จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเรามีเงินสำรองมากพอ?
“ใช้เงินเก่งจัง” มีคนบอกกับเราแบบนี้ จริง ๆ เราไม่ได้ใช้เงินเก่งอะไรหรอก เราทำงานได้เงินมา อะไรที่เราอยากได้ก็ถือว่าเราใช้เงินเพื่อแลกเป็นรางวัลสำหรับการทำงานหนักของเรา ฟังดูโอเคใช่ไหม? การที่เราสนองความต้องการของเราก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไร แต่จริง ๆ แล้วมันคือกับดัก ให้เราอธิบายว่าทำไม มันถึงเป็นกับดัก
การใช้เงินเพื่อสนองความต้องการ มันจะเป็นกับดักที่จะทำให้เราบาดเจ็บ แผลมันจะฉีกไปถึงกระเป๋าตังของเรา พูดแบบนี้อาจจะดูรุนแรงไปหน่อยแต่ถ้าให้เปรียบแบบนี้ก็คงจะเห็นภาพ “ใช้เงินจนกระเป๋าฉีก” ขึ้นมา
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ปัญหานี้มักจะเกิดกับเหล่า First Jobber หรือมนุษย์เงินเดือนที่ยังไม่รู้วิธีการบริหารเงินเดือน ได้เงินมาเท่าไหร่ก็ใช้จนหมด บ้างก็บอกว่าเงินมันน้อย บริหารยากหรือเงินมันมากก็เลยใช้เกินตัว เด็กมหาลัยบางคนที่ไม่เคยมีเงินเยอะ พอเวลามีเงินเดือนก็มักจะใช้ไปโดยไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังสักเท่าไหร่ และนี่ก็กลายเป็นปัญหาโลกแตก เพราะฉะนั้น อย่าเสียเวลากับปัญหาแบบนี้
เอาล่ะ ถึงเวลาตอบคำถามของทุกคนแล้ว ว่าวิธีแก้ปัญหาคืออะไร มาเริ่มต้นเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน เราเชื่อว่าวิธีการต่าง ๆ นี้ จะเป็นประโยชน์กับทุกคน ไม่ใช่แค่ First Jobber หรือมนุษย์เงินเดือนเท่านั้น เพราะปัญหาการเงินมันไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ ไปดูกันเลย
1.กำหนดงบประมาณให้ตัวเอง
“เงินออกแล้ว ชาบูสักหน่อยดีกว่า” ใจเย็นก่อนทุกคน ก่อนที่จะไปกินชาบูกัน เราต้องสร้างตารางงบประมาณในแต่ละเดือนก่อน แล้วต้องแบ่งให้มันมีเหตุผลด้วยนะ แบ่งเป็นค่าฉุกเฉิน ค่าเที่ยว ค่าสังสรรค์ แล้วแต่ความจำเป็นของเรา อ้อ อย่าลืมว่าต้องมีช่องสำหรับเงินเก็บด้วย พยายามทำให้ได้ บอกกับตัวเองว่า “เดือนนี้จะกินชาบูแค่ครั้งเดียวพอ ที่เหลือเก็บไว้ดีกว่า” อย่าให้เป็น “เงินเก็บหมดไปกับค่าชาบูละ” เดี๋ยวจะเสียใจทีหลัง
2.จัดการเงินของคุณเอง
ก่อนอื่นเลย หากเราไม่รู้จักวิธีการจัดการทางการเงิน ปัญหามันจะเกิดขึ้นแบบวนลูปแน่นอน เพราะฉะนั้น หากเราไม่รู้ว่าวิธีการจัดการแบบไหนเหมาะกับเรา การปรึกษาหารือกับคนอื่นก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วแหละ ปรึกษาครอบครัว ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน แต่อีกวิธีที่ง่ายที่สุดก็คงเป็นการอ่านบทความของเรานี่แหละ ไม่ต้องเสียเวลาปรึกษาใครเลย ให้เราเป็นเพื่อนด้านการเงินของคุณ หากคุณหลงทางเมื่อไหร่ ขอให้กลับมาอ่านเราเรื่อย ๆ นะ
สุดท้ายแล้วก็ต้องเป็นตัวเราเองนะ ที่ต้องตัดสินใจและสร้างความมั่นคงให้กับเงินในบัญชีของเรา ไม่มีใครมาทำหน้าที่นี้แทนเราได้ เงินในบัญชีเราก็ควรจะเป็นเราเองรึเปล่า ที่ต้องบริหารมัน
3.ลงทุนอย่างฉลาด
แน่นอน การเริ่มต้นลงทุนนั้นไม่ง่าย หากเราไม่รู้ช่องทาง เข้าไปแล้วคงมืดแปดด้าน
เริ่มต้นจากอะไรเล็ก ๆ ก่อน บางคนศึกษาการลงทุนมาอย่างดีแต่กลับมาตกม้าตายเพราะเล่นใหญ่เกินไป การเริ่มต้นจากการฝากเงินในจำนวนที่มันคงที่ ให้พลังของดอกเบี้ยสร้างความแตกต่างเอา ลงทุนกับทองก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีได้เหมือนกัน
ถึงท้ายที่สุด การเรียนรู้ด้านการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญ หากเราไม่รู้อะไรเลย การเดินด้อม ๆ เข้าไปโยนเงินลงทุนก็คงเป็นก้าวแรกสู่จุดจบ เรียนรู้สิ่งที่เราสนใจลงทุนให้ได้มากที่สุด เพราะ
“ยิ่งเรียนรู้มาก ก็ยิ่งได้มาก”
4.ตัดตอนค่าใช้จ่าย
เป็นไปไม่ได้เลย ถ้าเราอยากมีเงินสำรองมากขึ้นแต่ยังใช้เงินเท่าเดิม แต่การเริ่มต้นก็เป็นอะไรที่ยากเสมอ อย่างค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอย่างค่าเช่าหอ เราจะลดมันได้อย่างไรในเมื่อเราจำเป็นต้องมีที่ซุกหัวนอน จริงไหม?
แล้วอะไรล่ะ ที่เราสามารถตัดตอนได้? ย้อนกลับไปข้างต้น เราใช้จ่ายอะไรฟุ่มเฟือยบ้าง? ลองถามตัวเราเองดู อาจจะเป็นค่ากินที่แพงเกินไป ค่าไฟที่เราสามารถประหยัดได้ ค่าของจิปาถะที่เราไม่ต้องซื้อก็ได้ เราลองลิสต์รายการต่าง ๆ ที่สะมารถลดค่าใช้จ่ายลงมาได้ กำหนดในแต่ละเดือนว่าจะเหลือเท่านี้นะ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วคุณจะชินไปเอง
5.หาแผนกำจัดหนี้
ไม่ใช่ความไร้เดียงสาที่ทำให้เกิดหนี้ ความไม่รู้และความรู้สึกต่างหากที่ทำให้เกิดหนี้ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว เราทำอะไรได้บ้าง?
คุณรู้ไหม คนที่เป็นหนี้มีสภาพยังไง? ขออธิบายแบบนี้ หากคุณอยู่ในจุดสูงสุดของชีวิตแต่กลับไม่รู้สึกมีความสุข อย่างน้อยคุณก็สำเร็จเป้าหมายที่คุณได้ตั้งไว้และมันก็สามารถเปลี่ยนเป็นความสุขได้ แต่คนเป็นหนี้คือการอยู่ในจุดที่ตกต่ำและไม่มีความสุข ไม่มีอะไรที่สามารถเปลี่ยนมาเป็นพลังบวกให้เราได้เลย
แต่คุณรู้ไหม? มีคนมากมายที่เป็นหนี้แต่สามารถพลิกชีวิตกลับมาจนประสบความสำเร็จได้ อย่างแรกที่พวกเขาต้องทำคือการดีลกับความเครียดก่อนเป็นอันดับแรก พอความเครียดหายไป เราก็จะสามารถเริ่มแผนฟื้นฟูได้ไหลลื่นยิ่งขึ้น แน่นอนว่ามันไม่ง่าย แต่ชีวิตเรามีอะไรง่ายบ้าง?
หาหนทางในการปลดหนี้ของเรา เร็วได้เท่าไหร่ยิ่งดี กำหนดไว้ในแต่ละเดือนว่าเราจะต้องจ่ายหนี้เท่าไหร่ รักษาวินัยตรงนี้ไว้เพื่อสร้างเครดิตที่ดีให้กับเราด้วย เมื่อวันที่หนี้เราหมด วันนั้นแหละจะเป็นก้าวแรกแห่งการเติบโต
6.แผนหลังเกษียณ
“พูดถึงเรื่องเกษียณไวไปรึเปล่า?” ไม่หรอก ลึก ๆ แล้วเราต่างมองไปไกลถึงวัยเกษียณกันทั้งนั้น “เราจะเป็นยังไงถ้าถึงวันที่เราแก่นะ” “เราจะมีเงินเท่าไหร่ในวันนั้น” ถ้าเรามองถึงวันนั้น วางแผนเอาไว้เลยน่าจะดีกว่า
เมื่อเวลามาถึง หากคุณมีลูกมีหลาน คุณคงปล่อยให้พวกเขามีอิสระทั้งชีวิตและการเงินแล้วแหละ แต่ตัวเราเองก็ควรจะมีเกราะป้องกันด้วยนะ
ลงทุนก่อน และสร้างสิ่งรอบด้านให้ตัวเอง มันจะทำให้คุณชัวร์ได้ว่าจะมีเงินเข้ามาทุก ๆ เดือน สร้างอิสระทางการเงินซะ
เมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว อย่ามัวแต่เสียเวลาอยู่เลย เริ่มทำตามขั้นตอนเหล่านี้กันเลยดีไหม? เวลาคนมาบอกเราว่า “ใช้เงินเก่งจัง” เราก็ตอบกลับไปเลย “อ๋อ เงินเก็บเยอะค่ะ/ครับ”
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก : Freepik