สำหรับคุณแล้ว… คิดว่าเสียงอะไรที่ดังที่สุด?
ว่ากันว่าเสียงที่ดังที่สุดของสิ่งมีชีวิตที่ถูกจัดไว้ในอันดับต้น ๆ นั้นเป็นเสียงของวาฬสีน้ำเงินที่มีความถี่อยู่ที่ประมาณ 54 เฮิรตซ์ และมีระยะทางในการส่งเสียงได้ไกลถึง 1,500 กิโลเมตร ซึ่งจากสถิติดังกล่าวนี้ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากต้องอยู่ในระยะประชิดหรืออยู่ห่างเพียงไม่กี่กิโลเมตรจะส่งผลกระทบต่อแก้วหูมากน้อยแค่ไหน
แต่ในแง่มุมของโลกธุรกิจคงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้หรอกว่าวาฬสีน้ำเงินนั้นมีความสามารถอยู่ในระดับใดเพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่เห็นถึงความเกี่ยวเนื่องกันด้วยซ้ำ แต่ถ้าหากกำลังตั้งคำถามว่าทำไมถึงต้องยกเรื่องของวาฬสีน้ำเงินมาไว้ในบทความนี้ด้วยจะขอเกริ่นไว้ตรงนี้เลยว่า…เสียงของเจ้าแห่งท้องทะเลที่ดังมากขนาดนี้ มันอาจจะกลายเป็นเพียงเสียงกระซิบไปเลยก็ได้เมื่อเทียบกับเสียงจากสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่จะเอ่ยถึงต่อจากนี้
เสียงอะไรล่ะ… แล้วมีบันทึกไว้ในสถิติของนักสำรวจหรือเปล่า?
คำตอบคือ….ไม่มี
แต่หากเฉลยออกมาแล้วทุกคนจะต้องร้อง “อ๋อ” อย่างแน่นอน
นั่นก็คือ…เสียงจากคนรอบข้างอย่างไรล่ะ!
กี่ครั้งแล้วที่ความมั่นใจอย่างหนักแน่นของตัวเองนั้นถูกสั่นคลอนเพียงเพราะว่าความเห็นที่อยู่ในใจกับเสียงพร่ำบอกจากคนรอบข้างสวนทางกันอย่างลิบลับ ยกตัวอย่างให้เห็นกันชัด ๆ เช่น คุณเป็นคนที่ชอบใส่เสื้อผ้าสีชมพูเพราะคิดว่ามันเข้ากับสีผิวของตัวเองมากที่สุด แต่ทว่าเพื่อน ๆ กลับบอกว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นช่างขัดกับบุคลิกแข็งทื่อของคุณเป็นไหน ๆ สุดท้ายความมั่นใจที่มีมาตลอดก็ถูกแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่อยากหลีกเลี่ยง หรือแม้แต่เสื้อผ้าสีชมพูที่เคยชอบนักหนาก็อาจจะกลายเป็นเพียงเศษผ้าที่ถูกพับเก็บไว้โดยที่คุณไม่เคยคิดที่จะหยิบออกมาใส่อีกเลย
ต่อให้เสียงวาฬสีน้ำเงินจะดังมากแค่ไหนแต่ก็รู้ว่าเพียงแค่หลบออกมาให้ไกลมากกว่า 1,500 กิโลเมตร ก็จะไม่ได้ยินเสียงนั้นแล้ว ตรงกันข้ามกับเสียงของคนรอบข้างที่ไม่มีใครบอกได้ว่ามันดังมากแค่ไหน และต่อให้หลีกหนีออกไปให้ไกลที่สุดก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันจะยังคงสะท้อนอยู่ในความคิดและความรู้สึกเสมอ
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
แล้วคุณล่ะ… ยังเป็นคนที่จดจำเสียงเหล่านั้นได้หรือเปล่า?
บางครั้งคนเราต่างก็ต้องความคิดเห็นของคนอื่นเพื่อประกอบการตัดสินใจของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็คงไม่อยากให้เสียงเหล่านั้นเข้ามาเปลี่ยนความตั้งใจแรกไปเสียหมดหรอกใช่ไหม แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ?
คำตอบของคำถามนี้ง่ายนิดเดียว นั่นคือการฟังเสียงหัวใจของตัวเองตั้งแต่แรก
….
…
..
เหมือนกับคุณเล็ก…
เขาก็เหมือนกับทุก ๆ คนที่เมื่อตัดสินใจจะทำอะไรสักอย่างที่ตนเองไม่รู้หรือคนรอบข้างไม่เคยทำก็ต้องหันหน้าไปปรึกษาใครสักคนที่พอจะให้คำแนะนำกันได้ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือคนที่เคารพนับถือในฐานะของคนที่เคยผ่านโลกมามากกว่า แต่ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับเป็นไปในทิศทางเดียวกันก็คือ…ไม่สนับสนุน
อสังหาฯ มันเสี่ยง
เราไม่มีเงินทุน ไม่มีความรู้
หรือแม้แต่ความพร้อมก็ไม่มีเลยสักทาง
ก็ไม่แปลกที่คนรอบข้างต่างก็ออกมาห้ามด้วยความเป็นห่วงเพราะตัวคุณเล็กเองในตอนนั้นแทบจะทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเสียด้วยซ้ำแถมหนี้เดิมก็ยังใช้ไม่หมด หากว่าต้องก้าวขาพลาดอีกสักก้าวอาจหมายถึงหนี้สินก้อนใหญ่ที่จะล้มทับมมาอีกระลอกก็เป็นไปได้เช่นกัน
แต่ถามว่าคุณเล็กฟังคำพูดเหล่านั้นไหม…
ฟัง… แต่ไม่ทั้งหมด
คนเราต่างก็ต้องฟังเพื่อคิด แต่ไม่ได้ฟังเพื่อให้เชื่ออย่างเต็มหัวใจ
หนึ่งในแนวคิดที่น่าสนใจคืออย่าถามคนที่ทำไม่ได้เพราะเขาจะบอกคุณว่ามันยากเพราะเขาเหล่านั้นก็คงไม่ต่างจากตัวคุณที่ฟังมากจากใครสักคนที่อาจจะเคยล้มเหลว หรือพูดกันปากต่อปากทั้งที่ยังไม่ได้ลงมือทำเสียด้วยซ้ำ แต่ถ้าถามคนที่เคยผ่านประสบการณ์เหล่านั้นมาแล้วเขาจะบอกว่าลงมือเสียสิ! จะรออะไร! เห็นความสำเร็จของผมไหม มันง่ายนิดเดียว
คุณเล็กเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าหากไม่เชื่อใจตัวเองแล้วเขาจะเชื่อใจใครได้ ดังนั้นเสียงที่ดังมาจากคนรอบข้างจึงไม่สามารถส่งเสียงได้มากพอเท่ากับเสียงที่มาจากใจของตัวเอง และที่มากไปกว่านั้นคือการมีความฝันที่เป็นแรงผลักดันว่าจะต้องพาตัวเองไปถึงจุด ๆ นั้นให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพนายหน้าหรือนักลงทุนอสังหาฯ ก็ตาม อาจจะต้องใช้เวลาสัก 5 ปี หรือ 10 ปี แต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ก็ล้วนขึ้นอยู่กับการกระทำ ไม่ได้มาจากการที่ไม่ลงมือทำ
ความสำเร็จเองก็เช่นกัน…
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
เรียบเรียงโดย: ศุภธิดา รัสพันธ์
คอนเทนต์ครีเอเตอร์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Freepik