สิ่งที่มือใหม่ต้องรู้ก่อนจะกู้สินเชื่อเพื่อสร้างบ้านขาย

“อยากเป็นนักพัฒนาอสังหาฯ ไม่จำเป็นต้องรอให้เงินพร้อม”

คงต้องยอมรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ว่าหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนต้องละทิ้งความฝันที่จะได้เป็นหนึ่งในนักลงทุนหน้าใหม่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็คงไม่พ้นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ที่จะเป็นตัวช่วยในการแบกรับความเสี่ยงเมื่อก้าวเข้าไปเป็นหนึ่งในผู้เล่นภายในสนามที่มีคู่แข่งอยู่นับร้อย บ้านหนึ่งหลังอาจจะมีต้นทุนอยู่หลักล้าน แต่ถ้าหนึ่งโครงการก็อาจจะมากกว่านั้น ฟังดูแล้วจะเห็นว่ามีจำนวนเงินวิ่งวนอยู่ในนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ทว่าหากมีความฝันแต่อยากรอให้มีเงินมากพอก่อนแล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้เริ่มล่ะ?

หากพูดถึงวิธีการที่จะทำให้ความฝันนั้นใกล้เข้ามาอีกคืบหนึ่งก็คงมีให้เลือกนับไม่ถ้วนซึ่งหนึ่งในนั้นก็คงเป็นการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่ดูมีความเป็นไปได้มากที่สุดสำหรับนักลงทุนมือใหม่ เมื่อขึ้นชื่อว่า “สินเชื่อบ้าน” หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับการกู้มาเพื่อซื้อบ้านในโครงการมากกว่าการกู้มาเพื่อสร้างบ้านขายเพราะส่วนใหญ่สถาบันการเงินก็ต้องการที่ผลักดันให้ประชาชนได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยกันมากขึ้น และในขณะเดียวกันสถาบันการเงินก็จะปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อนำไปพัฒนาที่อยู่อาศัย ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียมเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยกันมากขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งหากมองในอีกแง่มุมหนึ่งก็เหมือนกับการเปิดโอกาสให้นักลงทุนมือใหม่เข้าไปเป็นหนึ่งในนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้แม้ว่าจะเริ่มต้นจากการไม่มีเงินต้นทุนเลยก็ตาม

สำหรับการเตรียมความพร้อมก่อนการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินนั้น ผู้ขอสินเชื่อจะต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

1. เตรียมความพร้อมให้กับตัวเอง

คำว่า “รู้อะไรก็ไม่เท่ารู้ตัวเอง” ยังใช้ได้ดีเสมอโดยเฉพาะในเรื่องของการเตรียมความพร้อมก่อนตัดสินใจลงทุน ก่อนที่จะทำการขอสินเชื่อสิ่งที่ต้องเช็กให้ดีเสียก่อนก็คือการตรวจสอบสถานะทางการเงินของตนเองว่าตอนนี้มีรายได้หรือมีภาระหนี้สินอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ สถาบันการเงินมักจะพิจารณาจากข้อนี้เป็นอันดับแรกเช่นเดียวกัน และความสามารถในการแบกรับภาระหนี้สินมีผลกับสินเชื่อที่จะขอกู้อย่างแน่นอน

คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ

2. เตรียมพร้อมสำหรับการวางแผน

เมื่ออยากเป็นเจ้าของโครงการสิ่งที่จะต้องทำการบ้านร่วมกับการสำรวจตัวเองก็คือการวางแผนการลงทุน มีปัจจัยอยู่ไม่กี่อย่างที่เป็นตัวชี้เป็นชี้ตายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้คือทำเลและความต้องการของลูกค้า หากว่าเลือกทำเลดีแต่เจาะกลุ่มลูกค้าผิดก็มีโอกาสที่จะทำให้โครงการที่ลงทุนไปนั้นกลายเป็นบ้านติดดอยหรือบ้านที่ขายไม่ออกได้ เช่น ทำโครงการบ้านจัดสรรในย่านโรงงานแต่ราคาบ้านสูงถึง 5 ล้าน เมื่อกำลังซื้อกับมูลค่าของทรัพย์สินไม่สมดุลกันสุดท้ายบ้านในโครงการนั้นก็มีโอกาสขายได้น้อยหรือขายไม่ได้เลยเพราะคนเหล่านั้นไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการบ้านในราคา 5 ล้านอย่างแท้จริง หรือแม้แต่เรื่องของการวางแผนในการสร้างบ้านว่าต้องการให้มีโครงสร้างออกมาในรูปแบบไหน เพราะสิ่งเหล่านี้จะต้องนาประเมินกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานก่อสร้างที่จะเกิดขึ้น และต้องมั่นใจด้วยว่าบ้านที่ทำออกมานั้นจะสามารถรักษาผลกำไรได้มากกว่าคำว่าเข้าเนื้อหรือขาดทุน

3. รู้จักสถาบันการเงินที่จะขอสินเชื่อ

เมื่อวางแผนที่จะขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะศึกษาเกี่ยวกับเจ้าหนี้ในอนาคตของตนเองซึ่งในแต่ละสถาบันการเงินก็จะมีความแตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขข้อกำหนดในการปล่อยสินเชื่อ ดอกเบี้ย และความสามารถในการปล่อยวงเงินกู้ บ่อยครั้งที่นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ยื่นขอสินเชื่อโดยที่ไม่ได้สนใจกับอัตราดอกเบี้ยต่ำ ๆ เพราะมองว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยไม่น่าจะหยิบมาเป็นประเด็นได้แต่ทว่าสุดท้ายดอกเบี้ยเหล่านั้นกลับเป็นดอกเบี้ยลอยตัวที่สามารถผันผวนไปตามสถานการณ์ตลาดเงินหรือต้นทุนทางการเงินของสถาบันการเงินนั้น ๆ และกลายเป็นภาระหนี้สินที่เป็นปัญหาใหญ่ในภายหลัง

อย่างไรก็ตามแม้ว่าการกู้สินเชื่อเพื่อสร้างบ้านขายนั้นต้องใช้เงินก้อนจากสถาบันการเงินเป็นส่วนใหญ่แต่นักลงทุนเองก็ต้องมีต้นทุนในด้านอื่น ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาจากสถาบันการเงินด้วยไม่ว่าจะเป็นที่ดินสำหรับการก่อสร้างโครงการหรือรายได้อื่น ๆ ก็ตามเพราะสถาบันการเงินเองก็ต้องการความมั่นใจว่าสินเชื่อที่ผู้ประกอบการได้ยื่นขอไปนั้นจะถูกใช้ตามวัตถุประสงค์อย่างแท้จริงและมีการชำระหนี้สินคืนได้ตามเงื่อนไขและข้อกำหนดที่ตกลงกันเอาไว้นั่นเอง

คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ