“จริง ๆ แล้วไม่มีใครมองข้ามหรอกครับ เพียงแต่เพราะการทำ BoQ มันยุ่งยาก เลยทำให้ใครหลาย ๆ คนเลือกที่จะปล่อยผ่าน และแก้ไขทุกอย่างผ่านการมองภาพแบบองค์รวม”
เมื่อวันเสาร์ที่ 3 มิถุยายนที่ผ่านมา ในงาน 7D Intowords บนตึกชั้นสองริมถนนเส้นครึกครึ้นแข่งกับเวลาเปิดทำการของร้านสะดวกซื้อที่ขึ้นต้นด้วยเลข 7 เหมือนกันอย่างเส้นลาดพร้าว คุณเทวินทร์ บุพฤทธิ์ อดีตผู้รับเหมาที่ผันตัวมาเป็นอาจารย์และเจ้าของโครงการ ทั้งยังเดินสายพัฒนาที่ดินและทำการตลาดให้กับนายทุนใหญ่ ๆ อีกหลายราย ได้เล่าถึงความสำคัญของ BoQ ที่ไม่ใช่แค่ผู้รับเหมาที่ต้องรู้ แต่รวมถึงForeman และนายทุนด้วยเช่นกัน
ทำไม BoQ จึงสำคัญ ก่อนอื่นจะต้องรู้ก่อนว่าสรุปแล้ว BoQ หรือ Bill of Quantities คืออะไรกันแน่
หากว่ากันง่าย ๆ BoQ ก็คือใบหรือเอกสารที่ออกแบบมาเพื่อคุมปริมาณงาน วัสดุ และค่าแรง ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของโครงการ คิดจะทำคาเฟ่ คลินิกทำฟัน ปลูกสร้างบ้านสักหลัง หรือแม้แต่รับหน้าที่เป็นผู้รับเหมาเสียเอง สิ่งที่จะทำให้งานเดินหน้าไปอย่างราบรื่นและเสี่ยงต่อการหยุดชะงักของงานมากที่สุดก็คือ BoQ นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้วนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นายทุน หรือผู้รับเหมาเองต่างมีความกลัวซุกซ่อนอยู่ เมื่อมีเพดานความเสี่ยงค้ำอยู่เหนือหัว จึงไม่น่าแปลกที่เมื่อต้องเจรจากัน สิ่งที่กินพื้นที่ในการสนทนาเสีย 80% คือเรื่องของต้นทุน
“จริงอยู่ว่าเรื่องของทุนเป็นประเด็นสำคัญ แต่ก็ไม่ควรยกให้มันได้หน้าได้ตาจนเกินไปครับ พวกเราทำบ้าน สร้างโครงการกันเป็นสิบ รู้กันอยู่แล้วว่าหากเงินทุนจำกัดก็มีวิธีการที่จะหาหรือจัดการให้มันเหมาะสมได้ แต่หากคุณคิดแต่เรื่องลดต้นทุนเพื่อให้ได้กำไรสูงสุด สิ่งที่คุณทำคือการลดคุณภาพของวัสดุ ลดค่าแรงคนงาน และเพิ่มราคาโครงการ การคิดแบบนี้ต่างหากที่จะทำให้ขาดทุนระยะยาว และไม่มีใครต้องการแบบนี้แน่นอนครับ”
หากคุณตั้งงบก่อสร้างอยู่ที่ตารางเมตรละ 12,000 บาท BoQ จะเข้ามาช่วยบอกว่าจากแบบที่ได้ และสภาพที่ดินที่ต้องจัดการ ตัวเลข 12,000 คือตัวเลขที่เหมาะสมหรือไม่ เพราะอย่าลืมว่า แม้จะตั้งราคาเท่ากัน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ได้กับทุกที่ ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมประกอบด้วยเช่นกัน เนื่องจากแม้จะสร้างบ้านในพื้นที่เท่า ๆ กัน แต่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างพื้นที่ใช้สอยภายในตัวบ้าน การปรับแต่งที่เพิ่มหรือลดออกไป ก็ส่งผลกระทบต่อการคำนวนหาค่า BoQ ทั้งนั้น
เราต้องยอมรับความจริงข้อหนึ่ง ว่านายทุน เจ้าของบ้าน เจ้าของโครงการหรือแม้แต่ผู้รับเหมาบางรายนั้นพูดจากันคนละภาษา คนธรรมดาไม่รู้เลยว่าค่าปูนต่อลูกบาศก์เมตรอยู่ที่เท่าไหร่ ความแตกต่างของวัสดุที่ใช้ในการทำหลังคาอยู่ตรงไหน ผู้รับเหมาเองก็มีภาระหน้าที่ ถึงแม้ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทุน แต่ก็ต้องจัดสรรเวลาให้ได้ แบ่งหน้าที่รับผิดชอบกันให้ทัน ดังนั้นเมื่อเป้าหมายไปกันคนละทาง นายทุนต้องการประหยัดงบ ผู้รับเหมาต้องการจบงานเพื่อให้ได้ค่าแรง ข้อตกลงและสัญญาจึงไปจบตรงที่ “ขอให้งานเสร็จเร็วที่สุด” นั่นเอง
หน้าที่อีกอย่างของ BoQ จึงเป็นวุ้นแปลภาษา ถอดรหัสความต้องการของทั้งสองฝ่ายออกมาเป็นตัวเลขและตัวอักษรที่ตอบโจทย์เงื่อนไขและสร้างข้อตกลงร่วมกันไปได้ระหว่างนายทุนและผู้รับเหมานั่นเอง
- ช่องทางรับชมคลิปตัวเต็ม https://youtu.be/5LwhPfUeufo