คำเตือนจากเจ้าหน้าที่ธนาคาร
ถึงนักธุรกิจอสังหาฯ ทุกท่าน !!!
.
อยากขอสินเชื่อให้ผ่าน
ต้องรู้ความลับ 5C ของสถาบันการเงิน
.
ขอสินเชื่อไม่ผ่าน ธนาคารไม่อนุมัติ
ปัญหาโลกแตกของนักลงทุนในยุคนี้
.
“เพราะธนาคารเข้มงวดมากขึ้นครับ การขอสินเชื่อเพื่อทำธุรกิจจึงไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อน”
.
นี่คือคำตอบจาก คุณตอย ทัศรินทร์ จันทร อดีตผู้จัดการธนาคารและนักลงทุนมากประสบการณ์ ผู้มีงานเขียนระดับ Best seller วางขายอยู่ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ และในวันนี้..เขาจะมาไขความลับเรื่องการขอสินเชื่อให้เราฟัง
.
เมื่อธนาคารไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่าย ๆ แผนการลงทุนจึงต้องหยุดชะงัก
.
ผู้ประกอบการ รวมถึงนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายราย ต้องการขอสินเชื่อเพื่อนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียน หรือนำไปลงทุนเพื่อขยับขยายกิจการ แต่สุดท้ายก็ต้องประสบปัญหาเดิม ๆ คือขอสินเชื่อไม่ผ่าน ทำอย่างไรก็ไม่อนุมัติ แม้จะลองเปลี่ยนธนาคารหรือติดต่อสถาบันทางการเงินแห่งใหม่แล้วก็ตาม
.
เมื่อขอสินเชื่อไม่ผ่าน ธุรกิจก็ไม่สามารถดำเนินตามแผนการที่วางเอาไว้ได้ เมื่อหมดหนทางจึงยิ่งเป็นการตอกย้ำความยากลำบากของการลงทุนในยุคที่เศรษฐกิจย่ำแย่ลงถึงเพียงนี้
.
.
“ธนาคารมีเหตุและผลในการตัดสินใจแน่นอนครับ และถ้าคุณอยากขอสินเชื่อให้ผ่าน ก็ต้องรู้จักกับคำว่า 5C เพราะมันคือหลักเกณฑ์ที่ธนาคารให้ความสำคัญ และใช้ในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อธุรกิจหรือสินเชื่อ SME ให้กับท่าน”
.
คุณตอย อธิบายความหมายของ 5C กับเรามาสั้น ๆ ก่อนที่จะไขความลับที่น่าสนใจนี้ต่อไป…
.
หากคุณเป็นนักธุรกิจอสังหาฯ หรือผู้ประกอบการร้านค้าใดก็แล้วแต่ ก่อนก้าวขาไปหาเจ้าหน้าที่ธนาคาร ลองประเมินตัวเองจากกฎ 5C นี้ดูก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าเรามีโอกาสผ่านการพิจารณามากน้อยแค่ไหน
.
แล้วหลักเกณฑ์ 5C ที่ว่านั้น ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ?
.
คุณตอยได้ถอดรหัสตัวอักษร 5C ให้เราฟังทีละข้ออย่างละเอียด โดยเริ่มจาก C ตัวแรก ซึ่งย่อมาจากคำว่า CHARACTER
.
.
ด่านแรกคือประวัติความเป็นมาของตัวคุณเอง
ถ้าข้อนี้ไม่ผ่าน..ก็อย่าหวังว่าธนาคารจะปล่อยสินเชื่อให้
.
“นี่เป็นปัจจัยสำคัญข้อแรกที่ใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อธุรกิจเลยล่ะครับ โดยธนาคารจะหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้กู้ว่าเป็นคนอย่างไร มีความซื่อสัตย์สุจริตมากพอไหม มีความรู้และประสบการณ์ทางธุรกิจที่ประกอบการมากแค่ไหน แล้วเคยมีประวัติไม่ดีทางด้านการเงินหรือเปล่า”
.
หากคุณเป็นลูกค้าเก่า ก็ยิ่งสืบสาวประวัติได้ง่าย
.
เพราะธนาคารสามารถดูได้ว่าที่ผ่านมาคุณปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือข้อตกลงที่ให้ไว้อย่างเคร่งครัดรึเปล่า นอกจากนี้ยังสืบได้จากวงการธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น SUPPLIERS หรือ CUSTOMER ในตลาดว่าเป็นอย่างไร
.
ถ้าไม่เคยก่อเรื่องทุจริตหรือไปคดโกงใครเขามาก็หมดห่วง ผ่านฉลุยแน่นอน
.
.
แน่ล่ะ…ธนาคารก็ต้องการความมั่นใจ จึงต้องพิจารณาดูหน่อยว่าหากปล่อยสินเชื่อให้คุณแล้ว จะมีโอกาสได้เงินคืนมากน้อยแค่ไหน
.
“นี่คือหัวใจสำคัญในการพิจารณาสินเชื่อธุรกิจเลยล่ะครับ…เจ้าหน้าที่สินเชื่อต้องศึกษาธุรกิจของลูกค้า ว่าจะมีความสามารถในการชำระหนี้คืนให้กับธนาคารไหม หากวิเคราะห์แล้วพบว่าโครงการธุรกิจของท่านไม่สามารถทำกำไรได้เพียงพอต่อการชำระหนี้ ทางธนาคารก็ไม่อาจพิจารณาสินเชื่อธุรกิจให้คุณได้”
.
ธนาคารมักประเมินจากรายได้สุทธิ หรือรายได้ธุรกิจหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้ว และควรจะเป็นรายได้มีความแน่นอนด้วย ไม่ใช่รายได้ที่คุณมีแค่ชั่วครั้งชั่วคราว
.
เพราะถ้ารายได้ของคุณดูไม่มั่นคง ก็คาดการณ์ได้แล้วว่าความสามารถในการชำระหนี้็คงต่ำไปด้วย ซึ่งธนาคารเองก็ไม่ได้อยากรับความเสี่ยงตรงนี้ไว้
.
ยิ่งใช้เงินทุนส่วนตัวเยอะ ความเสี่ยงของธนาคารยิ่งน้อย
.
“คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่จะพิจารณาด้วยว่าผู้กู้ได้นำเงินทุนส่วนตัวมาลงทุนด้วยเท่าไร เพราะยิ่งผู้กู้นำเงินทุนส่วนตัวมาลงมากเท่าใด ความเสี่ยงของธนาคารก็น้อยลงเท่านั้น เพราะผู้กู้จะยิ่งทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับธุรกิจของตนจนสุดความสามารถ”
.
คุณตอยอธิบายเพิ่มว่า…นอกจากนี้แล้ว ธนาคารจะพิจารณาสัดส่วนระหว่างเงินทุนกับหนี้(D/E RATIO)ด้วย แต่ก็ขึ้นอยู่กับธุรกิจแต่ละประเภทด้วยว่าควรจะมี D/E RATIO เท่าไร เช่น ธุรกิจที่มีผลกำไรต่ำ ก็ควรต้องมีเงินลงทุนสูง
.
สรุปคือ ธนาคารมักจะไม่ให้กู้ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเงินทุนไม่เพียงพอกับการประกอบธุรกิจ เพราะเกรงว่าจะเป็นผลเสียกับทั้งสองฝ่าย
.
#COLLATERALS หรือ #หลักประกัน
ธนาคารก็ต้องป้องกันความเสี่ยง เรื่องหลักประกันจึงสำคัญมาก
.
“ต่อให้ธุรกิจดีแค่ไหน ก็ยังมีโอกาสถูกสภาวะแวดล้อมหรือเหตุอันไม่คาดฝันมาทำให้ธุรกิจเกิดปัญหาได้อยู่ดีครับ…และเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง ทางธนาคารจึงต้องการหลักประกันจากคุณ”
.
ในข้อนี้อาจสรุปให้ฟังแบบชัดเจนไม่ได้ เพราะธนาคารจะพิจารณาไปตามรายบุคคลว่าควรมีหลักประกันมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะดูจาก #ความเสี่ยง เป็นหลัก
.
ประมาณว่า…ถ้ามีความเสี่ยงน้อย ก็ต้องการหลักประกันน้อยหน่อย แต่ถ้ามีความเสี่ยงมากก็ต้องการหลักประกันมากเช่นกัน
.
แต่คุณตอยก็แอบกระซิบมาอีกนิดหนึ่งนะ…
ว่าในบางกรณี ธนาคารก็ให้ #สินเชื่อชนิดที่ไม่มีหลักประกัน หรือที่เรียกว่า CLEAN BASIS ถ้าหากเห็นว่าลูกค้าคนนั้นมีฐานะทางการเงินดี มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของสังคม หรือเคยติดต่อกับธนาคารมาเป็นเวลานาน และบางครั้งก็ขึ้นอยู่กับประเภทของสินเชื่อที่ขอด้วยว่ามีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด
.
#CONDITION หรือ #สถานการณ์
.
“เจ้าหน้าที่สินเชื่อจะวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในและนอกประเทศ แน่นอนครับว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกาารควบคุม ซึ่งทำให้ธนาคารมักจะไม่ปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งมากจนเกินไป โดยกระจายไปในธุรกิจหลาย ๆ ประเภทเพื่อลดความเสี่ยง”
.
สถานการณ์ที่เราพูดถึงกันข้างต้นก็อย่างเช่น ภาวะเศรษฐกิจ หรือปัญหาเรื่องนโยบายของรัฐบาล การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ปัญหาสิ่งแวดล้อม หรือความผันผวนของตลาด รวมทั้งการขึ้นลงของราคาวัตถุดิบ สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ธนาคารทั้งหมด
.
หืมมมม…อ่านจบแล้วเครียด !!!
คุณสมบัติอย่างเราจะเข้าตากรรมการไหมเนี่ย ?
.
ใจเย็นก่อนค่ะนักลงทุนทั้งหลาย อย่าเพิ่งกังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับไปซะก่อน ถ้าอ่านแล้วสับสน หรือไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าจะผ่านมันไปได้ไหม เราขอแนะนำให้คุณเดินเข้าไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ธนาคารด้วยตัวเองเลยดีกว่า จะได้มั่นใจยิ่งขึ้น
.
เอาเข้าจริง ถ้าคุณผ่านทั้ง 5 ด่านนี้ไปได้ #5C จะกลายเป็นแค่บททดสอบง่าย ๆ ไปเลย เพราะบททดสอบสุดโหดของแท้น่ะ มันอยู่ข้างหน้าโน้นนนน…และเมื่อถึงตอนนั้น คุณต้องตั้งสติและคิดให้ดีว่าหากสินเชื่อผ่านการพิจารณาแล้วจะเอายังไงต่อ มีเงินทุนแล้วต้องเริ่มจากตรงไหน ทำแล้วไม่มีกำไรควรจะแก้ปัญหาอย่างไรดี
.
หากเตรียมแผนการเอาไว้ คุณจะมีโอกาสล้มเหลวแค่ 50% แต่ถ้าไม่มีแผนอะไรเลย คุณจะมีโอกาสล้มเหลวสูงถึง 90%
.
.
.
ขอบคุณข้อมูลจาก คุณตอย ทัศรินทร์ จันทร
สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารสำหรับนักลงทุนต่อได้ที่เพจ ‘เทรดแมน ตอย ทัศรินทร์’
.
บทความโดย : ณัฐริกา หลิมไทยงาม
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book