ถ้าคุณเป็นคนที่เก็บเงินไม่อยู่ ยังไม่ถึงสิ้นเดือนก็ใช้เงินไปหมดแล้ว รายจ่ายก็มาก รายรับก็น้อย ถ้าคุณลองอ่านบทความนี้ คุณจะรู้ข้อผิดพลาดของคุณที่เป็นสาเหตุให้คุณเก็บเงินไม่อยู่เสียที และถ้าคุณสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่สำคัญเหล่านี้ได้ ก็จะช่วยให้คุณเก็บเงินในกระเป๋าได้มากขึ้น

Photo by Karolina Grabowska from Pexels
1. ถอนเงินสดทั้งหมดหลังจากเงินเดือนออกทันที
คุณจะทำอย่างไรหากคุณได้รับข้อความแจ้งเตือนทางโทรศัพท์มือถือว่าเงินเดือนเข้าบัญชีธนาคารของคุณเรียบร้อยแล้ว? ถ้าคุณรีบถอนเงินทันที คุณก็อาจจะใช้เงินนั้นจนหมดไปอย่างรวดเร็ว
Barbara Friedberg ที่ปรึกษาด้านการเงินส่วนบุคคลกล่าวว่า “ถ้าคุณรีบถอนเงิน คุณจะใช้เงินก้อนนี้จนหมดแน่นอน แทนที่จะเก็บไว้ในธนาคาร จะดีกว่าไหมถ้าคุณจะจัดการโดยจัดสรรรายได้หรือเงินเดือนให้อยู่ในบัญชีเงินเก็บออมเฉพาะโดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่เงินเดือนเข้าบัญชีคุณก็จะสามารถเก็บออมเงินไว้ได้”

Photo by RODNAE Productions from Pexels
2. มีค่าใช้จ่ายมากเกินกว่าที่คุณจะรับผิดชอบไหว
ข้อเสนอทางการเงินประเภทซื้อสินค้าแบบผ่อนชำระในอัตราดอกเบี้ย 0% เวลาคุณชอปปิง สิ่งนี้อาจจะทำให้คุณรู้สึกว่าเป็นการต่อรองที่ดี รวดเร็ว สามารถปิดการซื้อขายได้ทันที แต่ในความเป็นจริง ผู้บริโภคที่ฉลาดจะไม่ทำแบบนั้น
อย่าเพิ่งซื้อรถยนต์คันใหม่ โทรศัพท์เครื่องใหม่ หรือสิ่งอื่น ๆ เพียงเพราะคนขายบอกกับคุณว่าสามารถผ่อนได้สบายๆ ต่อเดือน ธุรกรรมทางการเงินเหล่านี้สามารถทำลายคุณได้ หากคุณลองมองถึงรายจ่ายที่คุณจะต้องจ่ายในแต่ละเดือน
ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อขายหรือเซ็นสัญญาอะไร ควรอ่านรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการชำระเงินรายเดือนตลอดจนระบบการจ่ายดอกเบี้ยให้ชัดเจน
3. ยืนบนลำแข้งตนเอง
สิ่งที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับคุณได้อยู่ที่การใช้ชีวิตด้วยความสามารถของคุณเอง การออมและการลงทุนเป็นสองสิ่งที่คุณควรจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก มันจะทำให้คุณสามารถจ่ายค่าเล่าเรียนให้กับลูก ๆ ของคุณได้และช่วยให้คุณใช้ชีวิตในวัยเกษียณได้อย่างสงบสุข โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร
4. พกเงินสดเวลาท่องเที่ยว
แน่นอนว่าการพกพาและใช้เงินสดสร้างความสะดวกสบายให้กับคุณเวลาท่องเที่ยว เวลาที่คุณซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเข้าร้านที่ไม่รับบัตรเครดิต แต่ทั้งนี้ขอให้งดไปเสียก่อน เพราะการพกพาเงินสดทั้งหมดออกไปข้างนอกสามารถนำพาคุณไปสู่สถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น คุณอาจจะทำมันหล่นหาย หรือที่แย่กว่านั้นก็อาจเป็นเหยื่อของการโจรกรรมได้

Photo by Gustavo Fring from Pexels
5. หมดเงินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น
สินค้าในซูเปอร์มาร์เกตหรือห้างสรรพสินค้าอาจยั่วน้ำลายจนทำให้คุณอยากซื้อกลับบ้านทั้งหมด สินค้าชิ้นนี้ลด 50% ส่วนสินค้าชิ้นนั้นซื้อสามชิ้นก็ลดอีกเช่นกัน คุณยังไม่ทันคิดว่านี่เป็นโปรโมชันที่ดีหรือไม่ แต่คุณก็หยิบมันมาทั้งหมดใส่รถเข็นของคุณแล้วและบอกกับตัวเองว่า “มันจำเป็น”
แต่จริง ๆ แล้วคุณอาจจะจำไม่ได้หรือไม่เคยแตะต้องมันเลยด้วยซ้ำ การอะลุ้มอล่วยไม่ใช่เหตุผลที่ดีที่คุณจะเสียเงินไปกับการซื้อของที่ไม่จำเป็น การกระทำที่ดูเหมือนจะฉลาดนี้เป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเป็นโทรศัพท์รุ่นใหม่ฟังก์ชันดีเยี่ยมหรือของสวยงามเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม คุณควรเลือกซื้อแต่ของที่จำเป็นที่ต้องใช้ตอนนี้หรือสามารถใช้ได้ทุกวันจะช่วยประหยัดได้มากกว่า

Photo by Liza Summer from Pexels
6. ชอปปิงตอนที่อารมณ์ไม่มั่นคง
คุณควรหลีกเลี่ยงการชอปปิงเมื่อรู้สึกไม่สบายใจ เพราะอาจทำให้คุณใช้เงินมากกว่าเดิมเพื่อให้อารมณ์ของตนเองดีขึ้น ควรหลีกเลี่ยงพนักงานขายที่ขายของเก่งและมีวาทศิลป์ยอดเยี่ยม เพราะคุณอาจต้องเสียเงินไปกับสินค้าที่คุณไม่มีกำลังซื้อหรือไม่จำเป็น
คุณอาจแค่ต้องการความคิดเห็นจากใครบางคนว่าคุณใส่ชุดนี้แล้วดูดีไหมเท่านั้น แต่ถ้าจะให้ดีคุณควรถามลูกค้าที่เข้ามาดูสินค้าร้านเดียวกับคุณดีกว่า และมีอีกหลายวิธีที่คุณสามารถผ่อนคลายอารมณ์ได้โดยไม่ต้องเสียเงิน

Photo by RODNAE Productions from Pexels
7. ไม่สนใจกับสถานะทางการเงินของตนเอง
ความกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายและรายได้ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก อย่างไรก็ตามคุณแน่ใจหรือว่าคุณไม่ควรกังวลกับมัน?
หลายคนพูดอยู่เสมอว่าอยากเก็บออมเงิน แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาไม่เคยสนใจสถานะทางการเงินของตนเองเลยว่ามีเงินอยู่เท่าไร ใช้เท่าไร อยู่ในบัญชีไหน เพื่อความประหยัดและการใช้จ่ายที่ฉลาดขึ้น สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือรู้ว่าสถานะทางการเงินของตนเองเป็นอย่างไร
8. อวดเงินบนสื่อโซเชียลมีเดีย
ไม่ว่าคุณจะเป็นเศรษฐีหรือชนชั้นกลาง คุณไม่ควรแชร์สถานะทางการเงินของคุณบนสื่อโซเชียลมีเดีย ไม่มีใครสนใจกับสิ่งที่คุณมีหรือกระเป๋าแพง ๆ ที่คุณเพิ่งซื้อมาหมาด ๆ การกระจายข่าวให้คนทั้งโลกรู้ อาจทำให้คุณเป็นเป้าหมายของพวกนักขุดหรืออาชญากร (ในกรณีที่พวกนั้นเห็นว่าคุณรวย) และคนดูถูกเหยียดหยาม (ในกรณีที่พวกนั้นรู้ว่าคุณเป็นหนี้)
. . .
9. ให้คนที่คุณไม่ไว้ใจยืมเงิน
คิดให้รอบคอบ คิดให้ดีก่อนตัดสินใจให้ใครยืมเงินไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นศัตรู เพื่อน ญาติ หรือคนในครอบครัวของคุณก็ตาม การช่วยเหลือคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องตกลงรับปากในเรื่องทุก ๆ อย่างเสมอไป การให้ยืมเงินในกรณีที่แย่ที่สุดอาจทำให้การเงินของคุณยุ่งเหยิงทั้งยังส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์และเสียความรู้สึกทั้งสองฝ่ายอีกด้วย
Kirk Chisholm ผู้จัดการสินทรัพย์ กล่าวว่า “มันยากที่จะปฏิเสธเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าคุณคือเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัว อย่างไรก็ตามถ้าคุณไม่ได้เงินคืนล่ะ คุณยังเต็มใจที่ให้เขายืมไหม? การให้คนที่คุณไม่ไว้ใจยืมเงินเป็นการตัดสินที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย”

Photo by Mikhail Nilov from Pexels
10. ใช้เงินไปกับสิ่งที่คุณไม่สามารถจ่ายได้
กลยุทธ์ในการสร้างความมั่งคั่งที่ดีที่สุดคือ การลงทุน การลงทุนเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยทำเงินให้กับคุณได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการลงทุนมีความเสี่ยงที่คุณต้องยอมรับเสมอ ดังนั้นคุณควรรู้ว่าคุณจะต้องแลกกับอะไรบ้างก่อนการลงทุน
Pauline Paquin บล็อกเกอร์ทางการเงินส่วนบุคคลผู้โด่งดัง กล่าวว่า “ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงในระดับหนึ่ง” และคุณควรจะเตรียมพร้อมเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด อย่าใช้เงินลงทุนไปกับทุกอย่าง คุณจะรู้สึกท้อแท้ถ้าเสียมันไป ความผิดพลาดทางการเงินอาจสร้างความเสียหายให้กับคุณได้อย่างรุนแรง”

Photo by Javon Swaby from Pexels
11. ให้ความสำคัญกับการเสี่ยงโชค
แทนที่จะใช้เงินไปกับการเสี่ยงโชค จะดีกว่าไหมถ้าคุณจะนำเงินจำนวนนั้นใส่เข้าไปในบัญชีออมทรัพย์ของคุณ คุณอาจคิดว่าถ้าลองเสี่ยงโชคด้วยเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เงินนั้นก็อาจกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ได้ แต่ขอบอกให้รู้ว่าการพนันเป็นสิ่งที่จะพรากทุกอย่างไปจากมือของคุณ
. . .
วิธีง่าย ๆ เพียงไม่กี่ข้อนี้ คุณก็สามารถทำได้ด้วยตนเอง แล้วคุณก็จะเห็นเองว่าเมื่อคุณเริ่มประหยัดมากขึ้น มีความรอบคอบในการใช้จ่ายมากขึ้น คิดก่อนใช้เงินมากขึ้น แล้วคุณก็จะมีเงินเก็บในกระเป๋ามากขึ้นด้วย
อ้างอิง : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=494978505176786&id=109846347023339
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
แปลบทความโดย: ปิ่นแก้ว ศิริวัฒน์
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
. . .
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels และ freepik