ใครว่าปลูกผักเป็นเรื่องง่าย
แสดงว่าเขาคนนั้นยังไม่เคยลงมือทำด้วยตัวเอง
รู้ไหมว่า กว่าโอ้กะจู๋ จะมีชื่อเสียงและมีหน้าร้านอยู่ทั่วเมืองขนาดนี้ ไม่ได้มาจากนายทุนที่ใหญ่โต ไม่ใช่เจ้าพ่อเกษตรตัวยง และก็ไม่ใช่หุ้นส่วนร้านอาหารชื่อดัง
แต่มาจากไอเดียของสองนักศึกษาเพื่อนซี้ที่ใฝ่ฝันอยากจะมีธุรกิจเกี่ยวกับเกษตรด้วยกันตั้งแต่มัธยมปลาย จนเมื่อจบปริญญาตรีแล้วก็อยากจะสร้างแรงบันดาลใจให้เป็นจริง
เรื่องนี้ต้องย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน สมัยที่สองเพื่อนสนิทอย่าง คุณโจ้ และ คุณอู๋ ยังอยู่ในวัยมัธยมปลาย ทั้งคู่มีโอกาสได้ไปทัศนศึกษาที่คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
จนเมื่อศึกษาไปพร้อมกับลงพื้นที่ภาคสนามจริง ทั้งคู่ก็ได้แรงบันดาลใจที่อยากจะนำเกษตรสมัยเก่า มาผสมผสานกับเกษตรสมัยใหม่ และจุดเริ่มต้นของความฝันก็เกิดขึ้นจากตรงนี้
แม้ในตอนนั้นทั้งคู่อาจจะอ่อนประสบการณ์อยู่มาก แต่ด้วยความที่ทางบ้านมีต้นทุนความรู้ทางด้านเกษตรมาบ้าง ไม่ยากที่จะทำให้ความฝันนี้จะยังคงโลดแล่นอยู่กับทั้งสองคนเสมอ
จนเมื่อถึงเวลาสุกงอมกำลังดี คุณโจ้ ที่จบปริญญาตรี พร้อมกับพกดีกรี เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จึงไปชวน คุณอู๋ เพื่อนสนิทมาสานฝันของพวกเขาทั้งคู่ให้เป็นจริงด้วยกัน
แนวคิดแรกที่ทั้งคู่ปักธงไว้เป็นหลัก คือทำให้การปลูกผักแบบธรรมชาติ มีคุณภาพมากที่สุด ที่สำคัญต้องไม่พึ่งพาสารเคมี จึงต้องออกแบบแปลงสวนผักของตัวเองอย่างละเอียด
ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบและปัจจัยที่เกี่ยวข้องทุกอย่าง เพื่อรักษาระบบนิเวศที่ดี ที่จะนำไปสู่ชุมชนที่ดีตามมาในอนาคต
หลังผ่านการลองผิดลองถูกอยู่หลายหน ผลผลิตช่วงแรกก็ไม่ได้เยอะมาก ก็นำไปประกอบอาหารรับประทานกันเองภายในครอบครัว เพราะยึดหลัก ทุกคนในครอบครัวต้องสุขภาพดี
ทำให้สโลแกน “ปลูกผักเพราะรักแม่” ที่เป็นที่พูดถึงช่วงหนึ่งและพบเจออยู่ในปัจจุบันนี้ ก็มาจากแนวคิดนับตั้งแต่นั้นมา
เมื่อทีมเริ่มขยายขอบเขตของงานมากขึ้น จำเป็นต้องมีกำลังเสริมมาช่วย และเป็นเวลาเดียวกับที่ คุณต้อง เพื่อนสนิทของทั้งคู่สมัยมัธยมที่จบจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ เข้ามาดูแลในส่วนเครื่องจักรทั้งหลายให้เป็นระบบและประสิทธิภาพที่มากขึ้น
พวกเขาเดินหน้าสร้างคุณภาพกันอย่างต่อเนื่อง เริ่มมีโรงเรือนไว้ปลูกผักสลัดหลากหลายประเภทมากขึ้น ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้สวย แต่ต้องหยุดชะงักเพราะเจอกับปัญหาหลายต่อหลายครั้ง โรงเรือนได้รับความเสียหาย จนต้องหยุดการดำเนินงาน
จนแล้วจนรอดก็เริ่มมองหาโอกาสต่อยอด และบทสรุปก็จบที่การทำอาหารสำหรับคนรักสุขภาพ จึงได้เวลาลงมืออีกครั้ง
การตัดสินใจสร้างคาเฟ่เล็กๆไว้เพื่อให้คนรักสุขภาพ โดยเน้นไปที่สลัดออแกนิคที่เป็นจุดขาย พร้อมเครื่องดื่มต่างๆ ก็เหมือนจะดีขึ้น ผลผลิตก็สูงขึ้น ขณะที่กระแสตอบรับเริ่มสูงขึ้นเช่นกัน
จากก้าวเล็กๆสู่การขยายไปรอบตัวเมืองเชียงใหม่ แม้อาจได้รับความสนใจยังไม่มากในวงกว้าง เพราะราคาอาจสูงไปสำหรับลูกค้าบางกลุ่ม แต่ด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ยังคงเดินหน้าต่อไป
และแล้วก็ถึงวันที่ระยะเวลาได้พิสูจน์ตัวเอง จากการตอบรับกลุ่มน้อยๆ ส่งต่อผ่านปากต่อปากบ้าง ก็ทำให้เป็นที่พูดถึง ยิ่งช่วงนั้นโซเชียลเข้ามามีส่วนร่วมในสังคม
ก็สบโอกาสที่จะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้น มีการประชาสัมพันธ์ และรีวิว จนเป็นที่พูดถึง อาจด้วยชื่อที่จำง่าย ก็ทำให้สู่การเพิ่มมูลค่าทางตลาดในวงกว้างในระยะเวลาไม่นาน
ทางด้านฝั่งสวนปลูกผักก็ยังคงพัฒนาควบคู่กับสังคมออนไลน์ ควบคุมคุณภาพ เพิ่มปริมาณการผลิตอย่างต่อเนื่องไปตลอด
จากหน้าร้านที่เชียงใหม่ก็ส่งต่อสู่ตามจุดต่างๆ ขยับขยายมาจนถึงในกรุงเทพฯ และกลายเป็นร้านอาหารชั้นนำที่ต้องอยู่ติดกับห้างสรรพสินค้าทั่วทุกพื้นที่มากขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งทางฟากออนไลน์ก็ได้มีช่องทางติดต่ออัพเดทข่าวสารมากมายทั้ง ไลน์ ,อินสตาแกรม ,ยูทูป ,เฟซบุ๊ค แต่ที่ครบวงจรที่สุดต้องเป็นเว็บไซต์ ที่พัฒนาได้อย่างยอดเยี่ยมขึ้น
นอกจากการควบคุมคุณภาพให้สด สะอาดอยู่เสมอ ยังพัฒนาในความหลากหลายทางอาหารมากขึ้น ผักชนิดไหนที่หาทานยาก ที่นี่ก็มักจะตอบโจทย์ในส่วนนั้นได้อยู่เรื่อยๆ
การสร้างคาแรคเตอร์ สไตล์การตกแต่งร้านที่ดูเรียบง่ายเฉพาะตัว ยิ่งทำให้ดึงดูดผู้คน ทั้งที่รักสุขภาพอยู่แล้ว หรือใครไม่ได้สนใจ ก็อาจมีเปลี่ยนมุมมองได้เมื่อรู้จักกับที่แห่งนี้
ผลลัพธ์แห่งความตั้งใจถูกถ่ายทอดออกมาด้วยจำนวนผู้คนที่เข้ามาใช้บริการอย่างหนาแน่นร้าน แค่นี้ก็น่าปลื้มใจที่สุดแล้ว
การใส่ใจในคุณภาพ คือสิ่งสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านอาหาร ยิ่งมีเรื่องของรสชาติรสนิยมมาเกี่ยวข้องด้วยยิ่งต้องพิถีพิถัน ปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา
บางครั้งอาจต้องเหนื่อยกว่าคนอื่น แต่ขึ้นชื่อว่าการทำธุรกิจ ความเป็นจริงก็คงไม่มีอะไรง่ายหรอก จริงไหม ขอเพียงแค่เต็มที่กับสิ่งที่ทำอยู่อย่างถูกต้อง ทุกอย่างก็คงเป็นไปในทางที่ดี
โดยความฝันที่ดูจะไม่มีน้ำหนักจากเด็กมัธยมปลายในวันนั้น วันนี้พวกเขาทำมันได้สำเร็จขั้นหนึ่งแล้ว จงเชื่อเถอะว่า ยังไม่หยุดแค่นี้แน่ ในอนาคตอันใกล้ต้องมีผลผลิตที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นออกสู่ท้องตลาดให้กับทุกคนได้ลิ้มลองอีก รับรองได้
เรื่องนี้ก็ทำให้รู้ว่า อย่าดูถูกความฝันใครเป็นอันขาด แม้กระทั่งความฝันของตัวเอง เพราะจากแรงบันดาลใจน้อยๆ ก็ยังงอกงามผลิดอกออกผลมาเป็นต้นไม้ที่แข็งแรงและใหญ่โตได้
ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้นจริงไหม ขอแค่ใจที่สู้อยู่เสมอ
แม้สุดท้ายอาจไม่สำเร็จในทางที่ต้องการ
อย่างน้อยก็ได้ลองทำมันแล้ว
ก็คุ้มเกินกว่าจะบอกใครเชียวล่ะ.
…
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: Pexel