ทฤษฎี ABC สามารถสร้างผลลัพธ์ให้ชีวิตและธุรกิจได้เป็น 10 เท่า
A = affective (how you feel)
B =behavior (how you do/act)
C = Cognition (how you think)
ชายหนุ่มสองคนยืนแหงนหน้ามองตึกที่ถูกทิ้งร้าง สองฝั่งของสิ่งก่อสร้างผุพังขนาบข้างด้วยร้านขายของชำและร้านซักรีด ชายหนุ่มทางขวามองตามคนที่เดินหอบผ้าเข้าร้านซักรีด ก่อนจะออกมาตัวเปล่าแล้วเดินผ่านตึกร้างเข้าร้านขายของชำ เสียงต้อนรับของเจ้าของร้านเคลื่อนตัวผ่านสายลม กลายเป็นเพียงแรงสั่นสะเทือนอยู่ข้างหู
ชายหนุ่มทางขวาหันไปหาชายหนุ่มทางซ้าย “ผมตัดสินใจซื้อตึกหลังนี้”
ชายหนุ่มทางซ้ายแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “นายบ้าไปแล้วเหรอ ไม่เห็นสภาพตึกนี้หรือไง”
ชายหนุ่มทางขวาไม่สนใจ เขากวาดตามองสภาพแวดล้อมของพื้นที่รอบ ๆ ตัว พยักหน้ากับตัวเอง แล้วหันไปพูดเหมือนเดิมกับชายหนุ่มด้านซ้ายด้วยความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น “ผมตัดสินใจซื้อตึกหลังนี้”
“จะทำอะไรก็ตามใจ” ชายหนุ่มทางซ้ายพูดอย่างหลืออด เขาไม่เห็นว่าตึกหลังนี้จะเอาไปทำอะไรได้นอกจากจะกลายเป็นก้อนหินที่ถ่วงแข้งพันขาให้เดินไปข้างหน้ายากขึ้นเท่านั้น
เวลาผ่านไปประมาณสามเดือนกว่า
ชายหนุ่มทางซ้ายที่ตอนนี้ยืนอยู่ทางฝั่งมือของชายหนุ่มที่เพิ่งกลายเป็นเจ้าของตึกร้างหมาด ๆ มองป้าย “อยู่ในระหว่างก่อสร้าง” ปักไว้ที่บริเวณด้านหน้าของตึกร้างที่ตอนนี้มีผ้าสีหม่นคลุมเอาไว้
“นายตั้งใจจะทำอะไรกับตึกนี้กันแน่” เขาพูดฝ่าเสียงดังสนั่นของเครื่องมือก่อสร้าง
“เดี๋ยวพอเสร็จนายก็รู้” เจ้าของตึกร้างหมาด ๆ ตะโกนตอบ
ชายหนุ่มทางซ้ายที่ตอนนี้ยืนอยู่ทางด้านขวาสะบัดมือกลางอากาศอย่างเหลืออด เขาอดคิดไม่ได้ว่าเจ้าของตึกร้างหมาด ๆ กำลังเอาเงินมาจมกับอะไรไร้สาระ
สองเดือนหลังจากนั้น ชายหนุ่มทางซ้ายที่ตอนนี้ยืนอยู่คนเดียวตรงที่ ๆ เคยปักป้าย “อยู่ในระหว่างก่อสร้าง” กระพริบตามองตามคนที่เดินหอบผ้าเข้าร้านซักรีด ก่อนจะเดินตัวปลิวออกมาเข้าร้านกาแฟที่เคยเป็นตึกร้างมาก่อนอย่างงงงวย
เจ้าของตึกร้างหมาด ๆ ที่กลายเป็นเจ้าของร้านกาแฟยืนยิ้มกว้างอยู่หลังเคาท์เตอร์ เสียงต้อนรับของเขาก้องกังวานจนชายหนุ่มที่ตอนนี้ยืนนิ่งอยู่กับที่ยังได้ยิน
เรื่องข้างต้นไม่ใช่นิทานหรือบทความปลุกใจ สิ่งที่คาดหวังอย่าง “ข้อคิดที่ได้” หรือ “ข้อเตือนใจ” จึงไม่ใช่สิ่งที่คุณจะได้จากเรื่องเล่าไม่กี่บรรทัดด้านบน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณจะได้จากการที่คุณยังอยู่ตรงนี้คือความเป็นไปได้รูปแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นจากความเชื่อซึ่งต่อยอดไปยังความรู้สึกและสรรค์สร้างเป็นการกระทำ แน่นอนว่าคุณคือสื่อกลางที่จะทำให้ความคิดเปลี่ยนเป็นการกระทำ
ปรากฏการณ์ที่เริ่มต้นจากสมองไปยังร่างกายและส่งผลกระทบต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัวผ่านการกระทำ เราเรียกสิ่งนี้ว่า CAB หรือ ABC model of Attitude
A = Affective component (สิ่งที่เรารู้สึก)
B = Behavioral component (สิ่งที่เรากระทำหรือแสดงออก)
C = Cognitive component (สิ่งที่เราเชื่อ)
ABC model of Attitude ไม่ใช่เรื่องใหม่ อันที่จริงต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่เราทำกันอยู่ทุกวันด้วยซ้ำ
คุณคิดอย่างไรกับแมลงสาบ
หลายคนร้องยี้ ในขณะที่บางคนเฉย ๆ และอาจจะมีบางคนที่เหลือบมองไปที่มุมห้องของตัวเอง
สิ่งที่คุณกำลังแสดงออกเป็นผลมาจากความรู้สึกและความเชื่อที่คุณมีต่อแมลงสาบ แน่นอนว่าแต่ละคน ต่างความคิด และเชื่อไม่เหมือนกัน
คุณคิดว่าแมลงสาบน่ากลัวและไม่สะอาด นั่นจึงทำให้คุณรู้สึกกลัวแมลงสาบ และจะทำทุกทางเพื่อไม่ให้สัมผัสกับมัน
ในขณะเดียวกัน ถ้าคุณคิดว่าแมลงสาบไม่น่ากลัว คุณก็จะไม่รู้สึกกลัว และถึงแม้อยู่ดี ๆ แมลงสาบจะตกลงมาบนไหล่ คุณก็จะปัดมันออกโดยไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น
ความคิดและความเชื่อที่ไม่เหมือนกันถูกทำให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นผ่านปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประสบการณ์ สังคม การเรียนรู้ การสังเกต เป็นต้น
ความคิดและความเชื่อสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าคุณคิดและเชื่อว่ามันสามาถเปลี่ยนได้
เจ้าของร้านกาแฟที่เคยเป็นเจ้าของตึกร้างหมาด ๆ และเคยยืนอยู่ทางด้านขวา สังเกตเห็นว่าที่ตั้งของตึกร้างอยู่ในย่านชุมชน ระหว่างร้านขายของชำและร้านซักรีด
เจ้าของร้านกาแฟที่เคยเป็นเจ้าของตึกร้างหมาด ๆ และเคยยืนอยู่ทางด้านขวา สังเกตเห็นว่าคนที่หอบเสื้อผ้าไปที่ร้านซักรีดต้องแวะเข้าร้านขายของชำทุกครั้ง
เจ้าของร้านกาแฟที่เคยเป็นเจ้าของตึกร้างหมาด ๆ และเคยยืนอยู่ทางด้านขวา สังเกตเห็นว่าเมื่อเจ้าของร้านชำพูดต้อนรับ และคุยสัมเพเหระกับลูกค้า ขนมและเครื่องดื่มในมือของลูกค้าก็ดูจะเพิ่มจำนวนขึ้นจากครั้งแรกที่เลือกหยิบมาวางที่เคาท์เตอร์ทุกครั้ง
เจ้าของร้านกาแฟที่เคยเป็นเจ้าของตึกร้างหมาด ๆ และเคยยืนอยู่ทางด้านขวา คิดว่าถ้าเขาต้องหอบผ้ามาซักรีด เขาคงจะต้องอยากได้ที่นั่งระหว่างรอผ้าซักให้เสร็จ และถ้าได้ขนมหรือเครื่องดื่มเย็น ๆ และคนคุยฆ่าเวลาด้วยได้ก็คงดีไม่น้อย
เจ้าของร้านกาแฟที่เคยเป็นเจ้าของตึกร้างหมาด ๆ และเคยยืนอยู่ทางด้านขวา มองตึกร้างตรงหน้าและคิดว่ามันจะต้องเป็นไอเดียที่ดีแน่ ๆ
ความคิดและความเชื่อที่มาจากการสังเกตทำให้ชายหนุ่มที่เคยยืนอยู่ทางขวาเดินหน้าไปกู้เงินธนาคารและนำมาแปลงโฉมตึกร้างให้กลายเป็นร้านกาแฟที่มีคนเข้าออกไม่ขาดสาย
แล้วชายหนุ่มทางซ้ายที่ย้ายไปยืนอยู่ทางขวาแล้วกลายเป็นยืนอยู่คนเดียวคนนั้นล่ะ
ชายหนุ่มทางซ้ายที่ย้ายไปยืนอยู่ทางขวาแล้วกลายเป็นยืนอยู่คนเดียวคนมองเห็นภาพเดียวกับเจ้าของร้านกาแฟที่เคยเป็นเจ้าของตึกร้างหมาด ๆ และเคยยืนอยู่ทางด้านขวา สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือเขาไม่เชื่อ และไม่คิดว่าตึกเก่า ๆ จะสามารถนำไปทำอะไรได้นอกจากกลายเป็นหนี้สิน
นั่นจึงทำให้ไม่ว่าชายหนุ่มจะเปลี่ยนที่ยืนอย่างไร หากเขาไม่เชื่อในความเป็นไปได้ ความคิดที่มันอาจจะเหนือความคาดหมาย หรือหลุดโลกจนโดนตราหน้าว่าประหลาดและไม่ปกติ เขาจะคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ทุกสิ่งรอบตัวเคลื่อนผ่าน ในขณะที่เขายังคงยืนขมวดคิ้ว และไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ความเชื่อมั่นทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าจะในชีวิตประจำวันหรือในด้านธุรกิจ
ขอแค่คุณเชื่อ และลงมือทำความเชื่อนั้น ไม่ว่ามันจะสำเร็จหรือล้มเหลว อย่างน้อยคุณก็ได้ทำให้ความเป็นไปได้หนึ่งอย่างเกิดขึ้นจริง
. . .
ขอบคุณภาพประกอบจาก : เว็บไซต์ Pixabay และ Freepik
บทความโดย : ปรียาภา พืชผล | บรรณาธิการบริหาร สำนักพิมพ์ 7D Book & Digital