มีคำพูดที่กล่าวกันว่า “ยิ่งอายุมากขึ้น วิสัยทัศน์ก็กว้างไกลมากยิ่งขึ้น”
เมื่อเราอายุ 30 เราอาจก้มหน้าก้มตาทำงานได้โดยไม่เงยหน้า
อายุ 40 เริ่มตระหนักว่าใกล้เข้าสู้วัยทองของชีวิต
อายุ 50 เริ่มคิดมากเรื่องเกษียณ
อายุ 60 อาจกำลังรอวันตาย
เวลาไม่เคยคอยใคร เมื่อเราอายุมากขึ้น เราต้องเข้าใจคุณค่าของชีวิตให้มากขึ้น
แล้วเราจะเข้าใจคุณค่าของชีวิตได้อย่างไร?
บทความนี้จะพาเราไปหาคำตอบ

ภาพถ่ายโดย cottonbro จาก Pexels
1. อายุ 30ปี: เรียนรู้ไม่หยุด
การกิน การดื่ม และความบันเทิงนำมาซึ่งความสุขในระยะสั้นได้เท่านั้น ในขณะที่การอ่านสามารถฝึกฝนเราจากภายในสู่ภายนอก ยิ่งกว่านั้น การที่เราอายุ 30 หมายความว่าเราได้สร้างค่านิยมและมีหลักการในการใช้ชีวิตที่มั่นคงของตนเองแล้ว
ดังนั้นเมื่อคุณอายุ 30 แล้ว คุณต้องอ่านและรู้จักคิดให้มากขึ้น
ถ้าคุณคิดว่าตนเองยังขาดสิ่งเหล่านี้อยู่ ให้รีบสร้างรากฐานให้ตัวเองและใช้เป็นบทเรียนสำหรับการเดินทางในอนาคต ชีวิตคือเส้นทางที่ยาวไกล ต้องให้ความสำคัญกับการอ่านและการสร้างคุณค่าให้กับตัวเองอย่างต่อเนื่อง แล้วชีวิตในอนาคตของคุณจะมีความหมายมากยิ่งขึ้น
จำไว้ว่ายิ่งคุณสร้างคุณค่าให้กับตัวเองมากเท่าไร อนาคตก็จะยิ่งสดใสมากขึ้นเท่านั้น

ภาพถ่ายโดย Jack Sparrow จาก Pexels
2. อายุ40 ปี: ไม่ต้องกลัว สู้ในแบบของตัวเอง
อายุ 40 เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิต
หลังจากผ่านประสบการณ์และบทเรียนต่าง ๆ ในการทำงานและครอบครัว ตอนนี้คุณได้กลายเป็นผู้อาวุโสในสายตาของผู้อื่นไปแล้ว เป็นพ่อแม่ของลูก และเป็นผู้นำของคนอีกมากมาย
อายุ 40 เป็นช่วงเวลาแห่งความพยายามอย่างต่อเนื่องจากวัย 30 แต่อย่าขายวิญญาณไปกับการทำงานเพียงอย่างเดียว จงใช้เวลาเพื่อตัวเองด้วย

ภาพถ่ายโดย Karolina Grabowska จาก Pexels
อันที่จริง เมื่ออายุ 40 คุณจะเป็นผู้ใหญ่มากพอและมีความคิดเป็นของตัวเอง สิ่งที่คุณควรทำไม่ใช่การริเริ่มทำตามผู้อื่น แต่จงเรียนรู้ที่จะเป็นตัวของตัวเอง
ดังนั้น เมื่อคุณอายุ 40 แล้ว อย่าสนใจการชี้นำของสังคมว่าคุณควรจะทำสิ่งนี้ เป็นเจ้าของสิ่งนั้น หรือนั่งในตำแหน่งนี้ ฯลฯ จงเชื่อมั่นในตนเองและลงมือทำในสิ่งที่สอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ก่อนหน้านี้
ในขณะเดียวกัน อย่างทิ้งความนับถือในตนเอง อย่าให้ผู้คนและคำพูดรอบตัวมีอิทธิพลต่อคุณง่าย ๆ เราคือผู้กำหนดชีวิตของเราเอง เมื่ออายุ 40 เราต้องเรียนรู้และปฏิบัติให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่เราวางเอาไว้โดยไม่หวั่นไหว
3. อายุ 50ปี: เรียนรู้ที่จะยอมแพ้
เมื่ออายุ 50 หลายคนเริ่มเผชิญกับความกังวลต่าง ๆ บางคนกังวลเกี่ยวกับการตกงาน บางคนกังวลเกี่ยวกับลูก ๆ บางคนรู้สึกว่าชีวิตเริ่มไม่ง่ายแล้ว
ในแม่น้ำสายใหญ่ของชีวิต เราแต่ละคนเปรียบเสมือนเรือที่แล่นไปตามกระแสน้ำนั้น ยิ่งขนของลงเรือไปมากเท่าไรก็ยิ่งเคลื่อนไหวได้ยากเท่านั้น แต่เมื่อคุณเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง คุณก็จะสามารถแล่นเรือต่อไปได้

ภาพถ่ายโดย cottonbro จาก Pexels
เมื่อเราอายุ 50 เราควรตระหนักรู้ว่าอะไรอยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ เราแค่ต้องทำให้ดีที่สุด รู้ว่าเราเป็นอย่างไรก็เพียงพอแล้ว
ไม่มีใครสามารถหนีพ้นจากกระแสวังวนแห่งวัยและกฎแห่งธรรมชาติไปได้ ช่วงเวลานี้ให้ใช้เวลาไปกับพ่อแม่ที่แก่ชราให้มากขึ้นและมีความสุขครั้งสุดท้ายกับพวกเขา ในขณะเดียวกัน อย่ากังวลถึงอนาคตของลูก ๆ ของคุณจนเกินไป พวกเขามีเส้นทางของตัวเอง ตราบใดที่พวกเขาเป็นคนดีมีจิตสำนึก อนาคตก็ยังเปิดกว้างสำหรับพวกเขาอยู่เสมอ
เมื่ออายุ 50 จงเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง เพราะสิ่งเดียวที่จำเป็นในช่วงเวลานี้ก็คือความสงบสุข

ภาพถ่ายโดย MART PRODUCTION จาก Pexels
4. อายุ 60 ปี: อย่าขุ่นเคืองทำใจให้สบาย
เมื่ออายุ 60 ชีวิตส่วนใหญ่จะต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเกษียณ ญาติพี่น้องและเพื่อนพลัดพรากจากกัน ลูก ๆ เติบโตขึ้นและมีครอบครัว และมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น
อย่าสนใจคำพูดที่น่ารำคาญของคนรอบข้าง อย่าโต้ตอบหรือพยายามหลีกเลี่ยง รู้จักดูแลตัวเอง นอกจากนี้ยังเป็นเวลาที่ควรเลิกใช้เงินฟุ่มเฟือย เพราะวัย 60 ปียังเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตวัยชรา
เมื่ออายุได้ 60 เราได้ผ่านช่วงชีวิตของการเป็นเด็กและความผันผวนของวัยกลางคน และสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในตัวเราเวลานี้ก็คือความสงบและการเปิดใจให้กว้าง

ภาพถ่ายโดย Andrea Piacquadio จาก Pexels
ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ความเงียบสงบก็เหมือนกับสายน้ำอันฉ่ำเย็น การทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่นก็เหมือนกับน้ำท่วมตัวคุณเอง เมื่อคุณอายุมากขึ้น คุณไม่ควรวุ่นวายกับสิ่งต่าง ๆ ให้มากเกินไป แต่จงใช้ชีวิตเพื่อตัวคุณเอง รักชีวิตให้มากขึ้น และความสุขจะอยู่กับคุณเสมอ
โดยสรุปก็คือ อายุที่แตกต่างกันย่อมมีชีวิตที่แตกต่างกัน คิดเสียว่าทุก ๆ วันคือประสบการณ์และการเรียนรู้ เมื่อคุณเจอกับอุปสรรคมามาก คุณก็จะเรียนรู้ที่จะสงบสติอารมณ์มากขึ้น เวลาที่ผ่านไปไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้ สิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้ก็คือ ใช้ชีวิตทุกช่วงเวลาให้เต็มที่และมีความสุข
อ้างอิง: Abolouwang (ผู้เขียน)
https://www.facebook.com/tonydzung.com.vn/photos/a.920059914689090/4877300518964990/
. . .
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
แปลและเรียบเรียงโดย: ปิ่นแก้ว ศิริวัฒน์
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels และ freepik