เป็นกระเป๋าเงินที่เก็บเงินอยู่ อย่าเป็นกระเป๋ามีรู้ เงินพร้อมหาย
ไม่มีอะไรที่เป็นบทเรียนได้ดีเท่ากับข้อผิดพลาดที่สร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง จริงหรือ?
แน่นอนว่าเรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร หากเราเป็นคนหนึ่งที่ต้องเดินอยู่บนโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเงิน เป็นธรรมดาที่ต้องแสวงหาเงินเพื่อโอกาสที่ดีในชีวิต
เงินสามารถสร้างความรู้สึกต่าง ๆ ได้มากมาย คนส่วนใหญ่มองว่าการมีเงินเยอะจะทำให้มีความสุข การมีเงินน้อยจะสร้างความทุกข์ ซึ่งลองมองดูดี ๆ ก็เป็นเรื่องจริง
เพราะอะไร? การมีเงิน ถือเป็นความสบายใจอย่างหนึ่ง หากเราเห็นตัวเลขในบัญชีที่เยอะขึ้น มันจะทำให้เรารู้สึกสบายใจ แต่ถ้าหากเงินมันเหลือน้อยลงทุกวัน ๆ เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกโหวง ๆ กลางอก เพราะเงินเปรียบเสมือนสิ่ง ๆ หนึ่งที่ทำให้ชีวิตปลอดภัย หากมีเงินเยอะ ความปลอดภัยก็จะสูง หากมีเงินน้อย ความปลอดภัยก็จะต่ำ
มนุษย์เงินเดือนหรือพนักงานประจำจะเข้าใจสิ่ง ๆ นี้ดี ก็ต่อเมื่อเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยจากการใช้เงินจนหมดภายในต้นเดือน
นี่คือข้อผิดพลาดอย่างหนึ่งของมนุษย์เงินเดือนในด้านการบริหารเงิน บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องบริหารจัดการเงินยังไงให้เกิดผลดีต่อตัวเอง
พอไม่รู้จักกับการจัดการเงินที่ดี สุดท้ายแล้วจะประสบความล้มเหลวทางด้านการเงิน หากเป็นช่วงชีวิตแรก ๆ ของการทำงาน มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ไม่สวยนัก
ความผิดพลาดจะเป็นบทเรียนที่ดี แต่ทำไม หลาย ๆ คนยังมีปัญหาด้านการเงินแบบนี้อยู่?
เราใช้เงินไปกับช่วงเวลาอันสั้น สั้นมากจนเราลืมคิด ต้นเดือนคือช่วงแห่งความสุขจากการที่เงินเดือนออก หลังจากนั้นจะกลายเป็นความทุกข์จากการใช้เงินจนหมด แล้วสุดท้ายก็จะวนลูปอยู่อย่างนั้นจนไม่สามารถหาทางออกได้
จะว่าเป็นความทุกข์ก็ได้ แต่ทุกวันนี้ก็มี meme เกี่ยวกับมนุษย์เงินเดือนที่ใช้เงินจนหมดภายในอาทิตย์เดียว อย่างน้อย เมื่อเห็น meme ที่ล้อเลียนเกี่ยวกับการใช้เงินของมนุษย์เงินเดือน มันก็แปลงเป็นเรื่องชวนขบขัน ให้เราได้ตลกสักหน่อยก็ยังดี
บทเรียนในเรื่องนี้อาจไม่ใช่การรู้จักกับความทุกข์ เพราะทุกคนรู้จักมันดีอยู่แล้ว บทเรียนจากเรื่องนี้ คือการทำอย่างไรให้ออกจากลูปบ้า ๆ นี่ต่างหาก
เราอาจยังมองไม่เห็นความสำคัญของเงิน เราอาจคิดแค่ว่ามีเงินก็ต้องใช้ ซึ่งมันก็จริง เราต่างทำงานอย่างหนักเพื่อเงินเดือนในแต่ละเดือน จะเป็นไรไปถ้าใช้มันสนองความต้องการอะไรเราสักหน่อย แต่คุณค่าของเงินมันไม่ได้มีอยู่แค่การใช้อย่างเดียว
“มันไม่ใช่ว่าคุณจะหาเงินได้เท่าไหร่ แต่มันอยู่ที่ว่าคุณจะเก็บเงินได้เท่าไหร่ต่างหาก” Robert Kiyosaki.
เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดก่อน ลบ Mindset การใช้เงินแบบเดิม ๆ ออกไป หากเรามองว่าเงินเป็นสิ่งมีค่า มันก็จะล้ำค่ามากขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้าเงินอยู่ในกระเป๋าเรา มันจะมีค่ามากกว่าให้เงินนั้นไหลมั่ว ๆ ลงนั้นไปวัน ๆ
อย่าคิดว่าเงินเป็นสิ่งที่ต้องไหลออกจากตัวเราตลอดเวลา Mindset ด้านการเงินที่ดี ต้องเห็นค่าของเงินมากกว่าการใช้เงิน
ทำความเข้าใจความรู้สึกของตัวเองก่อน บอกกับตัวเองว่าเงินมีค่ามากกว่านั้น หากเราไม่รู้สึกอยากให้เงินมีค่ามากกว่าการใช้ มันก็คงเปล่าประโยชน์ และสุดท้ายก็จะวนอยู่กับลูปเดิม ๆ
หลังจากที่ทำเข้าใจกับตัวเองแล้ว เราจะกล้าพูดเรื่องเงินมากขึ้น แน่นอน การพูดเรื่องเงินอาจเป็นหัวข้อที่ไม่ค่อยจะสุภาพเท่าไหร่ แต่ถ้าหากไม่พูด เราก็จะเครียดอยู่อย่างนั้น หากพูดกับใครไม่ได้ เราก็หาคนที่เราไว้วางใจ อาจเป็นคนใกล้ตัว พ่อแม่ ครอบครัว หรือเพื่อนสนิทที่คอยหนุนหลังเรา
การพูดถึงปัญหาไม่ได้เป็นเรื่องแย่เลย สิ่งที่จะได้กลับมาคือความคิดเห็นและทัศนคติที่หลากหลาย แน่นอนว่ามันจะเป็นสิ่งล้ำค่าให้เราจัดการกับการเงินตัวเองได้ในอนาคต
สุดท้าย หลังจากที่เราเปลี่ยน Mindset และกล้าพูดแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้เป็นจริง หากมี Mindset และความช่วยเหลือจากคนรอบข้างแล้ว แต่ยังมีนิสัยการใช้เงินแบบเดิมอยู่ ลูปเก่า ๆ ก็จะดูดเรากลับเข้าไป และมันจะวนเวียนอยู่อย่างเดิม
เพราะฉะนั้น เปลี่ยนวิธีการใช้เงินของตัวเอง เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ที่มันเกินตัว ตัดการใช้เงินที่มันไม่จำเป็นออกไป พยายามใช้เงินให้น้อยกว่าจำนวนเงินเดือน ใช้เงินให้มีเหตุมีผลมากขึ้น แน่นอนว่ามันจะไม่ไร้ความหมาย อย่าลืมว่า ยิ่งมีเงินยิ่งมีโอกาส มันจะกลายเป็นเงินสำหรับอนาคตที่ดีให้กับเราได้
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ภาพประกอบจาก : Freepik