ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นดีเสมอ ต่อให้สิ่งนั้นจะส่งผลไม่เป็นที่น่าพอใจก็ยังถือเป็นประสบการณ์ให้ได้เรียนรู้ เพราะไม่มีใครที่ทำถูกไปเสียทุกอย่างในโลกใบนี้หรอก
นี่คงเป็นคุณสมบัติสำคัญที่เจ้าของกิจการระดับดาวดังมากมายเลือกที่จะเข้าใจในทิศทางแบบนั้น คนเหล่านี้จะไม่มัวมาเสียดายกับอะไรที่ผ่านไปแล้ว แต่พวกเขาจะมองหาโอกาสใหม่ที่ทดแทนได้ หรือไม่ก็สร้างลู่ทางขึ้นมาแล้วลองดูอีกสักตั้ง
ถามว่าสาเหตุที่คนเหล่านี้ทำได้ เพราะมีทุนใช่ไหม? เพราะรวยอยู่แล้วใช่ไหม? หรือ เพราะพวกเขาล้มบนฟูกใช่ไหม?
ส่วนหนึ่งอาจใช่ แต่ประเด็นที่ใหญ่กว่า คือการไม่จมอยู่กับอดีต จะไม่มีประโยชน์เลยถ้ามัวแต่ตอกย้ำปัญหาเดิมๆ ไม่เลือกที่จะเรียนรู้กับที่ผ่านมา และนำมาเป็นบทเรียนในครั้งถัดไป
ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับโอกาสเริ่มต้นใหม่ในทุกครั้ง แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ล้มเหลวสักหน่อย ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ทุกที่ ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ต้องเคยพลาดกันทั้งนั้น
ในการทำธุรกิจหนึ่งในเรื่องที่พบข้อผิดพลาดมากที่สุด อยู่ในขั้นตอนของการตลาดเสมอ เพราะว่าบางสินค้าหรือบริการมีทุกอย่างดีพร้อมทั้ง คุณภาพ ราคา แรงจูงใจ คอนเซ็ปต์ แต่ขาดอย่างเดียว คือการตลาดที่เหมาะสม
เหมือนกับการทำรายงานกลุ่ม คนคิดหัวข้อก็ทำอย่างสร้างสรรค์ คนหาข้อมูลทำได้อย่างครบถ้วน คนจัดรูปเล่มก็ทำได้เรียบร้อย ส่วนคนพรีเซนต์กลับพูดตะกุกตะกัก ลืมบ้าง หัวเราะบ้าง จนสุดท้ายทั้งกลุ่มก็ได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจ
และนี่คงเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุที่ว่าพนักงานการตลาดของแต่ละองค์กรถึงมีการแข่งขันที่สูงมากในปัจจุบัน และแลกมากับค่าตอบแทนที่ไม่น้อยทีเดียว
จะทำธุรกิจทั้งที จะขาดการวางแผนด้านการตลาดไปได้อย่างไร แต่กลยุทธ์การตลาดไม่ใช่คิดแค่ด้านเดียวและจะลงมือทำได้เลย ต้องหาหลายแง่มุม ช่างน้ำหนักความเป็นไปได้ ถ้าทำไปแล้วเสี่ยงก็หยุด แต่หากคุ้มค่าก็น่าสนใจที่จะลอง
ทุกคำที่เคยได้ยินทั้ง สโลแกน คำโปรย หรือ คำสร้อยทั้งหลายที่พบเจอตามธุรกิจต่างๆ ก็ล้วนมาจากการคิดผ่านที่ประชุมทั้งนั้น เพราะคำไม่กี่คำสามารถกำหนดชะตาชีวิตธุรกิจได้เลย
พูดถึงสตาร์บัคส์ คงไม่มีใครไม่รู้จัก หลายคนอาจเคยลิ้มลอง หลายคนอาจยังไม่เคย แต่ภายใต้กาแฟราคาหลักร้อย มีการตลาดซ่อนอยู่สารพัด ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่บรรยากาศร้านทั้งภายในและภายนอก เมนู การจัดวางที่ตั้ง และอีกมากมาย
ทุกอย่างเกิดจากการวิเคราะห์และถูกวางแผนมาหมดแล้ว ภาพลักษณ์และมูลค่าของแบรนด์จึงสูงมาอย่างต่อเนื่อง
อย่างแรกที่ต้องชื่นชมคือฝ่ายการตลาดที่เก่งกาจอย่างยิ่ง ที่จัดการองค์ประกอบต่างๆให้กลายสู่มาตรฐานและเป็นแบรนด์ที่ให้มูลค่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งสำหรับร้านเครื่องดื่ม
ส่วนจุดที่น่าปรบมือให้ยิ่งกว่าคือวิสัยทัศน์และแนวทางขององค์กร พวกเขารู้ดีว่าจะทำสินค้าและบริการออกมาให้ใคร จุดไหนที่จะพาตัวเองโดดเด่น จากนั้นก็พัฒนาในทุกด้าน
การให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ มีที่นั่ง มีที่ชาร์จไฟ มีเมนูให้เลือก มีบรรยากาศที่อบอุ่น มีแพคเกจจิ้งที่สะดวก และมีสิ่งต่างๆ อำนวยความสะดวกอีกมากมาย
ทั้งหมดนี้มาจากการเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างถี่ถ้วน เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้ราคาสินค้าถึงจะสูงกว่าหลายเจ้าของตลาด แต่ลูกค้าก็สามารถมองข้ามและยินดีที่จะจ่ายได้อยู่เสมอ
หรือการที่พฤติกรรมผู้คนสมัยนี้เปลี่ยนไป หันมาใช้ชีวิตกลางคืนกันมากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาคือ ดึกแล้วจะกินอะไรดี เพราะร้านอาหารส่วนใหญ่ก็เปิดแต่กลางวัน
นั่นทำให้หลายร้านมองเห็นโอกาส และเลือกพาตัวเองมายังจุดที่มีช่องว่างตรงนี้ หนึ่งในนั้นคือ เคเอฟซี ร้านไก่ทอดเฟรนไชส์ชื่อดัง ที่จากขายหน้าร้านหรือเดลิเวอรี่ ก็เพิ่มเป็น Drive-thru เพื่อความสะดวกและรวดเร็วของลูกค้า
เท่านั้นไม่พอ เมื่อผู้คนอาศัยอยู่ในช่วงค่ำกันมากขึ้น ก็เลื่อนเวลาปิดไปอีก เพื่อรองรับผู้คนในช่วงเวลาที่มากขึ้น หรือบางสาขาเปิด 24 ชั่วโมงเลยก็ยังมีให้เห็นตลอด
เหล่านี้คือการมองเห็นถึงความต้องการลูกค้า และอาศัยโอกาสตรงนี้ทำการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้มีช่องทางในการนำเข้ารายได้มากขึ้นเป็นเท่าตัว
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกหลายเจ้าที่เลือกการตลาดในแบบของตนเอง โดยเฉพาะช่วงกลางคืนที่ดูเหมือนจะเป็นที่นิยม และตลาดค่อนข้างหลากหลาย ทำให้ทุกวันนี้ลองขับรถไปตามท้องถนนในช่วงกลางคืนจะพบกับร้านอาหารเต็มสองข้างทาง ที่น่าสนใจคือมีการตอบรับที่เหมือนจะดีเสียด้วย
เป็นการตอกย้ำว่าธุรกิจนี่มีอะไรซ่อนอยู่มากมาย โดยเฉพาะธุรกิจอาหารแล้วละก็ เป็นอะไรที่หากต่อยอดและอยู่ได้ถูกทางก็ทำให้มีโอกาสเปิดกว้างในความสำเร็จได้ดีเลย
ข้อสังเกตว่าต้องทำอย่างไรถึงจะมองหาจนเจอการตลาดในแบบที่เหมาะกับธุรกิจตัวเอง อย่างแรกต้องมีความช่างสังเกต ศึกษาจากธุรกิจรอบตัว และพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง
แต่ถึงอย่างไรต้องยอมรับว่าในช่วงแรกอาจยังทำให้สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้หรอก ต้องค่อยๆ ปรับปรุงอยู่เสมอ อย่าเพิ่งคาดหวังว่านี่จะเป็นแผนการตลาดครั้งสุดท้าย
เพราะต่อให้เป็นแบรนด์ใหญ่ขนาดไหนก็ต้องปรับแผนการตลาดอยู่เสมอ เพียงแต่ถ้าวางโครงสร้างแข็งแรง คอนเซ็ปต์น่าสนใจ หากจะพัฒนาเติมแต่งอะไรก็จะต่อเนื่องได้รวดเร็วกว่า
แนวคิดที่ได้จากการถอดรหัสของแบรนด์ใหญ่ คือพวกเขามีจุดยืนของตนเองเสมอ ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไปมาตรฐานก็ไม่ลดลง กลับกันมีแต่จะหาแนวทางต่อยอดสิ่งที่ทำได้ทุกเมื่อถ้ามีโอกาส และไม่เคยปล่อยให้โอกาสหลุดมือ
อีกสิ่งคือการรับฟังความคิดเห็น และยอมรับผลของมันอย่างใจจริง มีหลายร้านอาหารชั้นนำที่ทดลองการตลาดแล้วไม่สำเร็จ ไม่ว่าจะเพิ่มเมนู หรือเปลี่ยนแปลงโปรโมชั่นสินค้า
พอสุดท้ายพบว่าแผนการตลาดนั้นไปต่อไม่ได้ ก็ล้มเลิกไปโดยที่ไม่ฝืนดันทุรัง เพราะไม่คุ้มกับการแลกมาด้วยความไม่ประทับใจของลูกค้าส่วนหนึ่งอย่างแน่นอน
ทั้งหมดคือการจะสร้างกลยุทธ์การตลาด ซึ่งเทคนิคทั้งหลายไม่ได้มาจากการท่องจำหรือลอกเลียนแบบใครมา แต่มาจากการเอาใจใส่กับสิ่งที่กำลังทำ ถ้าวันหนึ่งเราทุ่มเทกับอะไรที่มากพอ เมื่อถึงตอนนั้นเราจะรู้ได้ถึงความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นตามมา
เพราะแบบนี้ ถ้าอยากได้ผลลัพธ์แบบไหน ขึ้นอยู่กับการกระทำในตอนนี้ ถ้าอยากสำเร็จในการทำธุรกิจ ทำได้เพียงหมั่นศึกษาและไม่หยุดพัฒนา นี่คือสิ่งธรรมดาที่ทุกคนรู้ดี
แต่น่าแปลกเหมือนกัน มีน้อยคนที่เลือกจะทำตาม ซึ่งคนส่วนน้อยเหล่านั้น ทุกวันนี้เขาก็กลายเป็นคนที่สำเร็จในสังคมที่สุด
…
เรียบเรียงโดย: กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ภาพประกอบจาก : Pexels
ที่มาจาก แฟนเพจ : CEO Restaurant