แน่นอนว่าการทำตามความฝันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการและเราต่างมีความฝันกันคนละแบบ
เคยไหม? เมื่อได้ยินคนพูดว่าออกจากงานมาเพื่อทำความฝันและได้ดิบได้ดีจนมีชื่อเสียง เรื่องราวที่เราได้ยินมา บางเรื่องก็เป็นเรื่องจริงและมันสร้างแรงบันดาลใจให้กับเรา
แต่จะมีสักกี่คนที่ทำแบบนั้นได้ แน่นอนว่าเปอร์เซ็นต์มันต้องน้อยมาก ไม่ได้บอกว่าให้ยอมแพ้ตั้งแต่ต้น เราสามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้เสมอหากเรามีความพยายามมากพอ แต่เมื่อเรามีงานประจำทำอยู่ การลาออกจากงานเพื่อทำตามความฝัน ก็อาจมองได้ว่าเป็นการคิดหน้าแต่ไม่คิดหลัง
หลายคนออกจากงานเพื่อเดินตามทางของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นนักเขียน นักดนตรี หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เราอยากทำ แต่สุดท้าย ผลตอบแทนไม่ดีอย่างที่เราคาดหวังไว้ และแน่นอน เราไม่เคยได้ยินเรื่องราวของคนที่ประสบความล้มเหลวอยู่แล้ว สิ่งที่เราได้ยินเพียงอย่างเดียวคือคนที่ทำแล้วสำเร็จ ซึ่งเป็นคนส่วนน้อยถึงน้อยมาก ๆ อาจไม่ถึง 1% เลยด้วยซ้ำ
หากถามว่าทำไมคนถึงอยากออกจากงานประจำเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เมื่อทำงานประจำไปนาน ๆ เราอาจรู้สึก Burnout จากการทำงานจนเริ่มคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่มันไม่ได้ส่งผลดีต่อเรา และอนาคตจะหนักขึ้นไปอีก
การอยากทำในสิ่งที่เรารักก็เหมือนเป็นการเยียวยาชีวิตไปในตัว ยิ่งถ้าเป็นงานที่เราอยากทำ งานที่เราใฝ่ฝันว่าจะได้ทำ มันคงเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขไปกับการทำงาน มากกว่านั่งทำงานให้จบไปวัน ๆ
แต่อย่างที่บอกไป มันไม่ใช่สิ่งที่คิดได้และทำได้เลย มันมีอะไรมากกว่านั้น และมันยากมาก
มันมีเหตุผลมากมายที่เราทำอย่างนั้นไม่ได้ ทั้งเรื่องของชีวิต การเงิน ความเครียด และอะไรอีกหลายอย่างที่เราจะไม่สามารถควบคุมได้เลย เพราะเมื่อออกจากงานเพื่อทำในสิ่งที่ต้องการ จะเป็นการเริ่มนับ 0 ใหม่ ซึ่งอาจทำให้บางคนถึงขั้นยอมแพ้ตั้งแต่ต้นและต้องหางานใหม่
แน่นอนว่าเราสามารถเดินตามความฝันได้ แต่ไม่จำเป็นต้องออกจากงานเพื่อทำสิ่งนั้น นี่คือ 4 เหตุผล ว่าทำไมเราถึงไม่ควรออกจากงาน เพื่อเดินตามทางฝันของตัวเอง
1.การมีเงินเดือนคงที่ ความเครียดจะน้อยกว่า
มันจะเครียดมาก ถ้าเราออกจากงาน แล้วหาสิ่งที่เราต้องการทำและใช้ทักษะตัวเองในการหาเงิน เพราะเราต้องเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว
ความเครียดเหล่านี้จะดูดความสนุกในการทำงาน เพราะเราต้องคิดว่าจะหาเงินมาได้ยังไง พอนาน ๆ เข้า อาจทำให้แรงบันดาลใจของเราหมดไป
หากทำงานประจำ เราไม่ต้องห่วงว่าเดือนนี้จะทำเงินได้เท่าไหร่ เพราะเราได้จำนวนเงินต่อเดือนเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลว่าเดือนนี้เราจะจ่ายบิลค่าต่าง ๆ ได้ไหม
เราสามารถทำงานประจำและสิ่งที่เราอยากทำได้พร้อม ๆ กัน การได้เงินจากงานประจำจะช่วยให้ Passion ของเราเติบโตได้ แม้ว่าสิ่งนั้นจะทำเงินให้เราไม่ได้ก็ตาม
2.เรามีเวลาให้สิ่งที่เรารักมากกว่าที่คิด
แน่นอน เราใช้เวลาทั้งวันในการทำงานประจำ ทำให้เราคิดว่าเราไม่มีเวลามากพอที่จะทำสิ่งที่เราอยากทำ จริง ๆ แล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เรามีเวลาเหลือมากกว่าที่เราคิด
สิ่งที่ต้องมีคือวินัยและความมุ่งมั่นที่เพียงพอ หากเราทำงานประจำเสร็จเร็ว เราจะมีเวลามากขึ้น หากเราจัดตารางเวลาไว้อย่างดี แน่นอนว่าเราจะมีเวลาว่างในการทำสิ่งที่เราอยากทำ
สุดท้ายแล้ว มันก็อยู่ที่ตัวเรา ว่าจะจัดการกับตัวเองอย่างไร หากว่างเมื่อไหร่แล้วเปิด YouTube หรือดู Netflix เวลานั้นคงเสียไปโดยใช่เหตุ ถ้าหากเรามีสิ่งที่อยากทำ
3.งานประจำจะเป็นตัวหนุนหลัง หากสิ่งที่อยากทำมันไม่ Work
พูดกันตรง ๆ งานที่ไม่ใช่งานประจำที่เราอยากทำ อาจล้มเหลวได้ทุกเมื่อ คำถามคือ เราจะมีเงินจ่ายค่านั่นค่านี่ไหม ถ้าส่งที่เราทำมันพลาด? อย่างที่บอกไป การมีงานประจำทำ เราจะได้เงินเดือนและสถานะการทำงานที่มั่นคง ยิ่งมั่นคง ก็เท่ากับว่าความเครียดก็จะน้อยกว่า
อย่าเพิ่งออกจากงาน ถ้าหากการเงินเรายังไม่มั่นคง เพราะมันจะเสี่ยงมาก ถ้าหากเราออกจากงานกลางคัน เพราะเราต่างมีค่าใช้จ่ายมากมายในแต่ละเดือน
การออกจากงานไม่ได้ทำให้ฝันเป็นจริงตั้งแต่เริ่ม เพราะความฝันต้องมีแผน มีเป้าหมายและกระบวนการที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ สิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นก่อนที่จะออกจากงานเสียอีก
4.การทำงานประจำ จะให้อิสระในการทำสิ่งที่ตัวเรารัก โดยไม่ต้องกังวลถึงเรื่องเงิน
เหตุผลนี้ แสดงให้เห็นว่าความกดดันในการใช้ชีวิตอย่างหนึ่งคือ “เงิน” เพราะเราต่างต้องใช้เงินในการขับเคลื่อนชีวิตในแต่ละวัน เราต้องคิดว่าวันนี้จะกินอะไรดี สิ้นเดือนแล้วค่านั่นค่านี่จะต้องจ่ายเท่าไหร่
และแน่นอน หากไม่มีเงิน อิสระในการดำเนินชีวิตก็จะน้อยลง ต้องมีการจำกัดชีวิตตัวเองมากขึ้น ความฝันก็เช่นกัน
สุดท้าย หากสักวันหนึ่ง เราจะออกจากงานจริง ๆ เพื่อเดินตามทางของตัวเอง มันจะเป็นสิ่งที่ดีต่อตัวเรา แต่ก่อนอื่น เราต้องหาความมั่นคงของตัวเองให้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้น ความลำบากจะมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วช่วงนั้นก็อาจจะเป็นช่วงมุมมืดที่สุดในชีวิตเราเลยก็ได้
เพราะการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่คือหัวเลี้ยวหัวต่อชีวิต เราต้องคิดและไตร่ตรองออกมาให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: Freepik