เลี้ยงลูกนอกบ้าน พาพ่อแม่ออกเซฟโซน ให้รู้จักการ “เลี้ยงลูกเชิงบวก”

พ่อแม่หลายคนอยากให้ลูกเติบโตมาเป็นคนฉลาด การเรียนดี เป็นคนมีความสามารถ และเด็กก็กลายเป็นความหวังของพ่อแม่ หวังว่าลูกจะเลี้ยงดูเราได้เมื่อเวลานั้นมาถึง ความหวังที่ว่า ก็เหมือนกับการที่มองว่าลูกตัวเองเป็นสมบัติที่จะทำให้อนาคตสบาย

 

ความหวังนั้น ก็ทำให้ลืมไปเลยว่าแท้จริงแล้ว เราควรจะเลี้ยงลูกอย่างไรให้ได้รู้จักตัวเอง ให้กลายเป็นคนที่มีคุณภาพ และเติบโตได้ในสังคมที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบของดอกกุหลาบ และความหวังนั้น ก็กลายเป็นความกดดันสำหรับเด็ก พ่อแม่บางคนกดดันลูกจนไม่รู้จักตัวตน ตีลูกจนเป็นบาดแผลทางกายและใจ บั่นทอนลูกตัวเองจนความรู้สึก ความสัมพันธ์หม่นหมอง ปัญหาเหล่านั้นเกิดขึ้นกับเด็ก ที่สร้างโดยพ่อแม่ จนบางคนเติบโตไปเป็นวัยรุ่นที่มีปมทางความคิด และไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข เพราะฉะนั้น สิ่งที่พ่อแม่ทุกคนควรทำคืออะไร? แล้วทำไมเราถึงไม่ควรมองลูกตัวเองเป็นสมบัติ? ขอพาไปรู้จักกับเพจ ๆ หนึ่ง

 

 

เพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ก่อตั้งโดย ผศ.พญ. จิราภรณ์ อรุณากูร หรือหมอโอ๋ เป็นอาจารย์อยู่ที่ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี หมอโอ๋เป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งด้านเวชศาสตร์วัยรุ่น และได้เปิดโครงผลิตแพทย์ประจำบ้าน เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเวชศาสตร์วัยรุ่นโดยเฉพาะ

 

เวชศาสตร์วัยรุ่นจะโฟกัสเรื่องเกี่ยวกับวัยรุ่นอายุราว 10-24 ปี โดยดูแลปัญหาของวัยรุ่นทั้งเรื่องของสุขภาพทั่วไป รวมไปถึงปัญหาด้านพฤติกรรมของวัยรุ่น ซึ่งปกติจะรักษาทั้งเด็กและพ่อแม่ เพราะวัยรุ่นบางคนอาจมีปัญหาจริง ๆ ทั้งโรคซึมเศร้า สมาธิไม่ดี แต่หลายรายที่คุณหมอเจอ ก็จะเน้นไปที่การแนะนำของพ่อแม่ เพราะวัยรุ่นถือว่าเป็นผลลัพธ์ของการเลี้ยงลูกโดยพ่อแม่ ซึ่งปัญหาหลายอย่างที่เด็กเป็นก็มาจากความสัมพันธ์หรือการเลี้ยงลูกที่ใช้พลังลบมากกว่าพลังบวกในการเลี้ยงดู ไปปรับที่ตัวพ่อแม่ก็จะทำให้ลูกดีขึ้นด้วย

 

จากการเรียนและการทำงานของหมอโอ๋ ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมเด็ก ๆ ถึงดูสดใส มีชีวิตชีวา แต่พอเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ทำไมถึงมีวัยรุ่นหลายคนเกิดปัญหา ทั้งการไม่มีความฝัน ไม่รู้ว่าตัวเองอยากทำอะไร หลายคนก้าวร้าวมากขึ้น บางคนเป็นโรคซึมเศร้า รู้สึกไร้ตัวตน ทำไมเด็กที่มีแววตาลุกโชน มีความฝัน มีความอยากใช้ชีวิตถึงได้กลายเป็นวัยรุ่นที่มีแววตาเหนื่อยล้า ไร้ฝัน คำถามนั้นเกิดขึ้นมาในหัวของหมอโอ๋ ทำให้หมอโอ๋เริ่มศึกษาการเลี้ยงดูเด็กมากขึ้น และได้ไปรู้จักกับ “Positive Parenting” หรือการ “เลี้ยงลูกเชิงบวก” ซึ่งค่อนข้างที่จะตรงกันข้ามกับการเลี้ยงดูลูกแบบคนไทย

 

เพราะการเลี้ยงลูกเชิงบวกจะเน้นไปที่วิทยาศาสตร์สมองและการวิเคราะห์ และการพูดเชิงบวกถึงทำให้เกิดการพัฒนาในสมองเด็กได้ดีกว่า ซึ่งคนไทยใช้การเลี้ยงลูกเชิงลบเป็นส่วนใหญ่ อย่างการตีเด็กด้วยความรุนแรง ใช้อารมณ์กับเด็ก ทำให้เด็ก สมองจะวิ่งลงข้างล่างและใช้สัญชาตญาณแทน เช่น ถ้าแม่ตีเด็ก ลูกก็อาจสู้กลับและจะทำให้เด็กก้าวร้าว ใช้ความรุนแรง และสู้ด้วยความดื้อ ไม่เชื่อฟัง อีกแบบหนึ่งคือการหนี เกิดจากความกลัว ถ้าโดนครูตีบ่อย ๆ เด็กจะหนี กลัว ไม่อยากไปโรงเรียนและจะเกิดความรู้สึกวิตกกังวลในภายหลัง กลัวง่าย รู้สึกไม่มีศักยภาพ แบบสุดท้ายที่เห็นบ่อยที่สุด คือเด็กที่ยอม พอโตไปแล้วจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า เทียบใครไม่ได้ หรือง่าย ๆ คือโตอย่างผู้แพ้ และจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าในที่สุด

 

สิ่งเหล่านี้คือผลลัพธ์ของการเลี้ยงดูลูกแบบเชิงลบ ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อเด็กเลยสักนิด ต่างจากการเลี้ยงลูกเชิงบวกอย่างสิ้นเชิง ที่ใช้เหตุผล ใช้ความเข้าใจของตัวพ่อแม่เอง ส่งต่อไปยังลูกให้ได้เรียนรู้ ได้เข้าใจเหตุผลของทุกอย่างที่เกิดขึ้น อธิบายง่าย ๆ คือการตั้งคำถามกับปัญหาที่เกิดขึ้น มากกว่าการลงโทษลูกตัวเอง การเลี้ยงลูกเชิงบวกจึงเป็นเหมือนกับภารกิจอย่างหนึ่งที่หมอโอ๋อยากส่งต่อให้พ่อแม่ได้รู้จัก หมอโอ๋จึงสร้างเพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ขึ้นมา เพื่อส่งต่อความรู้ ความเข้าใจในการเลี้ยงลูกเชิงบวก รวมไปถึงวิธีการต่าง ๆ ในการเลี้ยงดูลูกทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อให้ลูกได้เติบโตกลายเป็นคนที่มีคุณภาพ มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจที่แข็งแรง สามารถเติบโตและอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างไม่มีปัญหา และลบความเชื่อที่ว่า ลูกคือสมบัติของพ่อแม่

 

ที่มาที่ไปของชื่อเพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” มาจากการที่บ้านนั้น เป็นพื้นที่ปลอดภัย การเลี้ยงลูกนอกบ้านจึงเป็นการพาลูกออกพื้นที่ปลอดภัย นั่นคือการเรียนรู้ และคำว่าเลี้ยงลูกนอกบ้านก็เหมือนกับว่าเราไม่ได้เลี้ยงลูกเฉพาะในบ้านของเรา เราทุกคนควรมีความรับผิดชอบในการเลี้ยงลูกของคนในสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกัน เป้าหมายคือการสร้างสังคมที่ช่วยกันเลี้ยงลูกให้เติบโตแบบเชิงบวก

 

นอกจากเนื้อหาคอนเทนต์จะเป็นการเลี้ยงดูของพ่อแม่แล้ว หมอโอ๋ยังจัดกิจกรรมกับผู้ติดตามเพจด้วยอย่าง “เลี้ยงลูกนอกบ้านออนทัวร์” ด้วย ที่จะพาเด็ก ๆ ออกไปเดินทางเพื่อให้เด็กได้รู้จักกับความแตกต่างที่มีอยู่ทุกก้าว ได้รู้จักกับคนรอบตัวที่ไม่เหมือนเรา และโลกความจริงมันกว้างกว่าที่เด็ก ๆ คิด

 

นอกจากเรื่องพ่อแม่ลูกแล้ว หมอโอ๋ยังทำให้เราเห็นปัญหาเชิงโครงสร้างในสังคมไทยอีกด้วย และด้วยความที่ปัจจุบันนี้ ก็เริ่มมีคนใส่ใจกับปัญหาเชิงโครงสร้างมากกว่าแต่ก่อน เรื่องราวเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกที่คุณหมอโอ๋เล่าในเพจ บวกกับข่าวสารที่ทำให้เราได้เห็นปัญหาการเติบโตของเด็กไปจนถึงช่วงวัยหนึ่ง ทั้งปัญหาด้านการศึกษาและความเหลื่อมล้ำ ที่เข้าไม่ถึงเด็กและปัญหาจากระบบการศึกษาที่มองได้ว่าเดินสวนทางกับสิ่งที่ควรจะเป็น หมอโอ๋ก็เป็นเสียง ๆ หนึ่งที่พูดถึงปัญหาเหล่านั้น ทำให้คนในสังคมตื่นตัวมากขึ้น และเมื่อสังคมเปลี่ยนไป เด็กเข้าใจสิทธิของตัวเอง เข้าใจความแตกต่าง เข้าใจความหลากหลายของมนุษย์มากขึ้น การสร้างเด็กให้เติบโตไปเป็น Global Citizen จึงเป็นภารกิจอย่างหนึ่งที่พ่อแม่หลายคนควรนำทางให้กับลูก ๆ ของตัวเอง

 

 

นอกจากนี้ หมอโอ๋ยังมีผลงานหนังสือ 2 เล่มด้วยกัน “เลี้ยงบวก ลูกบวก” และ “Growth Mindset Journal บันทึกวิธีคิด เพื่อการเติบโต (เขียนร่วมกับคุณอรุณฉัตร คุรุวาณิชย์)”

 

โฆษณาที่มาลงกับเพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” คร่าว ๆ มีดังนี้

Dove : รูปภาพประกอบบทความ

หมอโอ๋ได้เขียนบทความ เมื่อลูกสาววัย 9 ขวบ มาขอย้อมสีผม และทำให้หมอโอ๋ได้ชะงักไปกับคำขอของลูก พร้อมกับวิเคราะห์ถึงปัญหาต่าง ๆ จะทำให้ผมเสียไหม จะทำให้เด็กดูไม่เรียบร้อยไหม หมอเลยได้ถามลูกเกี่ยวกับการย้อมสีผม และลูกก็ได้หาคำตอบมาตอบหมอโอ๋อย่างดีแล้ว และหมอโอ๋ก็เข้าใจแล้ว ว่ามันคือความสุข และทำให้ลูกได้รู้จักตัวตนของตัวเอง ผมของลูก ลูกสามารถตัดสินใจเองได้ และการไม่ตัดสินใครจากภายนอกคือเรื่องสำคัญในชีวิตของเราทุกคน

ยอดไลค์ : 1 หมื่นไลค์

ยอดแชร์ : 1 พันครั้ง

.

iStudio by SPVI : รูปภาพ

หมอโอ๋ เพจเลี้ยงลูกนอกบ้านได้อธิบายถึงโครงการที่น่าสนใจของทาง iStudio by SPVI ที่ทำโครงการ Student Store โครงการสนับสนุนการศึกษา เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีให้เข้าถึงโรงเรียน นักเรียน และครู ที่จะได้รับสิทธิ์ในการซื้อ Mac & iPad ในราคาเพื่อการศึกษา โดยได้รับส่วนลดถึง 10,500 บาท และ Accessory ที่ลดสูงสุด 60% ทางเพจได้อธิบายราคา และการผ่อน รวมไปถึงช่องทางในการสั่งซื้อและรายละเอียดเพิ่มเติม ปิดท้ายด้วยการพูดถึงการเล่นหน้าจอของเด็ก ๆ และแอพต่าง ๆ ที่สร้างจินตนาการกับความรู้ให้กับเด็ก ๆ ได้

ยอดไลค์ : 789 ไลค์

ยอดแชร์ : 141 ครั้ง

.

AIS Play : รูปภาพประกอบบทความ

ทางเพจได้พูดถึงเรื่องย่อของซีรีส์ใน AIS Play เรื่อง “จากสูญถึงสิบ” และได้พูดถึงการสร้างความทรงจำที่งดงามและตัวตนที่เข้มแข็ง รวมไปถึงการนับถือตัวเอง การเตรียมลูกในวันที่เราไม่ได้อยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ปิดท้ายด้วยช่องทางในการรับชมซีรีส์

ยอดไลค์ : 1.6 พันไลค์

ยอดแชร์ : 488 ครั้ง

.

Netflix : รูปภาพประกอบบทความ

หมอโอ๋ได้อธิบายถึงความเครียดสะสม จากประสบการณ์มากมายในชีวิตที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ความเครียดเกิดขึ้นและสะสมจนบางครั้งเราก็ไม่รู้ตัว และมันก็ไม่ได้เป็นผลดีต่อพลังชีวิต และได้พูดถึงว่า มนุษย์ต้องการเวลาพักเสมอ และการพักคือการเพิ่มพลังให้สมอง ทั้งการจิบชา เดินเล่น ออกกำลังกาย การได้นั่งดูหนังหรือซีรีส์ และการพักนั้นจะเป็นการเติมเต็มชีวิต และหมอโอ๋ก็ชอบดู Netflix เพราะเป็นการพักผ่อนที่ดี

ยอดไลค์ : 877 ไลค์

ยอดแชร์ : 189 ครั้ง

.

ช่อง 3 : รูปภาพประกอบบทความ

หมอโอ๋ได้พูดถึงการเป็นพ่อแม่ยุคใหม่ที่ไม่ใช่เรื่องง่าย และได้อธิบายถึงบ้าน 3 แบบในละครเรื่อง “มามี้ที่รัก” ที่ทำให้เราได้เห็นการพ่อแม่และครอบครัวที่แตกต่าง ได้อธิบายถึงตัวละครต่าง ๆ ผู้เป็นแม่ ที่การดูแลของบางคนนั้น เป็นการทำร้ายครอบครัว ปิดท้ายด้วยวัน เวลาออกอากาศ ช่องทางในการรับชมและลิงค์ดูย้อนหลัง

ยอดไลค์ : 4 พันไลค์

ยอดแชร์ : 1.1 พันครั้ง

.

LINE TV : อัลบั้มรูปภาพ

หมอโอ๋ได้แนะนำละครทางช่อง LINE TV ชื่อเรื่องว่า “Mother… เรียกฉันว่าแม่” ยกเรื่องย่อมานำเสนอ และได้อธิบายถึงเด็กที่เติบโตมากับการที่พ่อแม่หย่าร้าง มีความสัมพันธ์ใหม่ และหลายคนก็ถูกเลี้ยงโดยความรุนแรง และได้ยกภาวะทางการแพทย์ “Reactive attachment disorder” มาอธิบาย ปิดท้ายด้วยวัน เวลาในการออกอากาศและลิงค์ในการรับชมย้อนหลัง

ยอดไลค์ : 1.1 พันไลค์

ยอดแชร์ : 163 ครั้ง

.

Dove : รูปภาพประกอบบทความ

เพราะวินัยไม่ใช่เรื่องของทรงผม ซึ่งคนหลายคนโดยเฉพาะครูจะเข้าใจผิด ว่าผมทรงนักเรียนจะ = วินัยที่ดี ทั้ง ๆ ที่วินัยที่ดีคือการควบคุมตนเองจากภายใน เพื่อให้ทำในสิ่งที่ตัวเองควรทำ และไม่ทำในสิ่งที่ไม่ควร โดยการฝึกวินัยสามารถฝึกได้หลายอย่าง และทรงผมของนักเรียนก็ถือเป็นสิทธิอย่างหนึ่งที่เด็กควรจะมี และปัญหาเรื่องการบังคับตัดผมนักเรียน เป็นปัญหาใหญ่กว่าที่คิด สังคมแห่งการเรียนรู้ที่ดี จะเริ่มต้นขึ้นได้เมื่อ “ไม่ละเมิดสิทธิในร่างกายซึ่งกันและกัน”

ยอดไลค์ : 2.1 พันไลค์

ยอดแชร์ : 271 ครั้ง

.

Sammakorn : คลิปวิดีโอ

ครอบครัวที่สมบูรณ์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณของคนในครอบครัว แต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพและความรักของคนในครอบครัว ต่อให้เป็นเพศหลากหลาย เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ก็สามารถมีความรักที่อบอุ่นได้โดยที่ไม่ต้องหลบซ่อน และเราสามารถออกแบบครอบครัวให้มีความสุขได้ในแบบของตัวเราเอง ปิดท้ายด้วยการชักชวนดูคลิปโฆษณาของ Sammakorn ที่ชื่อว่า The Unstereotype Family

ยอดไลค์ : 4.8 พันไลค์

ยอดแชร์ : 1.5 พันครั้ง

ยอดวิว : 8.7 หมื่นครั้ง

.

Cochlear.Thailand : คลิปวิดีโอ

หมอโอ๋เล่าว่า เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องที่คุณชัชชาติพูดเกี่ยวกับแรงบันดาลใจของเขา และแรงบันดาลใจนั้นคือลูกชายของเขาเอง ที่สูญเสียการได้ยินตั้งแต่แรกเกิด และคุณชัชชาติก็ได้ทำทุกเพื่อให้ลูกชายกลับมาได้ยินอีกครั้ง และได้อธิบาย ว่าในประเทศไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการคัดกรองการได้ยินให้กับเด็ก รวมถึงการรักษาต่าง ๆ ทั้งการใส่เครื่องช่วยฟังและการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียม และวิธีหลังนี้สามารถทำได้แล้วในประเทศไทย โดย Cochlear Thailand ปิดท้ายด้วยการพูดถึงโครงการ “หนูอยากได้ยินเสียงแม่” รุ่นที่ 9 ของมูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก

ยอดไลค์ : 9.2 หมื่นไลค์

ยอดแชร์ : 7.9 พันครั้ง

ยอดวิว : 1.5 ล้านครั้ง

 

อ้างอิงจาก : 

https://bit.ly/3jNDqx2

https://bit.ly/3IgivNx

https://bit.ly/3WXAWdV

https://www.facebook.com/takekidswithus

 

เรียบเรียงโดย: กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital