ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสาร แต่ละชั่วโมงมีเรื่องพูดถึงและถกเถียงกันเป็นล้าน ๆ เรื่อง คนธรรมดากลายเป็นคนดังง่าย ๆ ในข้ามคืน ในขณะเดียวกันคนดังก็ดับได้ภายในชั่วข้ามคืนเช่นเดียวกัน และบางคนก็ติดระดับยืนอย่างงดงามบนยอดคลื่น
บทความนี้จะพาไปไขข้อสงสัยว่าพวกเขาทำให้ตัวเองเป็นดาวค้างฟ้าได้อย่างไร
- ลึกแล้วกว้าง
เช่นถ้าเราทำอะไรอยู่ก็เก่งลงไปให้ลึก คุณตรีเป็นนายหน้าอสังหาฯ ก็เรียนรู้จนเชี่ยวชาญตั้งแต่หาทรัพย์ สร้างทีม จำหน่ายทรัพย์ และกระบวนการจัดการทั้งหมด จนมีรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่กำหนด จึงพาตัวเองออกไปรู้กว้างในวงการอสังหาฯ ตั้งแต่การลงทุนซื้อเพื่อขาย สร้างเพื่อขายใช้การเชื่อมโยง ใช้คอนเนคชัน ใส่ใจข่าวสาร ทุกคราวที่ขยับตัว ทุกครั้งที่จะอัพเลเวล ผ่านการวิเคราะห์ทั้งเรื่องทุน โอกาส การจัดการ จึงมีก้าวย่างที่มั่นคง
- คนเก่งมีเพื่อน
คุณนันเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร เติมคุณค่าให้ตนเองด้วยการพบเพื่อนใหม่ สร้างโอกาสให้ตนเองด้วยการแก้ปัญหาให้ผู้อื่น ใครมีปัญหาเรื่องภาษีคุณนันเสนอตัวเข้าไปทำให้ถูกต้อง จนเพื่อนฝูงบอกต่อและมีมิตรมาก เมื่อคุณนั้นจะจัดคอร์สสอนจึงไม่ต้องประกาศสู่โลกภายนอก
- เก่งเรื่องเดิม
แต่เพิ่มช่องทาง ช่องทางที่คนเห็นเราสำคัญครับ แต่เขาจะรู้จักเราอย่างไรสำคัญที่สุด คนสำเร็จจึงส่งแบรนด์ดีเอ็นเอของตนเองออกไป และใช้ “ใจ” สานสัมพันธ์ พวกเขาจึงเป็นที่จดจำ
- พวกเขาไม่หลุดเข้าไปในโซเซียล
คนส่วนใหญ่เปิดเฟซบุ๊ก เปิดอินสตาแกรม ดูคลิป เข้าเว็บฯ แล้วหลงอยู่ในโลกโซเชียลคราวละสามสี่ชั่วโมง ข้อเสียคือฟุ้งครับสมาธิแตกซ่าน นิสัยของนักสร้างสรรค์คือรู้ว่าเข้าทำไมแล้วออกในเวลาที่กำหนด การบริหารเวลาให้ดีขึ้น 1% จึงมีชีวิตกลับมา100% อย่างที่เขาว่า
- คนสำเร็จรู้ว่าความสำเร็จเลือกคนที่ “คู่ควร”
เพื่อมอบมงกุฏให้ ถ้าเขาจะไปโอลิมปิกเขาจะเรียนรู้มนุษย์ระดับโอลิมปิกก่อนหน้า และทำให้มากกว่า นั่นคือจิตวิญญาณของคนสำเร็จขณะที่คนส่วนใหญ่ฝันไกล แต่ฝากความหวัง และโทษคนอื่น ๆ แล้วก็ไม่ออกแรงคล้าย ๆ กับพวกแทงหวยห้าร้อย แต่พอไม่ถูกรางวัลก็ก่นด่าฟ้าดิน
- ความแตกต่าง ความโดดเด่น
แบรนด์กลายเป็นเพียงปัจจัยพื้นฐานที่คนสำเร็จต้องมี คนสำเร็จระดับสูงจึงมุ่งหาวิธีไม่ที่ได้ผลกว่า เร็วกว่า มีความพึงพอใจมากกว่าในการแก้ปัญหาเก่า ๆ ผมก็พูดตามเขาแหละครับ แต่สิ่งที่ผมบอกมา มันคือสิ่งที่เขาเรียก 4.0 แต่ผมเล่าเป็นภาษาคน
- ยิ่งปัญหามากยิ่งมีโอกาสมาก
ไม่ใช่คำพูดเท่ ๆ แต่คนเก่ง ๆ ต่างรู้ปัญหามันมีชื่อจริงว่าโอกาสครับ
ดังนั้นในโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วมาก อย่ากลัวที่จะล้ม เพราะคนที่ล้มเหลวมาก่อน ย่อมรู้ดีว่าเจ็บแค่ไหน ล้มแล้วล้มอีก ล้มซ้ำซาก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่แปลกครับ แต่มันกลับทำให้เรามีภูมิคุ้มกันมากขึ้น จนอาจเรียกว่าเป็น “นักสู้” ก็ว่าได้ สู้แล้วล้ม สู้แล้วได้บาดแผล อย่างน้อยก็ได้รสชาติของชีวิต
แต่ผมอยากให้ท่านผู้อ่านหยุดคิดสักนิดว่าอะไรที่ทำให้เราล้ม และทำอย่างไรเราจึงจะไม่พลาดอีก เพื่อให้คนที่ใจแกร่งอย่างคุณมีความสำเร็จ สมกับพลังนักสู้ที่คุณมี เพราะถ้าคุณอยากเป็นคนพื้น ๆ ที่หาได้ทั่วไปในท้องตลาดก็คิดและทำแบบคนทั่วไป หากคุณอยากให้คนแหงนมอง คุณต้องคิดและทำแบบที่คนธรรมดาเขาไม่ทำกัน
วันนี้ของปีที่แล้ว กับวันนี้ วินาทีนี้ ชีวิตดีขึ้นบ้างไหม แล้ววันนี้… ของปีหน้า คุณหวังจะให้เป็นอย่างไร
ไม่ต้องเก่งหรอก แค่พยายามให้มากพอ
เราจะเป็นอะไรก็ได้ ทำวันละนิด หนึ่งปี สามร้อยหกสิบห้านิด ไม่น้อยเลย มาเริ่มวันนี้ก็ไม่สายครับ
ครูพี่ม้อค ธวัชชัย พืชผล (วิชาอาแปะ สอนรวย)
คณะทำงานสำนักพิมพ์ 7D BOOK & DIGITAL
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels