ความฝันอย่างหนึ่งของคนในยุคนี้คือการมีรายได้เสริมหรือ Passive Income เพื่อที่จะเอาไว้ใช้ในชีวิต เหตุผลของการมีรายได้เสริมนั้นก็มีอยู่มากมาย
เราอยากได้มันเพราะอยากนำเงินส่วนนี้มาเป็นค่าใช้ส่วนตัว ซื้ออะไรเล็กน้อยตามความชอบ ไม่ให้ไปกระทบกับรายได้หลักจากงานประจำด้วยเหตุนี้หลายคนจึงเลือกหาอาชีพเสริมที่เหมาะกับตัวเอง
หากเป็นคนที่ชอบลงมือทำ อาชีพเสริมที่ได้รับความนิยมคือ การทำขนม เราอาจจะนำเงินส่วนหนึ่งไปลงเรียนคอร์สทำขนมแล้วเปิดร้านขาย หรือจะลงทุนซื้อเครื่องซักและเครื่องอบมาเปิดร้านซัก-อบ อย่างเดียวก็เป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยม
แน่นอนว่าอาชีพเสริมที่ผมกล่าวถึงไม่จำเป็นต้องทำในระหว่างที่เราทำงานประจำไปด้วย บางคนใฝ่ฝันที่จะทำสิ่งเหล่านี้ในยามเกษียณโดยใช้เงินทุนจากการทำงานประจำที่เก็บออมมาตลอดทั้งชีวิตเป็นต้นทุน
การหาเงินทุนเป็นสิ่งสำคัญในการเริ่มต้นทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหลักหรือเสริม ว่าแต่เราจะไปหาเงินทุนเหล่านี้มาจากไหน เงินก่อนแรกคงหนีไม่พ้นเงินเดือนจากงานประจำซึ่งเป็นรายได้หลักของคนจำนวนมาก
ธุรกิจซัก-อบ ถือได้ว่าเป็นทั้งธุรกิจหลักและธุรกิจเสริมก็ได้ขึ้นอยู่กับความสนใจ โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ SME Leader อธิบายเอาไว้ว่า เงินลงทุนเปิดร้านจะอยู่ที่ 80,000 – 100,000 บาท โดยประมาณขึ้นอยู่กับยี่ห้อและจำนวนเครื่องซักและอบที่นำมาให้บริการ
โดยตัวอย่างที่นำมาคือ คุณเมย์ ชาวจังหวัดสมุทรสาครที่สนใจธุรกิจนี้และซื้อเครื่องซักผ้ากับเครื่องอบผ้าผ่านร้านตัวแทนจำหน่าย แบ่งเป็น
1. เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญฝาหน้า LG
- ขนาด 10 กก. เครื่องละ 10,900 บาท จำนวน 1 เครื่อง*
- ขนาด 12 กก. เครื่องละ 11,900 บาท จำนวน 2 เครื่อง*
- ขนาด 15 กก. เครื่องละ 14,400 บาท จำนวน 2 เครื่อง*
2. เครื่องอบผ้าหยอดเหรียญ Whirlpool
- ขนาด 10.5 กก. เครื่องละ 39,000 บาท อีก 2 เครื่อง*
3. เครื่องแลกเหรียญ SVT ราคา 19,900 บาท**
4. เครื่องขายน้ำยาซักผ้า SVT ราคา 16,900 บาท**
*ราคาดังกล่าวเป็นราคาเครื่องรวมกับเครื่องหยอดเหรียญแล้ว
**เป็นราคาเต็มที่แบรนด์ผลิตขาย
ส่วนการติดตั้งและค่าเดินระบบน้ำ-ไฟ เนื่องจากร้านของคุณเมย์อยู่ในพื้นที่ภาคกลางซึ่งช่างดำเนินการให้ฟรี ดังนั้น ค่าใช้จ่ายตัวเครื่องทั้งหมด คิดเป็นเงินราว 1.78 แสนบาท
นี่คือตัวอย่างของการเปิดร้านซัก-อบ การจะเปิดขนาดไหนไม่ได้มีข้อบังคับ ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการเปิดใหญ่แค่ไหน คุณอาจจะซื้อเครื่องมาให้บริการอย่างเดียวก็ได้เช่นกัน เพราะการคิดจะเปิดร้านนั้นไม่ได้ง่ายเหมือนกับตอนที่เราเปิดแล้ว กว่าจะเตรียมความพร้อมทุกอย่างให้เรียบร้อย เราเองก็มีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่จะต้องเสียไปแล้วมากเท่าไหร่ ทั้งค่าเช่า ค่าสร้าง ค่าเครื่อง และค่าดำเนินการ
แค่คิดว่าจะให้บริการเป็นร้านสะดวกซัก ร้านซักอบ หรือจะเปิดเป็นร้านซักอบรีดแบบครบวงจร ก็มีต้นทุนที่ต่างกันมากถึงหลักแสนบาท แต่ถ้าคิดว่าเงินทุนที่มีอยู่ยังไม่พอ ก็ไม่ควรรีบร้อนจนเกินไป เพราะสุดท้ายจะทำให้เราไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเพราะรีบทั้งที่ยังไม่พร้อม
การหาวิธีการอื่นผ่านการทำงานเสริมที่เราใช้ความสามารถของตัวเองเป็นหลักโดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนอะไรเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และรายได้ไปในตัวหากคุณมีทุนไม่มาก ก็สามารถเปิดร้านขนาดย่อมแบบเดียวกับคุณเมย์ได้
เรียบเรียงโดย: กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital