คงจะดี ถ้าหากความฝันของทุกคนบนโลกนี้ เป็นความจริง แต่ในมุมกลับกัน ก็คงโกลาหล วุ่นวายน่าดู แล้วอะไรที่เป็นตัวบอกว่าความฝันของใครจะเป็นจริง
ขึ้นชื่อว่าความฝัน อาจดูเป็นเรื่องในจินตนาการ แฟนตาซี เพ้อฝันไปวันๆ ไม่มีโอกาสเกิดขึ้นจริงได้ ด้วยความคิดเพียงเท่านี้ ก็เพียงพอต่อการให้ใครหลายคนล้มเลิกฝันของตัวเองไปแบบดื้อๆ
ทุกคนรู้ดีว่าความฝัน คือแรงผลักดันที่สำคัญของชีวิต คือกำลังใจให้มีแรงในการทำงานแต่ละวัน คือเป้าหมายที่เราต้องไปถึงให้ได้ แม้ว่าระหว่างนั้น สองข้างทางเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามเพียงใด ทุกครั้งที่มองขึ้นมา ก็ยังเห็นจุดหมายอยู่ที่ปลายทาง แม้จะไกลลิบตา แต่ไม่อาจละสายตาออกมาได้เลย
นั่นคือสาเหตุว่าทำไมหลายคนถึงประกอบอาชีพในด้านที่ตัวเองไม่ถนัดเอาเสียเลย ซ้ำร้ายยังโดนดูถูกดูแคลนจากสังคม บ้างก็ถูกด้อยค่าจากอาชีพที่ทำอยู่ แต่เสียงในใจของพวกเขาเหล่านั้น กำลังบอกให้เขาอดทน ไม่ย่อท้อต่อการทำงาน และโชคชะตาที่ไม่อาจลิขิตได้ของตัวเอง
แต่ก็ยังมีไม่กี่คนที่กลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น และไม่เชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง พวกเขามักจะยอมรับชีวิตที่เป็นอยู่ชั่วคราว หรือที่เรียกว่า ‘Safe Zone’
ในที่นี้ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะบางครั้งการตัดสินใจใช้ชีวิตแบบ “ปลอดภัย” ต่อให้มันจะดูไม่มีสีสันฉูดฉาด แต่ก็เป็นสีที่ดูสงบ เรียบง่าย และเข้ากันได้ดีกับใครหลายคน
แต่ภัยเงียบที่ตามมาไม่รู้ตัว คือการปฏิเสธความฝันลึกๆในจิตวิญญาณของตัวเอง สร้างขีดจำกัดให้กับศักยภาพ ความสามารถที่หลบซ่อนอยู่ภายใต้จิตใจ ก็จะหลับใหลไม่รู้ตื่นเช่นนั้นต่อไป
เจ.เค. โรว์ลิ่ง แม่มดแห่งวงการเทพนิยาย เคยพบเจอปัญหามากมายในชีวิต ทั้งสูญเสียผู้เป็นแม่ ด้านชีวิตคู่ก็ต้องยุติในเวลาอันสั้น แถมยังเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ยิ่งเป็นอุปสรรคครั้งใหญ่ในชีวิตของเธอ
โรว์ลิ่ง ใช้ความสามารถ บวกกับถนัดของตัวเอง เขียนหนังสือและส่งต้นฉบับไปยังสำนักพิมพ์ทั่วเกาะอังกฤษ แต่ต้องรับมือความผิดหวัง หลังจากถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า เป้าหมายในตอนนั้น เพื่อหวังจะหาเงินมาใช้จ่ายในบ้านได้ก็พอ จากชีวิตที่หนาวเหน็บ กลับอบอุ่นขึ้น ด้วยกำลังใจจากเจ้าตัวน้อยของเธอ
ในที่สุดก็เป็นสำนักพิมพ์เล็กๆในกรุงลอนดอนอย่าง Bloomsbury ที่เปิดประตูโอกาสครั้งสำคัญให้กับเธอ จนกลายเป็นนักเขียนคนสำคัญระดับโลก ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรมเยาวชนที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดตลอดกาล “แฮร์รี่ พอตเตอร์”
เห็นไหม ว่าความฝันมันสำคัญกับเราแค่ไหน ไม่ว่าอุปสรรคอะไรที่เข้ามา แค่พร้อมจะรับมันไว้ ต่อให้ปัญหาจะใหญ่เท่าภูเขา ถ้าไม่คิดจะหยุด ก็ยังมีทางให้เดินข้ามไปได้เสมอ
นักแสดงหญิงระดับโลกชาวอังกฤษ เอมิลี่ บรันท์ เจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำ ก่อนที่จะมาโลดแล่น สร้างฝีมือการแสดงชั้นยอดไว้ ย้อนไปสมัยที่เธอยังเด็ก ในวัยเพียง 7 ปี เธอมีอาการพูดติดอ่าง ต้องใช้เวลาจนถึงอายุ 14 ปี กว่าจะทะลายกำแพงนี้ลงได้
โดยช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ฉุดรั้งทักษะในหลายด้านของเธอ ที่สำคัญคือความมั่นใจและการแสดงออก การจะก้าวเป็นดาราแทบไม่มีอยู่ในหัว แค่สามารถพูดคุยกับคนอื่นได้อย่างปกติยังยากเลย
แต่ทั้งหมดนี้เปลี่ยนไป จากครูสมัยมัธยมต้น สนับสนุนให้เธอพยายามมีกิจกรรมมากขึ้น ด้วยความฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความกล้าที่อยู่ในใจของเธอ ค่อยๆฉายแสงส่องประกายออกมา พรสวรรค์ที่คาดไม่ถึง พาเธอมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมที่สุด
แรงจูงใจเหล่านี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าหากมีความกังวลใจ ไม่กล้าที่จะก้าวผ่านช่วงเวลาย่ำแย่ของตัวเอง ช่วงเวลานี้ทุกคนต้องเคยเจอในชีวิตทั้งนั้น อยู่ที่ว่าใครจะแสดงออกมาอย่างไรมากกว่า
ปกติแล้ว ความฝันไม่มีการจำกัดว่าจะต้องออกมาในรูปแบบใด ความฝันแต่ละคนย่อมต่างกันเป็นธรรมดา
บางคนฝันที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน นี่คือหนึ่งสิ่งที่อยู่ในทุกช่วงวัย ในวัยเรียนทุกคนก็ฝันอยากได้ทำงานที่ดีดี ตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตรอบด้าน เป็นหนทางสู่ความสำเร็จในอนาคต
วัยทำงานก็ฝันว่าอยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง การงานมั่นคง รายได้เพียงพอที่จะเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวให้สุขสบาย
ส่วนวัยเกษียณอายุ จะไม่ต่างจากวัยทำงานมาก เพียงแต่จะมองชีวิตที่กว้างกว่าเดิม การเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ คือความฝันยอดนิยม เพราะในวัยแบบนี้การเป็นเจ้าของธุรกิจ ถือเป็นไอเดียที่ไม่แย่เลย
อีกเรื่องที่ทุกคนน่าจะต้องการ คือฝันจะเป็นที่รักและชื่นชมของใครสักคนหนึ่ง การดำเนินชีวิตจะเดินต่อได้ไกล ต้องอาศัยความรักเป็นตัวนำทาง ความรักคือสิ่งพิเศษตลอดเวลา ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ความรักมีความจำเป็นต่อทุกสิ่งบนโลกเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว หรือรูปแบบของคนรัก ก็ก่อให้เกิดความสุขทั้งสิ้น สร้างชีวิตชีวาให้กับผู้คนรอบข้าง จึงไม่แปลกที่ความรักจะคอยเติมเต็มพลังงานต่อหัวใจผู้คนมาตลอดมา
ด้วยเหตุนี้ ความฝันจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่าย ขณะเดียวกันก็หายไปได้ง่ายเช่นกัน
และ ความฝันไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป คนที่ไม่มีฝันต่างหากที่น่ากลัวยิ่งกว่า
เหมือนที่เคยมีคนกล่าวไว้ว่า “ผู้ใดไม่มีฝัน ผู้นั้นไม่มีชีวิต”