มีคนบอกว่าโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี จริงหรือเปล่าไม่รู้
แต่ที่รู้ คนที่ชอบของฟรี มักเป็นคนที่ต้องพึ่งพาคนอื่น เป็นเบี้ยล่าง ต้องทำตามคำสั่ง มีตีน แต่ไม่มีรอยเท้าเป็นของตนเอง
คนพวกนี้นิยมรัฐสวัสดิการ เพราะมีรากฐานจากการที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
แม่มันไม่มีนมให้ – มันก็โมโห มันก็อาละวาด
มาถึงยุคใหม่ เขาเรียกยุคสัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงิน
พ่อแม่วิ่งไปหาพันล้าน แต่ลืมถามลูก ว่าต้องการพันล้านหรือต้องการอ้อมกอด
ทีนี้ละ เจนนั้นเจนนี้ก็มีคนวิเคราะห์ ตั้งเป็นทฤษฎี เอาทฤษฎีไปสร้างกระบวนการ เป็นกระบวนทัศน์ วิสัยทัศน์ นวัตกรรม
ยำกันไปกันมา อ้าว…ก็กลับมาเข้าเรื่องเดิม
อิคิไกบ้าง มินิมอลบ้าง เมจิกช็อปบ้าง พุทธะบ้าง ศาสดาต่าง ๆ บ้าง ว่างบ้าง วุ่นหนัก ฟุ้งจัด ก็ขจัดกันไป
ผมเคยหงุดหงิดกับผู้คน
เคยบ่น เคยอารมณ์ไม่ดีกับทุกสิ่งที่….ไม่ได้อย่างใจ
เวลาผ่านไป ผ่านไป อิ๋บอ๋าย อยู่ได้อีกไม่นานแล้วโว้ย
จึงพยายามคิดทฤษฎี แต่เอาล่ะสิ ที่ท่าน ๆ เธอ ๆ คิดไว้สอนไว้ก็ดี แต่ทำไมไม่ค่อยมีใครเอา ทั้ง ๆ ที่ท่านสอนท่านบัญญัติ มันก็ปรมัตถ์ชั้นเลิศ
คำว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
หรือ กรรมตามสมอง ก็แว่บเข้ามาในหัว
จึงขอบัญญัติทฤษฎีมั่ว ๆ ไว้ 5 ข้อก่อนก็แล้วกัน (เท่าที่คิดไดัว่าเหมาะแก่กาล พอควรกับยุคโควิด – 19)
- มนุษย์ผู้ลังเล ต้องจ่ายราคาค่าความสูญเสีย เหมือนในหนังเรื่องซานตาคลอส
ลูกถามพ่อว่าซานตาคลอสมีจริงมั้ย – พ่อถามกลับว่าลูกเชื่อมั้ย ลูกตอบว่าเชื่อ พ่อจึงยืนยันตอบลูกไปว่าลูกจะได้เจอท่าน
บางคนเห็นคนอื่นทำได้ แต่ก็ยังหาเหตุมาบอกบอกว่ากูทำไม่ได้ ด้วยข้อจำกัดโน่นนี่นั่น เริ่มที่อยากทำ ต่อด้วยความลังเล สุดท้ายก็จะพร่ำบ่นว่าชีวิตห่วยเพราะ….คนอื่น ปัจจัยอื่น
ผลลัพธ์ที่ชีวิตกระจอกงอกง่อย คือความสูญเสียที่มิอาจประเมินค่า - ราคาของความสำเร็จคือความสูญเสียหลายครั้ง
คนที่อ่านคำคมดมตูดคนอื่นก็จะกดไลค์กดแชร์สตีฟ จ็อป, แจ็ค หม่า ,อีลอน มัสก์ ฯลฯ ว่าเขาเป็นนักคิด นักสู้ ล้มเหลวเท่าไหร่ก็ไม่ยอมแพ้ ชอบที่เอดิสันบอกว่าล้มเหลวพันครั้งกว่าจะได้หลอดไฟ…แต่คนอะไรพวกนี้มีปัญหาทีเดียวก็วิ่งเข้าคอมฟอร์ทโซน - ราคาของความมั่งคั่งคือความเหนื่อยล้าไร้วิญญาณ
ผมรู้จักคนแสนล้านหลายคนครับ ที่โฟกัสที่เงิน จนเขามีแสนล้าน แต่สุดท้าย ไม่มีใครเคียงข้าง รวยโคตรครับ หรูมาก แต่ผมไม่อยากแก้ผ้าพวกเขาเลยว่า เขาอ้างว้างและสิ้นไร้ยังไงเพราะท้ายที่สุด คนที่เก่งอาจหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้ - ความสุขในวัยชราคือการได้กลับมากระปรี้กระเปร่า
ข้อนี้ ไม่อธิบาย เพราะคิดว่าทุกคนรู้อยู่แล้ว - ราคาของความมีน้ำใจคือการที่มีแรงในการให้โดยไม่ตระหนี่
ผมเจอคนเป็นด็อกเตอร์ ความรู้โคตรเทพ แต่หากินริมฝั่ง (มันไม่เก็ทเรื่องผลักน้ำออกไปแล้วน้ำจะไหลกลับเข้ามา พวกนี้ตระหนี่ไลค์ ตระหนี่ลูกศิษย์ และคับแคบมาก อยากดังแต่ไม่สามารถแจ้งเกิดเพราะติดปมใจแคบ) ต่างจากคนธรรมดาที่ใจใหญ่แบบครูม้อค รู้ไม่มาก การศึกษาก็กระจอก แต่หัวกระไดไม่เคยแห้ง 555
ทุกคนมีราคาครับ เล่าเรื่องนี้เพราะอยากให้คุณคิดราคาตัวเองดู
คนที่น่ารังเกียจคือพวกที่ทำอะไรแบบผิวเผิน
คนที่ยากไร้คือพวกอยู่ใต้ร่มเงาคนอื่น (ถ้าไม่สู้แดดไหนเลยจะมีเงาของตนเอง) ใจไม่นักเลงก็เสพแต่ขนมปังที่ร่วงจากปากคนอื่น
อะไรที่ทำดีแล้ว ไม่มีอะไรต้องเสียใจ
เราสั่งซื้อของจากช็อปปี้ ลาซาดา หรือซื้อของตามห้าง ซื้อแล้วคืนไม่ได้ครับ
“ชีวิตมีครั้งเดียว มีชีวิตเดียว ซื้อแล้วไม่ได้คืน
จึงชวนคิด ว่าราคาค่างวดของเราควรเป็นเช่นไร”
ครูพี่ม้อค ธวัชชัย พืชผล (วิชาอาแปะ สอนรวย)
คณะทำงาน
สำนักพิมพ์ 7D Book & Digital.
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels