ใครว่าการเลือกรูปแบบของคอนโดฯ ไม่มีผลต่อการทำกำไร
หากมีคนพูดว่า “คอนโดฯ แบบไหนก็ขายได้ทั้งนั้น” ให้รู้ไว้เถอะว่านั่นคือหนึ่งในกลลวงของการลงทุน แต่คำว่า “หนึ่งตลาดไม่ได้มีไว้สำหรับทุกคน” ต่างหากที่เป็นเรื่องจริง
เมื่อปัจจัยของความต้องการนั้นไม่ใช่เหตุผลหลักที่จะถูกนำมาตัดสินว่าคอนโดมิเนียมแบบไหนที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจหรืออยากที่จะมีไว้ในครอบครอง แล้วปัจจัยข้อไหนล่ะที่จะเป็นตัวกำหนด?
“รายได้” กลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถของผู้ซื้อหรือกลุ่มเป้าหมายที่แม้แต่ตัวนักลงทุนเองก็เข้าไปควบคุมไม่ได้เพราะต่อให้พวกเขาจะอยากมีห้องชุดขนาดใหญ่แต่ถ้าการเข้าถึงทรัพย์นั้นเป็นเรื่องยากเกินความสามารถของตนเองก็คงถูกเก็บไว้เป็นเพียงหนึ่งในความฝันเท่านั้น และอย่างที่กล่าวมาจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก ๆ ที่นักลงทุนจะต้องกลับมาถามตัวเองก่อนว่าต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นคนกลุ่มใดเพราะนี่ต่างหากที่จะเป็นตัวกำหนดว่าควรลงทุนในพื้นที่ทำเลหรือคอนโดมิเนียมรูปแบบใดจึงจะสามารถสร้างผลกำไรกลับมาได้มากที่สุด
แล้วคอนโดฯ แบบไหนเหมาะกับใครบ้าง?
1. คอนโดมิเนียมแบบห้องสตูดิโอ
ถ้าพูดถึงห้องชุดที่มีขนาดเล็กแต่สามารถเก็บรายละเอียดพื้นที่ใช้สอยไว้ได้อย่างครบครันคงไม่มีห้องชุดรูปแบบไหนที่จะตอบโจทย์ได้มากเท่ากับคอนโดมิเนียมแบบสตูดิโอ โดยทั่วไปแล้วชุดในรูปแบบนี้จะมีขนาดพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 21 ตารางเมตร ถึง 30 ตารางเมตร ซึ่งห้องชุดหนึ่งห้องจะควบรวมทั้งห้องนอน ห้องครัว ไว้ในพื้นที่ที่เป็นสัดส่วนเดียวกันโดยไม่มีการแบ่งกั้นพื้นที่ ยกเว้นเพียงแค่ห้องน้ำที่แยกตัวออกมาเท่านั้น ส่วนใหญ่ห้องแบบสตูดิโอจะมีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาห้องชุดทั้งหมดทำให้ราคานั้นถูกลงตามไปด้วย รวมไปถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อย่างค่าบำรุงรักษาส่วนกลาง ฉะนั้นจึงกล่าวโดยสรุปได้ว่าหากต้องการซื้อคอนโดมิเนียมประเภทนี้ไว้สำหรับลงทุน การเลือกทำเลในย่านสถาบันการศึกษาที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักศึกษาจะเป็นทางเลือกในการสร้างผลกำไรได้ในระยะยาวเพราะมีความต้องการของลูกค้าอยู่ตลอด หรือแม้แต่การปักหมุดในเขตสำนักงานที่มีพนักงานประจำที่มองหาที่พักอาศัยภายใต้งบประมาณค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก
2. คอนโดเนียมแบบแยกห้องเป็นสัดส่วน
ถ้ากำลังมองหาห้องชุดสำหรับลงทุนในอนาคตโดยมีการกำหนดขอบเขตของพื้นที่ให้มีขนาดกว้างมากขึ้นกว่าห้องสตูดิโอและอยากให้พื้นที่ใช้สอยนั้นถูกแบ่งกั้นอย่างเป็นสัดเป็นส่วน ห้องชุดในรูปแบบของห้องแยกคงจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีกว่าเพราะมีความยืดหยุ่นด้วยขนาดของพื้นที่มากกว่า 25 ตารางเมตร ถึง 50 ตารางเมตร ซึ่งมีให้เลือกลงทุนตั้งแต่ราคาที่คนทั่วไปสามารถจับต้องได้และราคาที่สูงขึ้นไปตามลำดับขนาดของพื้นที่ ทั้งนี้จุดเด่นหลัก ๆ ของห้องชุดประเภทนี้ก็คือการให้ความเป็นส่วนตัวโดยการแยกพื้นที่อย่างเป็นสัดส่วนไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ไปจนถึงห้องครัว ฉะนั้นกลุ่มเป้าหมายหลัก ๆ จึงมักจะเป็นชาวมนุษย์เงินเดือนที่มีความสามารถในการซื้อหรือการเช่าอสังหาริมทรัพย์ในระดับหนึ่งหรือคนที่ต้องการหาที่พักในระยะยาว
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
3. คอนโดมิเนียมแบบ Duplex
เมื่อพูดถึงคอนโดมิเนียมแบบ Duplex สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์มากที่สุดก็คงเป็นห้องนอน 2 ห้องที่อยู่ในห้องชุดเดียวกัน หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันในชื่อของห้องแบบลอฟต์ (Loft) ด้วยลักษณะเฉพาะที่มีเพดานสูงกว่าห้องชุดทั่ว ๆ ไปทำให้สามารถสร้างชั้นลอยได้อีกชั้นหนึ่งและมีการแยกพื้นที่ใช้สอยต่าง ๆ ออกจากกันได้อย่างเป็นสัดส่วนภายใต้ข้อกำหนดของพื้นที่ที่มีความกว้างมากกว่า 50 ตารางเมตร ถึง 80 ตารางเมตรเลยทีเดียว นอกจากนี้คอนโดมิเนียมแบบ Duplex ยังเอื้อประโยชน์ให้กับผู้พักอาศัยหรือเจ้าของห้องพักในเรื่องของการตกแต่งได้หลากหลายรูปแบบจนแทบจะไม่ต่างจากการใช้พื้นที่ของบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่งเลยก็ว่าได้ และห้องขุดในรูปแบบนี้จะเหมาะกับใครไปไม่ได้นอกจากกลุ่มเป้าหมายของคนที่ต้องอยู่กันเป็นครอบครัวหรืออยู่กันหลายคนแต่ยังคงต้องการความเป็นส่วนตัว ซึ่งราคาของการซื้อขายนั้นก็ไม่ต่างจากห้องชุดรูปแบบอื่น ๆ ก็คือขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ หากต้องการที่จะซื้อมาเพื่อทำการลงทุนอาจจะเป็นทางเลือกที่สามารถสร้างกำไรได้เป็นอย่างดีแต่หากต้องซื้อมาเพื่อการลงทุนในระยะยาวอย่างการปล่อยเช่าอาจจะไม่เหมาะเท่าที่ควรหากมองไปถึงเรื่องของค่าใช้จ่ายในการตกแต่ง ปรับปรุง และค่าบำรุงส่วนกลางที่อาจจะตกปีละหลายหมื่นบาท
4. เพนท์เฮาส์
หากต้องการพื้นที่เท่ากับบ้านหลังใหญ่ ๆ หนึ่งหลังแต่อยากย่อส่วนให้อยู่ภายในตัวอาคารเพียงหนึ่งห้อง เพนท์เฮาส์คงจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้ดีเป็นพิเศษเพราะเป็นห้องชุดขนาดใหญ่ที่สามารถสร้างห้องนอนภายในห้องชุดห้องเดียวได้ถึง 3 ห้องและยังมีการแยกสัดส่วนพื้นที่ใช้สอยอื่น ๆ ได้อย่างกว้างขวางภายใต้พื้นที่ที่ถูกจัดสรรไว้มากถึง 100 ตารางเมตรขึ้นไปเป็นอย่างต่ำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องแลกกับมูลค่าที่สูงลิบลิ่วไม่ว่าจะเป็นราคาซื้อขายหรือแม้แต่ค่าบำรุงรักษาพื้นที่ส่วนกลาง และในขณะเดียวกันการซื้อขายเพนท์เฮาส์ก็มีกลุ่มป้าหมายที่ค่อนข้างจำกัดเพราะราคาซื้อขายต่อหนึ่งห้องค่อนข้างสูงมากและส่วนใหญ่มักจะอยู่กับคอนโดมิเนียมโครงการใหญ่ ๆ หรือพื้นที่ทำเลย่านใจกลางเมืองเป็นหลัก ซึ่งแน่นอนว่าหากต้องการซื้อมาเพื่อทำการลงทุนควรจะเป็นการขายต่อมากกว่าการซื้อมาเพื่อทำการปล่อยเช่าเพราะไม่เช่นนั้นแล้วนักลงทุนอาจจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการได้ที่ไม่คุ้มเสีย
การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดไม่เพียงแค่เป็นการกำหนดช่องทางการเลือกลงทุนได้ถูกตลาดแต่ยังเป็นตัวการันตีผลกำไรในระยะยาวด้วย ยกตัวอย่างเช่น การปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมห้องเล็กในพื้นที่ทำเลที่มีสถาบันการศึกษาจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าความต้องการของกลุ่มเป้าหมายจะยังมีอยู่เสมอและมูลค่าของการปล่อยเช่าทรัพย์ที่ลงทุนนั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับความสามารถและความเต็มใจที่จะจ่ายของกลุ่มลูกค้าทำให้ทรัพย์เป็นที่ต้องการของตลาดเช่นเดียวกัน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญในการสร้างผลกำไรจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าลงทุนกับทรัพย์ในรูปแบบไหนแต่เป็นการเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับสิ่งที่ต้องการที่จะขายต่างหาก
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
อ้างอิง:
ก่อนตัดสินใจซื้อคอนโด ต้องรู้แปลนคอนโดก่อน จาก https://bit.ly/3alhN2q
คอนโดห้องสตูดิโอคืออะไร ใครบ้างที่ควรซื้อ จาก https://bit.ly/3z4OgEv
เรียบเรียงโดย: ศุภธิดา รัสพันธ์
คอนเทนต์ครีเอเตอร์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Freepik