้นไปถึงจุดหมายได้สักที
มีคำคมจากหนังสือเล่มหนึ่งบอกไว้ว่า “ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใครในตอนนี้ แต่แค่ดูนิสัยของคุณในทุกวัน ฉันจะคาดเดาได้ว่าอนาคตของคุณจะเป็นอย่างไร”
มี 5 สิ่งที่ใครหลายคนมักเรียกมันว่า ‘กฎแห่งการเปลี่ยน’ แต่สำหรับผมคิดว่ามันไม่ใช่’กฎ’เพราะว่าสิ่งบางสิ่งหรือข้อคิดบางอย่าง บางทีก็ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะทำแล้วผลลัพธ์เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าทำแล้วมันเข้ากับสไตล์ของคนนั้นหรือเปล่า
ซึ่งถ้าเกิดใช่ขึ้นมาจริงๆ ก็ Bingo!!! ไปเลย
ข้อที่ 1 : การคิดอย่างชัดเจน
มีข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา บอกไว้ว่าทุกคนควรใช้เวลา 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ในการนั่งอยู่คนเดียวเพื่อคิดเกี่ยวกับปัญหาสำคัญในชีวิต อย่างน้อยวันละครั้งหรือมากกว่านั้นได้ก็ยิ่งดี
ถามว่าทําไมถึงต้องเป็น 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง ?
จิตปกติของคุณจะเหมือนกับกระถางที่ใส่โคลน เมื่อคุณปล่อยเอาไว้ 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง โคลนจะตกลงไปจนถึงก้น น้ำจะใส เมื่อเวลานั้นก็จะเห็นน้ำที่ชัดมาก จะเห็นว่าโคลนมีเท่าไหร่ และน้ำมีเท่าไหร่ ก็เหมือนกับจิตใจของคุณ การเงียบไปสักพัก ก็รู้สึกผ่อนคลายมันจะกลายเป็นความสบาย และนั่นคือเมื่อคุณคิดและทำการตัดสินใจได้อย่างแน่นอน
เหมือนกับเสือดาวที่มีวิธีการล่าเหยื่ออย่างแน่วแน่ เมื่อฝูงกวางน้อยเดินผ่าน สองตาของเสือดาวจะกวาดไปโดยรอบก่อนที่มุ่งเป้าไปที่จุดไหนสักตัวหนึ่งก่อน ก่อนที่จะรับบทผู้ล่ากระโจนไปยังตัวนั้น ซึ่งเกิดจากการชัดเจนถึงเป้าหมาย แม้ว่าสุดท้ายอาจได้ตัวอื่นเป็นอาหาร แต่อย่างน้อยการเลือกให้ชัดเจนแม้จะพลาดเป้าแต่เราจะได้อะไรติดมือกลับมาบ้างอยู่ดี
หนึ่งเรื่องที่นิยมเป็นการจดทุกปัญหา ข้อมูลเกี่ยวกับการตัดสินใจที่ต้องแก้บนกระดาษ จะคิดได้ผลขึ้นมาก เมื่อคุณเขียนมัน คุณจะเห็นทุกมุมเล็ก ๆ ของปัญหา จิตใจของคุณจะเชื่อมต่อข้อมูลโครงสร้างโดยอัตโนมัติเพื่อให้คุณสามารถแก้ปัญหาสูงสุดได้
เหมือนกับการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ จดสมมุติฐานทั้งหมด เงื่อนไขต่างๆ ให้ชัดเจน และอ้างอิงถึงมันระหว่างทางการแก้ปัญหา คุณจะแก้คณิตศาสตร์ได้เร็วกว่าตอนที่คุณแค่คิดในหัว
ข้อที่ 2 : เขียนเป้าหมายประจำวัน
ทุกวันนี้หลายบริษัทเริ่มมีการให้พนักงานทำ to do list ว่าในแต่ละวันได้มีหน้าที่ทำอะไรบ้าง เพื่อที่จะง่ายต่อหัวหน้างานในการดูความคืบหน้า และง่ายต่อลูกน้องเองได้จัดสรรเวลาอย่างเหมาะสม
6 โมงเย็น ช่วงเลิกงาน ใช้เวลา 5 – 10 นาที เขียน 5 เป้าหมายสำหรับวันพรุ่งนี้ ให้มีความชัดเจน เฉพาะเจาะจง และก่อนนอน ให้คิดถึง 5 เป้าหมายของคุณสำหรับวันพรุ่งนี้ เตรียมเป้าหมายให้อยู่ในจิตใต้สํานึกและจัดการกับมันในขณะที่คุณหลับ
มันไม่สำคัญหรอกวันดีๆคุณทำอะไร คุณรวยโดยธรรมชาติ คุณลดน้ำหนักโดยธรรมชาติ ถ้ามัวแต่เล่นโซเชียล ฝันไป เวลายังผ่านไป ก็มีแต่เธอที่เหมือนเดิม

ภาพโดย Disha Sheta จาก Pexels
ข้อ 3 การจัดการเวลา
เหมือนที่ จิม โรห์น เคยพูด “จบวันก่อนที่คุณจะเริ่ม”
อย่าเริ่มต้นในวันที่คุณไม่รู้ว่าคุณต้องทำอย่างไรในวันนี้ ความไม่ชัดเจน การขาดวัตถุประสงค์มักจะผลักดันให้ผู้คนเข้าสู่กิจกรรมที่กระตุ้นหรือทำให้เกิดความรู้สึกมีความสุขชั่วคราว
เข้าใจว่าการทำอะไรให้จบไปมันสบายกว่าไม่ต้องมาคิดต่อให้ปวดหัว แต่การคิดอย่างมีเป้าประสงค์ทำให้แนวทางชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะทำงานสายไหนก็จะทำออกมาอย่างมีรูปแบบ ไม่ใช่กระจัดกระจายไปวันๆ ชีวิตก็จะหลักมั่นคงมากขึ้น
เวลาทุกคนรู้ว่ามีเท่ากัน แต่เวลาที่ตั้งใจทำอะไรบางอย่าง อันนี้จะมีไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะหลุดก่อนกัน คนที่แข็งกว่าก็จะใช้เวลาได้คุ้มมากที่สุด
ข้อ 4 : ความซื่อสัตย์
นี่คือบทเรียนยิ่งใหญ่ที่ได้เรียนรู้จาก Steve Jobs สิ่งดีๆ อยากให้เรียนรู้คือ ความซื่อสัตย์
เรามักหลีกเลี่ยงการวิจารณ์ หลีกเลี่ยงการพูดทำร้ายคนอื่นเพื่อให้มีภาพลักษณ์ส่วนตัวที่ดี และ จ็อบส์ เลือกที่จะเคารพความจริง บางครั้งก็ซื่อสัตย์อย่างโหดร้าย เขาอาจจะบอกพนักงานของเขาว่า “การออกแบบนี้ดูเหมือนแย่” แต่แล้วสิ่งต่าง ๆ ก็ดีขึ้น เขาเลือกวิธีที่ยากลําบากที่คนอื่นหลีกเลี่ยง
คนแรกและคนสุดท้ายที่ต้องการอย่างสุจริตในชีวิตนี้คือตัวคุณเอง คุณรู้ว่าต้องการมัน คุณรู้ว่าจำเป็นต้องพูดความจริง คุณรู้ว่าถูกต้อง เห็นไหม คําตอบอยู่ในตัวคุณเสมอ จงอย่ากลัวไปเลยสหาย
ข้อ 5 : กองกําลัง
ไม่มีใครเป็นที่หลบภัยของคุณ ในชีวิตนี้ ตนเป็นที่พึ่งสุดท้ายในตนเสมอ คำอมตะที่คือความจริงบนโลกนี้
พฤติกรรมการกินที่ดูจะง่ายที่สุด ทุกคนรู้ดีว่าไม่ควรทานหลัง 6 โมงเย็น ควรจํากัดการกินของหวานและไขมันให้พอดี จํากัดการกินเนื้อสัตว์ที่มากเกินไป ดื่มน้ำให้มากขึ้น กินผักและผลไม้ให้มากขึ้น
การออกกําลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ อาจจะ 15 นาทีในทุกเช้า หรือใช้เวลา 3-4 วันต่อสัปดาห์ เพื่อใช้เวลาออกกําลังกายหนักๆ ส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างน่าทึ่ง
นิสัยของการ “สื่อสาร” กับตัวเอง
การตัดสินกับความขี้เกียจ การทะเลาะวิวาท มักมาจากคุณอย่างเห็นได้ชัด การตัดสินตัวคุณเอง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณกําลังใช้คําที่ถูกต้องเมื่อพูดกับตัวเองบ่อยๆ
ทุกสิ่งอย่างทุกคนล้วนรู้ดีอยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไรชีวิตถึงจะดีขึ้นกว่านี้ ถึงจะมีสุขภาพที่ดี ถึงจะร่ำรวยในทรัพย์สินเงินทอง แต่ด้วยวังวนของร้อยพันเหตุผลทำให้ไม่ไปถึงไหนสักที
มีกระบวนการสำหรับคนสำเร็จที่เห็นกันตามทั่วท้องตลาด ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย มีแต่เรียบง่ายมากขึ้น
“ทุกอย่างมันยากแค่ตอนแรก สับสนในตอนกลาง และตอนท้ายที่ยอดเยี่ยม”
..
เรียบเรียงโดย: กฤตเมธ อันสมัคร
คอนเทนต์ครีเอเตอร์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก Pexels