ConTech ทางแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมก่อสร้าง

สภาวะขาดแคลนแรงงานกลายมาเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่จนสั่นคลอนไปถึงตลาดแรงงานระดับโลก ด้วยสาเหตุของค่าครองชีพที่สูงขึ้นสวนทางกับค่าแรงขั้นต่ำที่ยังฉุดรั้งให้อยู่ในอัตราที่เท่าเดิมในรอบระยะเวลาหลายต่อหลายปี และสถานการณ์ดูเหมือนจะออกไปทางที่ย่ำแย่กว่าเดิมเมื่อช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมาผู้คนเริ่มโยกย้ายออกจากเมืองใหญ่และกระจายตัวสู่ชนบทที่มีค่าครองชีพถูกกว่า การหันหลังเดินจากไปไม่ได้ทิ้งไว้เพียงแค่ตำแหน่งงานที่ว่างเปล่าแต่ยังรวมไปถึงผลกระทบที่รุนแรงต่อตลาดแรงงานด้วย หนึ่งในภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบตรง ๆ คงไม่พ้นอุตสาหกรรมก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องชะลอการเติบโตซ้ำยังต้องเผชิญกับปัญหาของประสิทธิภาพงานก่อสร้างที่ต่ำลงอย่างเห็นได้ชัดมากกว่าอุตสาหกรรมประเภทอื่น ๆ

เมื่อผลลัพธ์คือสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ทางออกก็คือการเร่งหาวิธีแก้ไขให้ได้เร็วที่สุด ประเทศไทยไม่ใช่กลุ่มประเทศเดียวที่ต้องเผชิญปัญหานี้แต่ยังมีอีกหลายประเทศที่ตกอยู่ในสภาวะเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงได้ผลสรุปของการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานนี้ออกมาซึ่งก็คือการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อทดแทนปัญหาการขาดแคลนแรงงานและถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกโฉมตลาดอุตสาหกรรมก่อสร้างให้มีความก้าวล้ำเทียบเท่ากับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในตลาดโลก

Construction Technology หรือ ConTech คือนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อการก่อสร้างที่ถูกออกแบบมาให้เป็นความหวังใหม่ที่จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นสู่วงการอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง ประกอบไปด้วย

คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ

1. Software Platform

เป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกออกแบบมาเพื่องานก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น Building Information Modeling (BIM) เทคโนโลยีใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับงานสถาปัตยกรรมและการก่อสร้างที่ช่วยอำนวยความสะดวกตั้งแต่การออกแบบอาคารไปจนถึงการก่อสร้างตามแบบโดยมีระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาควบคุมกระบวนการทำงานต่าง ๆ อย่างการสร้างแบบจำลองสิ่งปลูกสร้างที่มีความเสมือนจริงและแม่นยำ รวมทั้งการเขียนแบบ การคำนวณโครงสร้าง การประมาณราคา การจัดซื้อ รวมไปถึงการวางแผนงานต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคาร จากการทดลองใช้งานจริงพบว่าสามารถลดระยะเวลาในการออกแบบได้มากถึง 30% และช่วยลดปริมาณแรงงานในไซต์ก่อสร้างลงได้ถึง 25% เมื่อเทียบกับการทำงานด้วยรูปแบบเดิม

2. Equipment and System

เมื่อลงทุนกับเทคโนโลยีทั้งทีผู้ประกอบการก็มักจะมองหาแนวทางในการช่วยลดต้นทุนในการผลิตไปด้วยซึ่งแน่นอนว่าในส่วนนี้ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเช่นกัน Prefabricated Building หรือ Prefabs คือการผลิตชิ้นส่วนที่ใช้ในการก่อสร้างขึ้นมาเองโดยแต่ละชิ้นส่วนจะถูกสร้างขึ้นมาเป็นแบบสำเร็จก่อนจะนำมาประกอบกันอีกครั้งบนไซต์งานก่อสร้างจริง ยกตัวอย่างเช่น ผนังสำเร็จรูป และเสาสำเร็จรูป เป็นต้น

ในประเทศไทยมีการนำ Prefabs มาประยุกต์ใช้จริงแล้วโดยเริ่มจากยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์อย่าง “พฤกษา เรียลเอสเตท” ที่หันมาผลิตชิ้นส่วนเองด้วยจุดประสงค์คือต้องการลดต้นทุนในการก่อสร้างและร่นระยะเวลาในการก่อสร้างโครงการให้สั้นลงเพื่อให้พร้อมสำหรับการเปิดขายบ้านในช่วงที่ความต้องการในตลาดสูง

3. Construction robotics

เทคโนโลยีเกี่ยวกับการใช้หุ่นยนต์แทนการใช้แรงงานคนแม้ว่าจะถูกนำมาทดลองมาเป็นเวลานานแล้วแต่ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในอุตสาหกรรมโรงงานเสียมากกว่า แต่ทว่าปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนาให้ก้าวล้ำขึ้นไปอีกขั้นจนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง นั่นก็คือหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานก่อสร้างได้เหมือนคนจริง ๆ ในกลุ่มประเทศทางตะวันตกและออสเตรเลียกำลังพัฒนาหุ่นยนต์ผูกลวดเหล็กและหุ่นยนต์วางอิฐขึ้นมาเพื่อทดแทนปัญหาการขาดแคลนแรงงานในขณะนี้จนได้ผลตอบรับที่ดีและมีแนวโน้มที่จะช่วยลดต้นทุนในด้านแรงงานได้ถึง 50% เลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามการลงทุนกับหุ่นยนต์ที่ใช้ในการก่อสร้างยังถือว่าไม่เหมาะสำหรับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยเพราะด้วยต้นทุนที่สูงมากและภายในประเทศยังไม่มีฐานผลิตที่มากพอจึงยังมองไม่เห็นจุดคุ้มทุนหากต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศแทน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการปรับใช้เทคโนโลยีอื่น ๆ ก่อนก็ถือว่าเป็นทางออกให้กับผู้ประกอบการที่กำลังเผชิญปัญหาได้ไม่น้อยเลย ยกตัวอย่างเช่น 3D printing, Internet of Things (IoT) และ Big data analytics ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในด้านการทำงานให้มีขั้นตอนน้อยลงและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น