บ่อยครั้งชีวิตก็ต้องการความแตกต่างและความแปลกใหม่เพื่อฉุดแนวคิดของตัวเองออกมาจากกรอบความจำเจและสิ่งเดิม ๆ ที่คงอยู่อย่างนั้นมาเป็นเวลานาน ครั้งหนึ่งคุณอาจจะเคยเป็นพนักงานบริษัทที่ต้องตื่นเช้ามาทำงานให้ทันภายในเวลาแปดโมง แต่เมื่อได้รับบทบาทใหม่คุณสามารถมาทำงานได้ภายใต้ระยะเวลาที่ยืดหยุ่น หลายต่อหลายครั้งการเปลี่ยนแปลงก็ทำให้รับรู้และรู้สึกถึงการมีคุณค่าหรือบางครั้งการเปลี่ยนแปลงก็ทำให้หลายอย่างที่เคยเป็นเรื่องยากนั้นกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นซึ่งถ้ามองในภาพรวมก็จะเห็นว่ามีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ขนาดชีวิตยังต้องการความแปลกใหม่และความแตกต่าง แล้วนับประสาอะไรกับบ้านสักหลังที่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานล่ะ แม้แต่โครงสร้างเองก็ต้องการการปรับเปลี่ยน สิ่งของต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบ้านก็คงถึงเวลาแล้วที่จะต้องถูกแทนที่ด้วยวัสดุชิ้นใหม่ ๆ อาจจะเปลี่ยนแปลงรูปโฉมด้วยสีสันที่สดใส หรือเป็นสไตล์ที่เรียบง่ายแต่เป็นที่ต้องการของตลาด หรือบางทีการเปลี่ยนแปลงนั้นก็อาจจะฉีกไปจากรูปแบบเดิม ๆ ที่เคยเป็นมาแบบที่เรียกได้ว่าหน้ามือกับหลังมือ
ถ้าพูดถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบของบ้านคงไม่มีใครจะคุ้นเคยกับงานเหล่านี้ดีเท่ากับคนที่เป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์มือสองที่ยึดถืองานต่อเติมและปรับปรุงรีโนเวทเป็นงานหลัก พรสวรรค์ด้านการเป็นมือเทพรังสรรค์คงจะเป็นคำนิยามที่ดีมากทีเดียวเมื่อพูดถึงอาชีพนี้เพราะหากได้เห็นผ่าน ๆ ตามาบ้างจะพบว่านักลงทุนบ้านมือสองหลายคนสามารถเปลี่ยนสิ่งปลูกสร้างที่ทั้งเก่าและโทรมให้กลับมาเป็นบ้านใหม่อีกทั้งยังมีความทันสมัยได้ในระยะเวลาแค่ไม่กี่เดือนหรือหากนับเวลาน้อยที่สุดก็คงไม่กี่สัปดาห์ และกับบ้านหนึ่งหลังอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่าไม่เหลือเค้าเดิมเลยก็ได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการต่อเติมบ้านก็ไม่ได้ง่ายเหมือนกับการดีดนิ้วหนึ่งเปราะแล้วสามารถเปลี่ยนทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าได้ในระยะเวลาเพียงชั่วพริบตา แม้ว่าบางครั้งจะอยากฉีกกฎการต่อเติมให้หลุดโลกเท่ากับความคิดที่อยู่ในจินตนาการมากสักแค่ไหนแต่ก็ยังมีข้อขัดแย้งสักข้อมาหักล้างอยู่ดีเพราะสิ่งที่คนทำบ้านมือสองต่างก็ต้องคำนึงถึงอยู่ตลอดเวลาคือหลักของการต่อเติมบ้านที่ถูกต้องและถูกกฎหมายด้วย
ตามหลักกฎหมายแล้วการต่อเติมสิ่งปลูกสร้างหรืออาคารต้องอยู่ภายใต้กฎหมายตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 (พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร) มาตรา 4 โดยมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการการเปลี่ยนแปลง ต่อเติม เพิ่ม ลด หรือขยายขอบเขต แบบ รูปทรง สัดส่วน น้ำหนัก หรือเนื้อที่โครงสร้างหรือส่วนต่าง ๆ ของอาคารที่ก่อสร้างไปแล้วให้เปลี่ยนไปจากเดิม ไว้ดังนี้
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
1. การปรับปรุงบ้านต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานก่อน
การต่อเติมหรือขยายส่วนอื่น ๆ ของบ้านนอกเหนือจากโครงสร้างหลัก หากมีการออกมาภายนอกที่ครอบคลุมพื้นที่เกิน 5 ตารางเมตรหรือมีการลดหรือลดจำนวนเสา คาน หรือมีการเปลี่ยนแปลงการใช้วัสดุที่มีขนาดแตกต่างไปจากเดิมและมีผลทำให้น้ำหนักของบ้านเพิ่มมากขึ้น เจ้าของบ้านจะต้องทำการยื่นเอกสารการขออนุญาตต่อเติมและปรับปรุงบ้านต่อเจ้าพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้แล้วเสร็จก่อนถึงจะเข้าไปดำเนินการต่อเติมบ้านได้
5 กรณียกเว้นที่ไม่ต้องทำการขออนุญาตต่อเติม
- การ “เพิ่ม” หรือ “ลด” เนื้อที่ของพื้นชั้นใดชั้นหนึ่งรวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร และไม่มีการเพิ่มหรือลดจำนวนเสาหรือคาน
- การ “เพิ่ม” หรือ “ลด” เนื้อที่ของหลังคารวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร และไม่มีการเพิ่มหรือลดจำนวนเสาหรือคาน
- การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาคาร ด้วยการใช้วัสดุ ขนาด จำนวน และชนิดเดียวกับของเดิม
- การเปลี่ยนส่วนใด ๆ ภายในบ้านที่ไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร ด้วยการใช้วัสดุชนิดเดียวกับของเดิม หรือวัสดุชนิดอื่นที่ไม่ได้เพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างของอาคารเดิมเกิน 10% ของน้ำหนักเดิม
- การเปลี่ยน ต่อเติม เพิ่ม ลด เนื้อที่ส่วนใด ๆ ก็ตามในบ้านที่ไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร และไม่เพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างเกิน 10% ของโครงสร้างอาคารเดิม
2. ได้รับการรับรองโดยสถาปนิกและวิศวกรควบคุม
ก่อนจะทำการขออนุญาตก่อสร้างก็ต้องแบบแปลนของโครงสร้างที่ต้องการจะทำการต่อเติมหรือปรับปรุงบ้านเสียก่อน ซึ่งแบบแปลนที่ว่าต้องได้รับการรับรองจากสถาปนิกผู้ออกแบบและวิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้างมาประกอบด้วย และจะเกี่ยวพันไปถึงการคำนวณโครงสร้างสำหรับการรองรับน้ำหนักและผลกระทบต่อโครงสร้างหลักของตัวบ้านในกรณีที่มีการต่อเติมค่อนข้างมากและมีการเปลี่ยนแปลงวัสดุที่ใช้แตกต่างไปจากเดิม ทั้งนี้ก็เพื่อให้การดำเนินงานก่อสร้างนั้นเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดและเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยภายในบ้านนั่นเอง
3. อยู่ภายใต้กฎหมายระยะร่นและที่เว้นว่าง
อีกหนึ่งข้อกำหนดที่ปล่อยให้หลุดไปไม่ได้เลยก็คือเรื่องของระยะร่นและที่เว้นว่าง ในกรณีที่เป็นการก่อสร้างหรือต่อเติมระเบียงหน้าบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ ต่อเติมข้างบ้าน ล้วนต้องอยู่ในการควบคุมของกฎหมายระยะร่นและที่เว้นว่างดังต่อไปนี้
- ต้องมีระยะร่นระหว่างตัวอาคารกับจุดกึ่งกลางถนนอย่างน้อย 3 เมตร
- ต้องมีที่เว้นว่างระหว่างตัวอาคารกับเขตที่ดินด้านหน้าอย่างน้อย 3 เมตร ด้านหลังและด้านข้างอย่างน้อย 2 เมตร
- ต้องมีขอบเขตอาคารไม่เกิน 70% ของที่ดิน โดยนับจากชั้นที่กว้างที่สุด
นอกจากนี้ขนาดของระยะร่นและที่เว้นว่างก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นด้วย ได้แก่ ความกว้างถนน ประเภทและความสูงอาคาร ยกตัวอย่างเช่น การต่อเติมบ้านทาวน์โฮมที่ถูกต้องตามกฎหมายจะต้องพื้นที่หลังทาวน์โฮมเว้นว่างทุกหลัง และในกรณีการต่อเติมข้างบ้านและผนังมีหน้าต่างจะไม่สามารถต่อเติมจนติดกับรั้วของบ้านได้ และต้องเว้นระยะห่างไม่น้อยกว่า 2 เมตร และถ้าเป็นผนังทึบต้องเว้นระยะห่างไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร
4. ก่อนการต่อเติมต้องได้รับการยินยอมจากเพื่อนบ้าน
การต่อเติมหรือปรับปรุงบ้านแม้จะดูเหมือนง่ายแต่นั่นก็เป็นเพียงมุมมองของคนที่ยังไม่ได้ลงไปสัมผัสด้วยตนเอง ถ้าการปรับปรุงบ้านเดี่ยวว่ายากแล้วสิ่งที่คนทำบ้านมือสองในรูปแบบของตึกแถวและทาวน์เฮาส์จะต้องพบเจอมากกว่าก็คือบ้านที่ใช้ผนังร่วมกับบ้านอื่น แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากสร้างความเดือดร้อนให้กับเพื่อนบ้านอย่างแน่นอนไม่ว่าจะระหว่างการก่อสร้างหรือหลังจากการต่อเติมโครงสร้างของบ้านไปแล้วก็ตาม ฉะนั้นก่อนการขออนุญาตต่อเติมบ้านจึงควรมีหนังสือยินยอมที่เป็นลายลักษณ์อักษรแนบไปด้วยเพื่อป้องกันข้อพิพาทที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
หากว่าการต่อเติมบ้านนั้นเกิดขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ของการนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง กฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องของการควบคุมอาคารก็มีจุดประสงค์เพื่อให้สิ่งปลูกสร้างนั้นอยู่ภายใต้ข้อกำหนดและมีความปลอดภัยสำหรับผู้อยู่อาศัยเช่นเดียวกัน ฉะนั้นแล้วบ้านที่ดีอาจจะไม่ได้หมายความว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างหลุดโลกแบบไม่เหลือเค้าโครงเดิม แต่อาจจะเป็นเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นโดยที่ไม่ส่งผลกระทบในเชิงลบสำหรับคนที่จะเข้าไปอยู่อาศัยในอนาคตก็ได้
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
อ้างอิง:
ระเบียงหน้าบ้าน ต่อเติมอย่างไร ตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 จาก https://bit.ly/3LASgiF
ต่อเติมบ้านอย่างไรดี ? ไม่ให้มีปัญหาตามมา จาก https://bit.ly/3lDcu0F
เรียบเรียงโดย: ศุภธิดา รัสพันธ์
คอนเทนต์ครีเอเตอร์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Freepik