ทุกคนต้องเคยได้ยินคำว่า “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” สำนวนสุดคลีเช(Cliché) ไม่ว่าตามหนังสือ นิตยสาร คอลัมน์ หรือพาดหัวทั้งหลาย ต้องโยงเอาเจ้าคำนี้ มาเป็นส่วนหนึ่งเสมอ สาเหตุเพราะคำมันค่อนข้างสวย ในขณะเดียวกันก็ดูยิ่งใหญ่แบบบอกไม่ถูก
แม้ว่าตัวประโยคจะมีเพียงแค่ 8 พยางค์ แต่เหตุผลที่มันทรงพลังได้ขนาดนี้ เพราะถ้าคุณลองคิดตามดู แค่เด็ดดอกไม้ในสนามหญ้าทั่วไป ซึ่งใครก็ทำได้ ตอนนี้ให้เดินออกมาหน้าบ้านก็ยังทำได้เลย แต่กลับส่งผลไปถึงดวงดาวในจักรวาลอันไกลโพ้น แค่คิดก็ดูมีพลังขึ้นมาทันที
ถ้าแกะสมการให้ลึกลงไปก็จะพบว่า ที่ตัวประโยคสั้นๆแบบนี้กินใจเพราะ พื้นฐานทั่วไปของมนุษย์ ต้องการที่จะทำอะไรที่น้อย แต่มีผลลัพธ์ที่ใหญ่มหาศาล เพื่อการยอมรับและชื่นชม หรือ เพื่อความสำเร็จบางอย่าง
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 60 ปีที่แล้ว ปรากฏการณ์นี้มีที่มาจาก เอ็ดเวิร์ด ลอเรนซ์ นักคณิตศาสตร์และนักอุตุนิยมวิทยา ได้ทดลองการป้อนตัวเลขปฏิสัมพันธ์ ระหว่างอุณหภูมิและกระแสลมแบบจำลอง เพื่อพยากรณ์สภาพอากาศ โดยปัดเศษหลังทศนิยมที่ไม่มีความสำคัญออก แต่พบว่า สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงสนั่นหวั่นไหว เกินที่คิดไว้ ทำให้เขาตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และด้วยหน้าตาของการจำลองคล้ายกับผีเสื้อกระพือปีก จึงเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “The Butterfly Effect”
ซึ่งหมายถึง การเปลี่ยนแปลงจากตัวแปรเล็กๆ อาจส่งผลต่อตัวแปรขนาดใหญ่ในที่สุด หรือกำลังจะบอกว่า ทุกการกระทำ ไม่ว่าจากใครก็ตาม มีความหมายของตัวเองทุกครั้ง
การกระทำเล็กน้อยที่ว่า คือการทำอะไรก็ตามจริงๆ เริ่มจากสิ่งที่คุณทำอยู่ในตอนที่อ่านบทความนี้อยู่ก็ได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าหากว่าคุณกำลังอยู่บนรถ โดยเป็นผู้โดยสาร (เพราะคงไม่เหมาะถ้าจะอ่านไปด้วยและขับไปด้วย) ลองสังเกตเส้นทางรอบข้างสักนิด เพื่อจะจดจำเส้นทางได้ เพราะคุณไม่มีทางรู้เลยว่าถ้าวันหนึ่งรถที่คุณโดยสารมา เกิดเสียกลางทาง คุณต้องเดินทางไปในทิศทางไหนต่อ ?
หรือในอนาคตเมื่อถึงวันหนึ่ง คุณได้เปลี่ยนบทบาทไปเป็นคนขับดูบ้าง ก็จะสามารถใช้เส้นทางได้อย่างคล่องแคล่ว ชำนาญ และมุ่งหน้าสู่เป้าหมายได้อย่างไม่มีปัญหา
เห็นหรือเปล่า? เรื่องง่ายๆแค่นี้ ก็ส่งผลดีต่อชีวิตคุณในหลากหลายช่องทางมากมาย
หัวใจสำคัญของเรื่องนี้ คือคุณต้องเชื่อก่อนว่า แต่ละก้าวมีความสำคัญกับคุณ อย่างน้อย มันก็พาไปถึงจุดมุ่งหมายที่คุณต้องการในเวลานั้นได้อย่างตามใจนึก
ขอยกตัวอย่างเรื่องราวที่จะทำให้ผู้อ่านทุกคน เห็นภาพถึงการเปลี่ยนแปลงเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ส่งผลพาเขาคนนี้ไปถึงเป้าหมาย ในชนิดที่เรียกสะเทือนไปถึงดวงดาวของจริง และคนที่กำลังพูดถึง ทุกคนต้องรู้จักกันแน่นอน เขาคนนั้นคือคุณ “วอลต์ ดิสนี่ย์”
“วอลเตอร์ เอเลียส ดิสนีย์” คือชื่อเต็มของเจ้าของฉายา ‘ราชาโลกการ์ตูน’ เดิมทีเขาคือเด็กทั่วไปที่หลงรักในการวาดรูปมาตั้งแต่อายุยังน้อย จะเรียกว่าโชคดีก็ได้ที่เขาพบเจอสิ่งที่เรียกว่า ‘พรสวรรค์’ มาตั้งแต่ยังเด็ก
แต่ลองสังเกตดูว่า ชีวิตของคนที่สำเร็จส่วนใหญ่ มักจะไม่ได้ทำในสิ่งที่ชอบในช่วงแรกของชีวิต และถูกต้อง ชีวิตของคุณ ‘วอลต์’ เข้าข่ายสูตรสำเร็จแบบนั้นตรงเผง เพราะช่วงวัยรุ่น เขาต้องไปทำงานพิเศษช่วงฤดูร้อน กับบริษัทรถไฟ หน้าที่ของเขาคือขายหนังสือพิมพ์ ขนมและน้ำดื่ม ให้ผู้ที่สัญจรผ่านไปมา
เวลาผ่านไปไม่นาน เมื่อครอบครัวต้องย้ายถิ่นฐาน เขาเติบโตมากพอที่จะมีโอกาสเรียนรู้ในด้านศิลปะแบบที่ต้องการมาโดยตลอด และตั้งปณิธานว่าสักวันหนึ่ง จะได้เขียนการ์ตูนลงหนังสือพิมพ์ให้ได้ โดยระหว่างนั้นเขาก็ยังคงทำงานอื่นที่ห่างไกลความชอบ ด้วยการเป็นหน่วยกาชาดของทหารอเมริกัน แต่ว่ากันว่ารถพยาบาลที่เขาดูแล เต็มไปด้วยภาพวาดการ์ตูนมากมาย ด้วยฝีมือของจิตกรหนุ่มผู้นี้
หลังจากที่คลำเป้าอยู่นาน เขาตัดสินใจเดินหน้ากับความฝันอย่างเต็มตัว ลองผิดลองถูกอย่างไม่ย่อท้อ ทั้งหาประสบการณ์การกำกับและแอนิเมชั่นที่เขารักกับหลากหลายบริษัท จนก่อตั้งบริษัทเล็กๆกับเพื่อน แต่ด้วยความมือใหม่ กระดูกยังแข็งไม่พอ เวลานั้นจึงต้องพบความล้มเหลวในที่สุด
แม้ว่าในปัจจุบัน ‘วอล์ต ดิสนี่ย์’ จะเสียชีวิตลงไปแล้ว ตั้งแต่ปี 1966 แต่เจตนารมณ์ที่เขาสร้างเอาไว้ ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขยายอาณาจักรให้กว้างในโลกแคบใบนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์
ก่อนที่สุดท้าย ชื่อของเขาและสิ่งที่เขาสร้างไว้ ก็ผลิดอกออกผลให้ประสบความสำเร็จเฉกเช่นทุกวันนี้
แม้ว่าจะผ่านประสบการณ์อาชีพมากมาย แต่สิ่งที่ ‘วอลต์’ ยังคงรักษาต่อเนื่อง คือการแสดงออกถึงจุดยืนในความหลงใหลของเขา นั่นคือการวาดภาพการ์ตูน ในทุกเวลาที่ทำได้ โดยไม่มีเวลาหรือข้อบังคับอะไรมาหยุดไม่ให้เขาทำสิ่งที่รักได้แม้แต่น้อย
การเดินทางมาถึงความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่การปักธงไว้ว่า เป้าหมายอยู่ในทางไหน และค่อยๆเดินไปอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นหนึ่งก้าวที่ยิ่งใหญ่ เพราะความยิ่งใหญ่ที่แท้จริง อาจไม่ต้องส่งผลถึงทุกคน หรือเป็นที่รู้จักแด่คนจำนวนมาก
การทรงพลังในเป้าหมายของตัวเองนั่นแหละ คือความยิ่งใหญ่ที่ไม่ได้ส่งผลกับใคร แต่สะเทือนถึงใจเราแทบหยุดนิ่งไม่ได้
นี่อาจจะไม่ใช่ การเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว แต่มันคือ การลงมือทำสะเทือนถึงความสำเร็จ ก็เป็นได้
อ้างอิง:
เรียบเรียงโดย : กฤตเมธ อันสมัคร
กองบรรณาธิการ สำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก : Pexels