เราทุกคนต่างเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันเสมอ แล้วอะไรที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนแปลกหน้ากลายมาเป็นคนที่เริ่มรู้จัก ไปจนถึงสนิทกันในท้ายที่สุด
ก็คือ การสานสัมพันธ์มีได้หลายรูปแบบ อาจมารูปแบบของเพื่อนในสถาบัน เจ้านายกับลูกน้องในที่ทำงาน หรือเพื่อนบ้านในระแวกเดียวกัน ก็เป็นหนึ่งในช่องทางทำความรู้จักกัน
สำหรับนักธุรกิจก็เช่นกัน ไม่ว่าใครก็ตามจะเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงโด่งดังขนาดไหน ทักษะที่ติดตัวพวกเขาเหล่านี้คือการเข้าสังคม ทุกคนรู้ว่าสิ่งนี้คือตัวแปรสำคัญในเส้นทางธุรกิจ
เราจึงพบเห็นว่าบรรดานักธุรกิจทั้งหลายถึงออกนอกสถานที่พบปะคนนั้นทีคนนี้ที ก็เพื่อเก็บเกี่ยวและสร้างคอนเนคชั่นบางอย่างมาเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจเสมอ
หากคิดว่าในชีวิตนี้ทุกคนต้องพึ่งพาตัวเอง ไม่ควรยกความสำคัญไปไว้กับผู้อื่น เพราะจะทำให้ทุกอย่างที่ขับเคลื่อนโดยตัวเราเองนั้นจะรวดเร็วที่สุด
อาจไม่ใช่ไอเดียที่ดีสักทีไหร่ บางครั้งกลไกของเรื่องบางอย่างก็ไม่อาจสมบูรณ์ได้ด้วยตัวคนเดียว ต้องอาศัยฟันเฟืองชิ้นอื่นเพื่อที่จะทำงานควบคู่กันไปให้สุดท้ายแล้วทุกอย่างจะลงตัวพอดี
หนีไม่พ้นที่เรื่องของธุรกิจจึงต้องมีสิ่งที่เรียกว่าพาร์ทเนอร์ เพื่อที่จะคอยทำให้ธุรกิจเต็มไปด้วยความมั่นคงมากขึ้น หรืออีกทางหนึ่งก็คือผู้ร่วมลงทุน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ทุนมากขึ้นก็จะมีโอกาสพัฒนาต่อยอดธุรกิจได้มากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะเหตุนี้หลายคนจึงเลือกสร้างธุรกิจด้วยการใช้คนจำนวนมากเป็นส่วนประกอบ ในมุมหนึ่งคือการกระจายความเสี่ยง ขณะเดียวกันก็เป็นการกระจายรายได้ให้กับหลายคนได้สัดส่วนที่เหมาะสม
แต่การจะหาผู้ร่วมธุรกิจก็ไม่ใช่ไปพาใครเข้ามาทำได้ เพราะธุรกิจคือตัวทำลายความสัมพันธ์ชั้นดีหากไม่ตกลงกันอย่างชัดเจนตั้งแต่ในตอนเริ่มต้นก็อาจเกิดปัญหาตามมาได้
เพราะขนาดความสัมพันธ์ที่เคยดีแค่ไหนยังต้องถูกท้าทายด้วยการทำธุรกิจเลย ต่อให้เป็นคนในครอบครัวทำกันเอง ก็ใช่ว่าจะถูกใจและราบรื่นเสมอไป ถึงได้มีคำติดตลกว่า “อย่าคิดทำธุรกิจกับใคร ถ้าอยากรักษาความสัมพันธ์แบบนั้นให้ยาวนาน”
โดยพาร์ทเนอร์ที่ดีต้องรู้จักการบริหารและการสื่อสารทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่สำคัญต้องซื้อความเชื่อใจกันได้ ไม่อย่างนั้นการทำงานจะไม่ได้ประสิทธิภาพตามที่ต้องการ
เรื่องของการตกลงกันคือสิ่งแรกที่ควรระบุให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้รู้ถึงความต้องการและไม่มีการได้เปรียบหรือเอาเปรียบผลประโยชน์แก่กัน ตามขั้นตอนในสิทธิ์ต่างๆตามกฎหมาย
หลายคนบอกว่าการหาพาร์ทเนอร์ในการทำธุรกิจคล้ายกับหาเนื้อคู่ที่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน ความจริงแล้วอยากจะบอกว่ามันยากกว่านั้นด้วยซ้ำ เพราะเนื้อคู่คือการแค่การตกลงกันของคนสองคน แต่พาร์ทเนอร์สำหรับธุรกิจอาจเป็นได้มากกว่านั้น
การจะทำร้านคาเฟ่เล็กๆ ก็ยังต้องใช้พาร์ทเนอร์ที่พร้อมจะทำคู่ค้าด้วยกัน ไม่ใช่แค่ผู้ร่วมหุ้น แต่หมายรวมไปถึงการผูกขาดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ถ้าจะขายกาแฟก็ต้องมีแหล่งที่มาของวัตถุดิบต่างๆ เมล็ดกาแฟจากที่ไหน ก็ต้องเลือกคู่ค้าที่ตอบโจทย์และคุยกันรู้เรื่อง
เมื่อวัตถุดิบดี ทีนี้ต้องมองมาที่ตัวเองกับการรักษาความเป็นมืออาชีพ การตรงต่อเวลา เจรจาตามที่ตกลง ไม่บิดเบือน อย่างถ้าตกลงจะรับวัตถุดิบทุกต้นเดือน ก็ควรจะเป็นอย่างนั้นเสมอ ไม่ใช่เดี๋ยวพลัดวันประกันพรุ่ง ทำให้ก็ไม่อยากมีใครเข้ามาทำการค้ากับเรา
คู่มือของผู้ประกอบการไม่เพียงแค่ต้องทำตามแผนที่วางไว้อย่างตรงไปตรงมา ต้องรู้จักการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ทุกคนก็ต่างทำอะไรบางอย่างเพื่อผลประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะฉะนั้นไม่ชอบให้ใครเอาเปรียบ ก็จงอย่าไปเอาเปรียบใครนับจากนี้
อย่างที่บอกไปว่ากฏกติกาและความเท่าเทียมคือสิ่งที่ควรอยู่ในทุกที่ไม่เพียงแค่ธุรกิจ ควรอยู่ในทุกสังคม ทุกชนชั้นเเพราะเมื่อไหน่ก็ตามที่ทุกคนแฟร์ต่อกันอะไรๆก็คงจะแฟร์เสมอ
แต่ความต้องการที่ไม่สิ้นสุดไม่เข้าใครออกใคร เมื่อมีการลงทุนก็ต้องนึกถึงผลที่ตามมาอย่างปฏิเสธไม่ได้ และเมื่อมีคนจำนวนมากที่ความต้องการเดียวกัน การเปิดใจและจริงใจต่อกันจึงต้องเป็นเกณฑ์ในการวัดตั้งแต่เริ่มต้น
สำหรับลักษณะของพาร์ทเนอร์ที่ดีเริ่มที่ต้องรู้สึกถึงการเติบโตทั้งประสบการณ์และความรู้ และเมื่อมาร่วมมือกันต้องเกิดรายได้ที่มากขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่เพียงแค่เสมอตัว แต่ต้องมีกำไร และสุดท้ายต้องพึ่งพาอาศัยกันได้ทั้งทรัพยากรและเรื่องต่างๆได้
ความรู้สึกเป็นตัวบอกได้ส่วนหนึ่งว่าคนนี้ใช่หรือไม่ แต่ปัจจัยที่ว่ามาก็จะทำให้สังเกตลักษณะได้ง่ายขึ้น แล้วรู้วิธีในการคัดเลือกผู้ร่วมงานในลักษณะที่น่าประทับใจ
เรื่องสำคัญอีกเรื่องคือการปฏิเสธ จะได้คนที่ดีที่สุดต้องใช้เวลาในบางที บางครั้งเหมือนจะดีแต่สุดท้ายก็ไม่เป็นอย่างที่คิด ต้องรู้จักปฏิเสธให้ชัดเจน อย่าฝืนหรือเมินเฉย เพราะนั่นคือเวลาที่เปล่าประโยชน์ แถมยังจะเสียความสัมพันธ์ที่ดีมากขึ้นไปอีกหากปล่อยไว้นาน
ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะกังวลได้ว่าแล้วถ้าร้านเล็กๆอย่างมีพาร์ทเนอร์ที่ดีบ้างทำอย่างไร ทุนก็มีจำกัด คอนเนคชั่นก็ไม่มี สิ่งแรกที่ควรทำไม่ใช่หาปัจจัยอื่นเพื่อให้เท่ากับคนอื่น แต่คือการสร้างความน่าเชื่อถือ ค่อยๆสร้างฐานตัวเองให้คนอื่นอยากมาร่วมงานด้วย
นี่คือสิ่งที่ง่ายแต่มักถูกมองข้าม คงไม่มีใครอยากทำไปวันๆโดยที่ไม่เห็นหน้าเห็นหลัง แต่จะให้ดี มีคนรอบข้างดี มีแนวโน้มที่ดีเริ่มสร้างจากตัวเอง ความน่าเชื่อถือ ฝีมือ หมั่นฝึกฝนและไม่หยุดพัฒนา สักวันผลจากการฝึกฝนจะแสดงออกมาอย่างน่าทึ่ง
ถึงแม้ที่ผ่านมาจะผิดพลาดมากี่ครั้งก็ไม่สำคัญ เพราะนับจากนี้ถ้ายังคงพัฒนาศักยภาพของตัวเองอย่างรอบด้าน ในครั้งต่อไปที่จะเริ่มต้น ผลลัพธ์จะไม่มีทางเป็นแบบเดิมอย่างแน่นอน
เรียบเรียงโดย: กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital