ที่ดินปิดตายมีทางออก ใครมีที่ดินตาบอดฟังทางนี้!
หลายคนอาจจะเคยพบเจอมาบ้างกับที่ดินทำเลดีหรือที่ดินแปลงใหญ่ที่ถูกปล่อยทิ้งร้างท่ามกลางตึกรามบ้านช่องที่ขนาบข้างทั้งซ้ายขวาหน้าหลังจนมองไม่เห็นหนทางที่จะเข้าออกสู่พื้นที่สาธารณะหรือท้องถนนได้ หากพูดตามภาษาปากที่ดินรูปแบบนี้จะเป็นที่รู้จักในชื่อ “ที่ดินตาบอด” แม้ว่าที่ดินบางแปลงจะอยู่บนพื้นที่ทำเลดีขนาดไหนแต่ก็ยากที่จะขายออกหรือได้ราคาดีเพราะถูกปิดกั้นเอาไว้ทุกทาง ยกเว้นเสียแต่ว่าเจ้าของที่ดินที่อยู่ด้านหน้าจะเป็นคนซื้อเพื่อขยายพื้นที่เสียเอง
เมื่อทางเลือกในการทำประโยชน์มีน้อยลงเจ้าของที่ดินตาบอดหลายคนจึงยอมขายขาดกับนายทุนคนอื่น ๆ ในราคาถูกกว่าที่ควรจะเป็นดีกว่าปล่อยไว้แล้วไม่เกิดประโยชน์กับตัวเอง ถ้าจะบอกว่าเป็นความคิดที่ผิดก็คงไม่ใช่เสียทีเดียวเพราะอย่างน้อยก็ยังได้ผลตอบแทนกลับคืนมา แต่ในขณะเดียวกันเจ้าของที่ตาบอดบางคนก็ตัดใจขายไม่ลงอาจจะด้วยเหตุผลว่าที่ดินแปลงนั้นเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่จึงได้แต่ปล่อยไว้ให้เป็นพื้นที่ว่างเปล่า
สำหรับคนที่ยังถือที่ดินตาบอดอยู่ในมือ รู้หรือไม่ว่ายังมีสิทธิทางกฎหมายที่ครอบคลุมเรื่องของที่ดินตาบอดซึ่งสามารถหาทางออกให้กับที่ดินแปลงนั้นได้โดยการ “ขอทางจำเป็น”
ทางจำเป็นคือทางออกสำหรับที่ดินตาบอดจริงหรือ?
ทางจำเป็น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้บัญญัติเอาไว้ในมาตรา 1349 โดยสรุปใจความได้ว่า ผู้เป็นเจ้าของที่ดินตาบอดที่ถูกที่ดินแปลงอื่น ๆ ปิดทางออกไว้สามารถขอทางจำเป็นเพื่อออกสู่เส้นทางสาธารณะได้แต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อที่ดินแวดล้อมอื่น ๆ ด้วย และควรให้เกิดความเสียหายต่อที่ดินที่ขอทางจำเป็นให้น้อยที่สุด ในกรณีที่ดินติดกับทางออกสาธารณะในรูปแบบของคลอง บึง ทะเล หรือทางชั้นก็สามารถขอทางจำเป็นได้เช่นกัน
การขอทางจำเป็นไม่ต้องทำเป็นนิติกรรมหรือสัญญาร่วมกับเจ้าของที่ดินที่ขอผ่านทางจำเป็นเพราะถือว่าเป็นสิทธิที่เจ้าของที่ดินตาบอดจะได้รับตามกฎหมายอยู่แล้ว
การขอทางจำเป็นมีข้อกำหนดอย่างไรบ้าง?
1. แม้ว่าการขอทางจำเป็นจะไม่ต้องทำสัญญาร่วมกับเจ้าของที่ดินที่ขอผ่านทางจำเป็นแต่เจ้าของที่ดินตาบอดจะต้องจ่ายค่าทดแทนในพื้นที่ที่ถูกใช้ประโยชน์ในการสร้างทางจำเป็นเพราะถือว่าได้สร้างความเสียหายให้กับที่ดินแปลงนั้น โดยอัตราค่าตอบแทนเจ้าพนักงานจะเป็นผู้ประเมินให้และผู้เป็นเจ้าของที่ดินตาบอดจะจ่ายเป็นค่าเช่ารายเดือนหรือรายปีก็ได้
2. การขอทางจำเป็นชื่อก็บอกแล้วว่าต้องใช้เพียงเพราะความจำเป็นเท่านั้น กฎหมายจึงมีข้อกำหนดเอาไว้ว่าจะสามารถทำทางผ่านได้เท่าความจำเป็นสำหรับการเข้าออกเท่านั้น หากมีความจำเป็นต้องขอทางเพื่อให้รถยนต์สามารถผ่านเข้าออกได้ก็สามารถขอทางจำเป็นได้เช่นกันแต่มีข้อกำหนดไว้ว่าจะต้องมีระยะทางห่างจากทางสาธารณะไม่เกิน 8 เมตร
3. ทางจำเป็นไม่ได้กำหนดไว้เฉพาะทางตาบอดที่มีพื้นที่อยู่บนบกเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงการขอทางจำเป็นเพื่อเดินทางด้วยพาหนะทางน้ำอย่างเช่น เรือ หรือแพ ได้เช่นกัน โดยสามารถยื่นขอสิทธิในการขุดคลองเพื่อออกสู่ทางสาธารณะที่เป็นคลองขนาดใหญ่หรือแม่น้ำสายหลักได้
4. เจ้าของที่ดินตาบอดสามารถขอทางจำเป็นได้เพียงทางใดทางหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถขอทางจำเป็นทั้งทางน้ำและทางบกได้พร้อม ๆ กัน
5. หากเจ้าของที่ดินตาบอดที่ได้ทำการขอทางจำเป็นแล้ว ถ้าในอนาคตต้องการแบ่งที่ดินเพื่อขายหรือแยกออกเป็นแปลงย่อยแต่แปลงที่อยู่ด้านในสุดไม่มีทางสำหรับเข้าออก เจ้าของที่ดินตาบอดคนใหม่สามารถผ่านที่ดินของเจ้าของเดิมได้เลยโดยไม่ต้องจ่ายค่าทดแทนใด ๆ อีก หากมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นจะสามารถเอาผิดได้เฉพาะกับเจ้าของที่ดินแปลงที่มีการแบ่งแยกกันเท่านั้น ไม่รวมกับเจ้าของที่ดินแปลงอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบ
ทางจำเป็นถือว่าเป็นเส้นทางสำหรับการออกสู่ทางสาธารณะสำหรับคนที่มีที่ดินตาบอดและถูกที่ดินโดยรอบปิดกั้นไว้เท่านั้น ผู้เป็นเจ้าของที่ดินตาบอดจึงไม่สามารถนำไปหาผลประโยชน์อย่างอื่นได้ หากเจ้าของที่ดินหมดความจำเป็นที่จะต้องใช้ทางนั้นแล้วหรือมีทางออกสู่ทางสาธารณะอื่นจะถือว่าหมดความจำเป็นและจะไม่สามารถยื่นขอทางจำเป็นได้อีก
อ้างอิง:
ทางจำเป็น คืออะไร จาก https://bit.ly/36cgktz
ที่ดินตาบอดกับทางจำเป็น กฎหมายที่ดินที่เจ้าของที่ดินควรรู้ จาก https://bit.ly/3qiDTYK
ทางจำเป็นกับภาระจำยอม ต่างกันอย่างไร ? จาก https://bit.ly/3weF9ji
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
เรียบเรียงโดย: ศุภธิดา รัสพันธ์
คอนเทนต์ครีเอเตอร์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Freepik