“การนอน” เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับมนุษย์
ในวงการวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาและทำการทดลองเพื่อหาความสำคัญเกี่ยวกับการนอนมานานหลายทศวรรษแล้ว
หนึ่งในการทดลองที่มีชื่อเสียงมากที่สุด เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1965 การศึกษานี้เป็นที่รู้จักในชื่อว่า “Randy Gardner Sleep Deprivation Experiment” โดยได้ทำการทดลองกับ “แรนดี การ์ดเนอร์” (Randy Gardner) นักเรียนไฮสคูลวัย 17 ปีจากซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเขาถูกห้ามไม่ให้นอนเพื่อทำการทดลอง เป็นเวลา 264 ชั่วโมง หรือ 11 วันกับอีก 25 นาที ซึ่งทำลายสถิติก่อนหน้านี้ของ “ทอม ราวนด์” (Tom Round) ที่ได้อดนอนเป็นเวลา 260 ชั่วโมง
จากการทดลองนี้ปรากฏว่า…
วันที่สอง ตาของแรนดีไม่สามารถโฟกัสไปที่วัตถุต่าง ๆ ได้ เขาเริ่มมองทุกอย่างได้ไม่ชัดเจน
วันที่สาม อารมณ์ของเขาเปลี่ยนแปลงไป เอาแน่เอานอนไม่ได้ โกรธง่ายเป็นพิเศษ การเคลื่อนไหวของร่างกายเขาก็ไม่สอดรับกับการสั่งการของสมองของเขา
ในตอนท้ายของการทดลอง ความจำระยะสั้นของเขาเริ่มมีปัญหา อารมณ์ของเขาขึ้น ๆ ลง ๆ มากขึ้น เขาเริ่มมีอาการประสาทหลอน และไม่มีสมาธิโฟกัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เลย ในที่สุดงานวิจัยนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตของแรนดี เขามีอาการนอนไม่หลับอย่างรุนแรงเป็นเวลาหลายสิบปีหลังจากการทดลอง
ร่างกายของมนุษย์เป็นสิ่งที่ซับซ้อนมาก วัยผู้ใหญ่หรือวัยทำงานควรนอนหลับให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนวัยรุ่นควรนอนหลับให้ได้ 10 ชั่วโมงต่อวัน
การหาวและการรู้สึกง่วงนอนเป็นสัญญาณว่าร่างกายของคุณต้องการการพักผ่อนแล้ว และเมื่อคุณเห็นท้องฟ้าในยามค่ำคืนนอกหน้าต่าง สารเคมีบางอย่างในร่างกายของคุณจะหลั่งออกมา ทำให้คุณอยากนอนมากขึ้น
คุณจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นปฏิกิริยาของร่างกาย เช่น การหาว หรือเวลากลางคืน ทุก ๆ อย่างล้วนคอยเตือนให้คุณพักผ่อนให้เพียงพอทั้งนั้น แต่หลาย ๆ คนกลับเลือกที่จะมองข้ามมันไป
เมื่อไม่นานมานี้ สำนักพิมพ์ “China Youth Daily” ของจีน ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปทำแบบสำรวจในหัวข้อ “ทำไมคุณถึงนอนดึก?” ผ่านทางอินเทอร์เน็ต
ชาวเน็ตที่เข้าร่วมการทำแบบทดสอบในครั้งนี้มีทั้งหมด 25,000 คน และ 56% ระบุว่า พวกเขานอนดึกเพราะพวกเขา “ยังไม่อยากนอน” และชอบ “ดูหนัง” และ “เล่นโทรศัพท์” ก่อนเข้านอนเสมอ
การเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนกลายเป็นพฤติกรรมที่คนในยุคปัจจุบันทำกันบ่อยจนกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว และนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นโรคเครียด โรคนอนไม่หลับ หรือโรคซึมเศร้า
นอกจากนี้ ในการทำแบบทดสอบนี้ยังมีหลายคนที่กล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าฉันไม่นอนทั้งวันทั้งคืนหรอกนะ ฉันแค่นอนน้อยลง 2-3 ชั่วโมงทุกวันเท่านั้นเอง ไม่เห็นเป็นไรเลย!”
นอกจากการสำรวจของสำนักพิมพ์จีนแล้ว ทางฝั่งสหรัฐอเมริกาก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน จากการศึกษาของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Academy of Sciences: NAS) พบว่า “ถ้าคุณนอนไม่ถึง 6 ชั่วโมงเป็นเวลา 1 สัปดาห์ การทำงานของยีนในร่างกายคุณประมาณ 711 ยีนจะเปลี่ยนแปลงไป”
รู้หรือไม่ว่า การนอนหลับน้อยลง 2 ชั่วโมงต่อวันติดต่อกัน 2 สัปดาห์ และการอดนอน 48 ชั่วโมง จะสร้างความเสียหายให้กับร่างกายเช่นเดียวกับที่กล่าวมาข้างต้น อีกทั้งยังต้องใช้เวลาพักฟื้นนานมาก หรืออาจก่อให้เกิดปัญหาระยะยาวตามมาแบบ แรนดี การ์ดเนอร์ ก็เป็นได้
แน่นอนว่าคนหนุ่มสาวหลายคนมักจะมุ่งมั่นกับทำงานจนนอนดึก เพราะอยากก้าวหน้าและอยากประสบความสำเร็จในอาชีพการงานของพวกเขา
แต่ลองถามตัวเองดูว่า ต่อจากนี้ไปอีกไม่กี่ปี ร่างกายคุณจะยังไหวอยู่รึเปล่า?
เมื่อไม่นานมานี้มีคนตั้งกระทู้ถามในในโลกโซเชียลว่า “คนเราจะมีวินัยได้อย่างไร?”
เชื่อหรือไม่ว่า คำตอบที่มียอดไลก์มากที่สุดคือ “ก้าวแรกของการมีวินัยก็คือ การตื่นแต่เช้า!” และการมีวินัยก็จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จได้ในที่สุด
และก่อนที่คุณจะตื่นเช้าได้ แน่นอนว่าคุณต้องพักผ่อนให้เพียงพอเสียก่อน
นอกจากนี้ เมื่อไม่นานมานี้ นักจิตวิทยาของยุโรปได้ค้นพบว่า “จิตใต้สำนึกของคนที่ตื่นแต่เช้าจะคิดว่าเวลาในแต่ละวันนั้นนานขึ้น ในทางกลับกัน จิตใต้สำนึกของคนที่ตื่นสายจะคิดว่าเวลาในแต่ละวันนั้นสั้นลง”
กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น ได้ใช้พนักงานอาสาสมัคร 440 คนเพื่อทำการวิจัย โดยตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับแนวโน้มการตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าระหว่างคนที่ “นอนเร็ว ตื่นเช้า” กับคนที่ “นอนดึก”
นอกจากนี้ นักวิจัยยังได้วัดระดับคอร์ติซอลซึ่งเป็น “ฮอร์โมนความเครียด” ในน้ำลายของอาสาสมัครก่อนที่พวกเขาจะไปทำงานและเมื่อกลับถึงบ้าน
จากการวิเคราะห์การทดลองในครั้งนี้พบว่า คนที่นอนเร็วตื่นเช้าจะมีระดับคอร์ติซอลที่ต่ำกว่าและมีแนวโน้มที่จะมีภาวะซึมเศร้าในระดับที่ต่ำกว่าอีกด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ คนที่ตื่นแต่เช้าจะเครียดน้อยกว่าและมีสุขภาพดีกว่าเมื่อเทียบกับคนที่นอนดึก
จะเห็นได้ว่าการนอนดึกทำร้ายร่างกายและสุขภาพของคุณมากกว่าที่คุณคิด!
หยุดทำร้ายร่างกายและสุขภาพของตัวเอง วางโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกอย่างลงซะ รีบนอนหัวค่ำเสียตั้งแต่คืนนี้ ตื่นแต่เช้าในเช้าวันรุ่งขึ้น และพร้อมเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใส
ที่มา: HBRBusinessSchool
อ้างอิง: https://www.facebook.com/100044573660858/posts/424275872401531/
https://www.nhealth-asia.com/en/news/detail/198
. . .
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
แปลและเรียบเรียงโดย: ปิ่นแก้ว ศิริวัฒน์
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels