ขอสินเชื่อไม่ผ่าน เพราะคุณ(อาจ)ขาดสิ่งที่ธนาคารต้องการมากที่สุด
ขอสินเชื่อส่วนบุคคลทั้งที..ทำไมมันยากแบบนี้ล่ะครับ !?
เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ใครบอกว่าง่าย ? ถ้ามคนพูดกับคุณแบบนั้น ก็ขอให้รู้เอาไว้เลยว่าเขากำลังโกหก
แล้วทำไมเดี๋ยวนี้ธนาคารถึงปล่อยให้กู้ยากเย็นนัก ?
ก็เพราะตอนขอสินเชื่อ ใคร ๆ ก็บอกว่าจ่ายไหว จ่ายคืนได้ทั้งต้นทั้งดอกน่ะสิ (แบบว่า..เงินแค่นี้เอง สบายมาก) แต่สุดท้ายธนาคารก็โดนเบี้ยว โดนเท โดนปล่อยเบลอ ต้องเสียเวลาตามทวง ตามยึดไม่จบสิ้น ปัจจุบัน ธนาคารก็เลยล็อคประตูทุกชั้นอย่างแน่นหนา และเข้มงวดกวดขันกันมากขึ้น ไม่ยอมอนุมัติง่าย ๆ เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป
แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคิดเอาเองอยู่ว่าการขอสินเชื่อครั้งแรก เป็นเรื่องกล้วย ๆ ไม่ต้องคิดเยอะ ไม่ต้องกังวลอะไรหร๊อกกกก แล้วไอ้เจ้าความคิดแบบนี้ก็เกิดขึ้นเพราะความมั่นใจ(เกินตัว)..ถือว่าตนเป็นคนไม่มีภาระหนี้สิน ไม่เคยมีประวัติเสียหายทางการเงินมาก่อน ยังไงซะ..ธนาคารก็ต้องยอมปล่อยผ่านไปง่าย ๆ อยู่แล้ว
แต่ในความเป็นจริงนั้น ‘มัน ไม่ ใช่ เลย’ ยิ่งขอสินเชื่อครั้งแรก ยิ่งไม่เคยมีประวัติให้ธนาคารตรวจสอบได้ง่าย ๆ ก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูงว่าธนาคารจะไม่ยอมอนุมัติ
เพราะฉะนั้น คุณต้องกันกลับมาสำรวจตัวเองกันสักนิด ว่าเห้ย…ที่เราขอสิ้นเชื่อไม่ผ่านซ้ำ ๆ เนี่ย มันเป็นเพราะอะไรกันแน่
หรือมันเป็นเพราะ คุณขาด 5 สิ่งนี้ ที่สถาบันการเงินต้องการมาก !
ข้อที่ 1 ก้มมองในมือด่วน! เอกสารสำคัญครบถ้วนหรือไม่
คนส่วนใหญ่มักพลาดท่าเรื่องเอกสารสำคัญต่าง ๆ กันตอนขอสินเชื่อครั้งแรกเนี่ยแหละ
อาจเพราะด้วยความไม่รู้หรือเป็นเพราะไม่เห็นความสำคัญ คิดว่าขาดเอกสารไปสักชิ้นสองชิ้นเจ้าหน้าที่ก็คงไม่ว่าอะไรหรอก และถ้าคุณยังมีความคิดแบบนี้อยู่ก็ขอให้ทำความเข้าใจเสียใหม่ เพราะการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารหรือจะเป็นการทำธุรกรรมใด ๆ ก็แล้วแต่ รายละเอียดและหลักฐานในเอกสารต่าง ๆ นั้นสำคัญมาก
‘กระดาษเพียงไม่กี่แผ่นที่คุณละเลย..อาจเปลี่ยนสถานะทางการเงินของคุณไปตลอดกาล’
ในฐานะผู้ยื่นขอสินเชื่อ คุณควรแสดงความกระตือรือร้นและสอบถามกับทางธนาคารนิดว่า ‘เอกสารที่ต้องใช้สำหรับขอสินเชื่อนั้นมีอะไรบ้าง’ เพราะสินเชื่อแต่ละประเภทมักมีเงื่อนไขและรายละเอียดแตกต่างกันไป และต้องจดจำให้แม่นด้วยว่านอกเหนือจากเอกสารเหล่านั้นแล้ว ยังมีสิ่งใดอีกที่ทางธนาคารร้องขอและเน้นย้ำเป็นพิเศษว่าต้องเอามาให้ครบถ้วนเพื่อทำการตรวจสอบ
โดยหลัก ๆ แล้วเอกสารที่ทางธนาคารต้องการจะมี 3 ประเภทหลัก ๆ ก็คือ
- เอกสารส่วนตัว เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาการสมรส หรืออื่น ๆ ตามเงื่อนไข
- เอกสารเกี่ยวกับรายได้ เช่น ใบรับรองเงินเดือน Statement หรืออื่น ๆ ตามเงื่อนไข
- เอกสารอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น สัญญาการจะซื้อจะขาย หรืออื่น ๆ ตามเงื่อนไข
ข้อที่ 2 ขาดความสามารถในการชำระหนี้
ความกังวลใจของสถาบันการเงินหรือธนาคาร คือ เมื่อคุณกู้ยืมเงินไปแล้ว จะสามารถชดใช้เงินทั้งหมดคืนได้ตามระยะเวลาที่กำหนดจริงหรือไม่
ซึ่งในส่วนนี้ทางธนาคารจะพิจารณาดูจากหลายองค์ประกอบ เช่น วงเงินที่คุณขอกู้ยืมนั้น เมื่อคิดรวมกับภาระหนี้สินต่าง ๆ ทั้งหมดแล้ว มันสูงเกินกว่ารายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของคุณหรือเปล่า
หากพิจารณาแล้วพบว่าคุณไม่มีทางชำระหนี้ตามกำหนดได้อย่างแน่นอน ทางธนาคารก็ไม่อาจแบกรับความเสี่ยงนั้นไว้และไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อให้คุณได้
…
ข้อที่ 3 ขาดเงินเก็บ ขาดเงินสำรองใช้ แต่ภาระค่าใช้จ่ายเพียบ!
ธนาคารเองก็ต้องการความมั่นคงและหลักประกัน จึงไม่อยากอนุมัติสินเชื่อให้ใครสุ่มสี่สุ่มห้า
ทางธนาคารจึงต้องการตรวจสอบบัญชีของคุณ รวมถึงทรัพย์สินต่าง ๆ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาว่าคุณจะสามารถชดใช้เงินคืนได้และจะไม่เป็นภาระให้ทางธนาคารคอยตามทวง ตามยึดในภายหลัง แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าคุณไม่มีเงินเก็บ ไม่เงินสำรองใช้ ไม่มีที่ดิน หรือทรัพย์สินใด ๆ ที่สามารถใช้เป็นหลักประกันและแสดงถึงความมั่นคงทางการเงินได้เลย แถมยังมีภาระค่าใช้จ่ายอันหนักอึ้งอีกด้วย คุณก็เข้าข่ายเสี่ยงว่าจะถูกปัดตก และไม่สามารถกู้ยืมเงินได้
เพราะฉะนั้น คุณอาจต้องเริ่มเก็บออมเงินไว้ในบัญชี รวมถึงฝากประจำ และอาจมองหาการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนต่าง ๆ ที่สามารถต่อยอดรายได้และสร้างเครดิตที่หน้าเชื่อถือเสียตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ข้อที่ 4 ติดค้ำประกันให้ผู้อื่น จนขาดสิ่งที่เรียกว่าความมั่นใจ
อย่างที่เราบอกไปหลาย ๆ ครั้งว่าธนาคารต้องการความมั่นใจมาก ๆ
ก็เหมือนกับตอนที่เราจะให้คนรู้จักหยิบยืมเงินนั่นแหละ ก่อนจะให้ยืมได้ เราก็ต้องมั่นใจในระดับหนึ่งแล้วว่าเขาจะคืนเงินให้เราจริง ๆ ไม่เบี้ยว ไม่หนีไปไหน
แต่ถ้าคุณดันไปค้ำประกันให้ผู้อื่นไว้ แถมเขายังชำระหนี้ทั้งหมดไม่เสร็จสิ้น ทางธนาคารเองก็จะยิ่งกังวลใจและไม่กล้าอนุมัติสินเชื่อให้กับคุณ เพราะเกรงว่าถ้าหากคนที่คุณไปค้ำประกันให้ไว้นั้น เกิดหนี เบี้ยว ไม่ยอมจ่าย หรือเกิดเหตุไม่คาดฝันที่ทำให้ชำระหนี้ไม่ได้ขึ้นมา ตัวคุณเองก็จะซวย ต้องชำระหนี้ให้ทั้ง 2 ทาง ซึ่งคุณก็คงเอาตัวรอดได้ยากมากหรืออาจจะเป็นไปไม่ได้เลย (แถมยังเสียประวัติทางการเงินไปด้วยอีก)
…
ข้อที่ 5 ขาดความน่าเชื่อถือ เพราะประวัติหนี้เก่าอันเน่าเฟะ
หากคุณเคยยื่นขอสินเชื่อมาแล้วหรือเคยกู้ยืมเงินจำนวนมาก ๆ เอาไว้ แต่ดันไปสร้างประวัติเสีย ๆ หาย ๆ เอาไว้ด้วย จนสถาบันการเงินเขาขยาดและไม่อยากผูกมิตรกับคุณอีกต่อไป ก็คงจะขอสินเชื่อครั้งใหม่ได้ยากมากกกกก
ตัวอย่างพฤติกรรมที่ทำให้ธนาคารขอโบกมือบ๊ายบายก็คือ ไม่ยอมจ่ายหนี้ เลื่อนไปเรื่อย จ่ายไม่ตรงเวลาสักรอบ พอโดนติดตามทวงหนี้ก็วิ่งหนีหายไปซะงั้น
ถ้าเคยทำตัวแบบนี้ แล้วอยากกู้เงินขึ้นมา..ก็ฝันไปเถอะนะ เพราะนี่จะกลายเป็นข้ออ้างที่ทางธนาคารนำมาปฏิเสธ และกล่าวอันเชิญให้คุณกลับบ้านไปใช้หนี้สินเก่า ๆ ให้หมดสิ้นเสียก่อน
คำแนะนำของเราก็คือ เคลียร์ภาระต่าง ๆ ให้ตัวเบามากที่สุดก่อน กลับไปชำระหนี้ให้หมด แล้วค่อยก้าวขาเข้าไปขอสินเชื่อก้อนใหม่ อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการกู้ยืมเพื่อโปะหนี้ไปมาเลย (มันไม่เวิร์คหรอก)
การขอสินเชื่อแต่ละประเภทหรือแต่ละธนาคาร อาจมีรายละเอียดยิบย่อยแตกต่างกันไป หน้าที่ของคุณก็คือศึกษาหาข้อมูลเยอะ ๆ เตรียมตัวเองไว้ให้พร้อม จะได้ไม่ตกม้าตายในภายหลัง
จำเอาไว้ว่า..เรื่องเงินเรื่องทองไม่มีใครเขาให้หยิบยืมกันได้ง่าย ๆ หรอก
อ้างอิง:
1) บทความเรื่อง เจอปัญหากู้สินเชื่อไม่ผ่าน แก้ยังไงดี ? จากเว็บไซต์ https://moneyhub.in.th/article/lenders-reject-personal-loans/
2) บทความเรื่อง 5 ข้อควรระวัง ที่ทำให้ขอสินเชื่อไม่ผ่าน จากเว็บไซต์ https://www.moneyguru.co.th/personal-loan/articles/
(ขอบคุณข้อมูลจากทั้ง 2 เว็บไซต์ ที่ทำให้เราเข้าใจเรื่องสินเชื่อมากขึ้น)
…
บทความโดย: ณัฐริกา หลิมไทยงาม
กองบรรณาธิการ สำนักพิมพ์ 7D Book & Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels