ทีนี้เมื่อคอนเซ็ปต์พร้อม ชื่อร้านพร้อม ทักษะพร้อม หมายความว่าเราพร้อมแล้วจริงๆเหรอ?
ย้อนกลับมาที่เป้าหมายจากจุดเริ่มต้น ไม่มีใครทำธุรกิจและไม่หวังผล ขึ้นอยู่กับว่าผลที่หวังนั้นจะใหญ่หรือเล็กต่างกันเท่านั้นเอง ซึ่งนี่ก็คือเรื่องธรรมดาสำหรับวงการธุรกิจ
การที่ใครสักคนตัดสินใจว่าจะทำธุรกิจสักอย่าง อะไรทำให้มั่นใจว่าเกณฑ์การเลือกถึงต้องเป็นเช่นนั้น
ผลกำไร? สิ่งที่ครอบครัวทิ้งไว้?
หรือ เพราะความรักและแพสชั่นส่วนตัว?
ต่างคนต่างล้วนมีเหตุและผลของตัวเอง ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีเสมอ เพราะถ้าหากนี่คือการสานต่อของสิ่งที่ต้นตระกูลทิ้งไว้ให้ ก็ถือเป็นการต่อยอดสิ่งที่มี
หรือถ้าเป็นการเริ่มต้นครั้งใหม่ยิ่งดีไปอีก แน่นอนว่าจะต้องยอมรับให้ได้ว่าต้องเหนื่อยกว่าเดิม เพราะด้วยความที่ไม่มีต้นทุน ต้องสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาใหม่ ความอดทนจึงสำคัญ
นอกจากใจที่จะต้องเตรียมให้แข็งแรงแล้ว อย่าลืมว่าไม่ว่าจะไปที่ไหน เราต้องเข้าใจธรรมเนียมและวัฒนธรรมของที่นั้นๆด้วย
ในที่นี้หมายถึงทิศทางของตลาด ในการจะลงแข่งอะไรสักอย่างเราต้องศึกษาสภาพแวดล้อมโดยรวม ต้องรู้ว่าจะทำอะไร แล้วเรามีจุดเด่นอย่างไร อีกทั้งต้องรู้ว่าคนอื่นที่ทำคล้ายกันเขาเป็นอย่างไร ขาดตรงไหน ไปจนถึงประสบความสำเร็จหรือไม่
ทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าขาดการใส่ใจ และมองเกมให้ออก อย่าไปหลวมตัวเล่นกับเกมที่ยังหาผู้ชนะไม่เจอ
ไม่มีคนสำเร็จที่ไหนที่นึกได้วันนี้ และพรุ่งนี้ตัดสินใจก่อตั้งเลย ทุกขั้นตอนต้องไม่ใช่ความรู้สึก แต่ต้องเป็นความเข้าใจ ความรู้ ซึ่งมาจากการศึกษาและสะสมประสบการณ์ของตัวเองและผู้อื่น
จะดียิ่งขึ้นถ้าเกิดจากการวิเคราะห์ อย่างเช่น ดูให้แน่ใจว่าตลาดที่จะลงไปนั้นมีคู่แข่งเท่าไหร่ และสถานการณ์ของคู่แข่งเป็นอย่างไร แล้วหาคำตอบแก้สมการให้เจอว่าอะไรคือจุดบกพร่องที่คนอื่นมองไม่เห็นแต่เรามองเห็น
อาจรวมไปถึงโครงสร้างภายในด้วยก็ดี มีหลายครั้งที่แสดงให้เห็นว่านี่คือเสมือนกระดูกสันหลัง ผลลัพธ์จะยั่งยืนหรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ แต่อยู่ที่วิธีการบริหารภายใน ยิ่งเป็นระบบมากเท่าไหร่ ก็จะการันตีผลลัพธ์ได้มากกว่าครึ่งแล้ว
เราคงเคยได้ยินมาว่า ไม่ว่าจะทำอะไร ให้ใช้ใจนำทาง เพราะในวันข้างหน้าถ้าเจอกับอะไรที่ยากลำบาก อย่างน้อยได้ทำในสิ่งที่ใจต้องการก็คงเป็นหนึ่งเหตุผลที่น่ายินดี
มีปรัชญาการใช้ชีวิตแบบญี่ปุ่นกล่าวไว้อย่างน่าสนใจ โดยปรัชญานี้เรียกว่า “อิคิไก” เป็นหนึ่งในแนวทางที่มุ่งเน้นไปให้รู้จักตัวเอง และหาจุดมุ่งหมายของตัวเองให้เจอ
แท้จริงแล้ว “อิคิไก” หมายถึงคุณค่าของการมีชีวิตอย่างมีความสุข นั่นคือการลงมือทำงาน แล้วมีความสุขในสิ่งที่ทำ
ในด้านของธุรกิจก็คงจะไม่ต่างกัน ความสุขคงเป็นหัวข้อใหญ่ที่ครอบคลุมทั้งหมด เพียงแต่ในหัวข้อนั้น มักจะมีอะไรมากมายที่คอยขับเคลื่อนอยู่ และความรักอย่างเดียวคงไม่พอ
ต้องมองให้ออกว่าสิ่งนี้คือหน้าที่ภารกิจที่ส่งเสริมหรือฉุดให้ถอยหลังลงมา แล้วบริหารสิ่งต่างรอบตัวให้เหมาะสมที่สุด
จุดมุ่งหมายของปรัชญานี้ คือการทำให้ชีวิตมีแต่ความสมดุล รู้ว่าตัวเองชอบอะไร แล้วทำอะไรได้ดี ตั้งเป้าหมายและฝึกฝนจนพาตัวเองไปจุดนั้นให้ได้ในสักวัน
มุมของการสร้างตัวตนสู่คนธุรกิจ อาจใช้ปรัชญานี้เข้ามาเกี่ยวข้องได้ เพราะเมื่อเรารู้เป้าหมาย ก็จะทำให้มีแรงจูงใจที่ชัดเจน อาจต่างกันตรงที่วิธีการฝึกฝน
จะสำรวจแต่ความต้องการของตัวเองคนเดียวไม่ได้ ต้องชี้ให้เห็นถึงความต้องการของลูกค้าให้เจอ เพื่อตอบกับพวกเขาได้ว่าทำไมถึงต้องเลือกเราเป็นอันดับหนึ่ง
ดูแนวโน้มของตลาด จากสถิติ ประสบการณ์ และข้อมูลทั้งหลายเพื่อทำทุกอย่างให้เราพร้อมที่สุด จะได้ป้องกันหนทางที่จะผิดพลาดให้ดีที่สุด และอย่าลืมความเป็นตัวเอง เมื่อจิตวิญญาณถูกใส่ลงไป ความตั้งใจก็จะตามมาโดยไม่รู้ตัว
ยิ่งใน Cloud Kitchen มีองค์ประกอบหลายอย่างที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงและค่อนข้างยืดหยุ่นก็ยิ่งทำให้ไม่ว่าใครก็สามารถพัฒนาตัวเองสู่ระดับท็อปได้ทั้งนั้น
และยังใหม่พอสมควรในบ้านเรา ก็หมายถึงว่าทุกคนต้นทุนคล้ายกันในเรื่องความรู้ต่อธุรกิจนี้ ฉะนั้นไม่ต้องกลัวจะล้มหากมีแผนรับมือเอาไว้ว่าจะพลิกแพลงสถานการณ์อย่างไรก็พอ
ซึ่งสิ่งที่สำคัญคืออยากให้คิดว่านี่คืองานทดลอง ไม่ใช่ว่าไม่จริงจัง แต่ต้องเข้าใจว่าไม่ว่าอะไรย่อมแพ้การเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น สิ่งที่ควรจดจำคือการปรับตัวตลอดเวลาที่ต้องมี
นอกจากทุกอย่างที่ทำไปคือการพัฒนาองค์กร แต่บุคลากรก็จงอย่าละเลยพวกเขา ถึงเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาท แต่ก็ไม่อาจสู้ความสามารถของคนได้หรอก สาเหตุก็เพราะว่า มนุษย์มีการพัฒนาได้อย่างไม่มีสิ้นสุด
ทีนี้ย้อนกลับมาคำถามในตอนต้นว่า “พร้อมแค่ไหนสำหรับตลาดแห่งนี้” โดยพร้อมในทีนี้ไม่ใช่หมายถึงเงินทุน หรือ ไอเดียความคิดเห็น แต่เป็น พร้อมแค่ไหนที่จะรับความเสี่ยง
อาจจะสูญเสียเวลาส่วนตัว เงินเก็บที่สะสมมานาน หรือแม้กระทั่งความผิดหวังที่อาจต้องเจอ
แต่สิ่งที่ว่าไปเหล่านี้แลกมากับหลายสิ่งที่อาจยิ่งใหญ่กว่า เพราะเมื่อเราเสียอะไรไป ก็มักจะได้อย่างอื่นกลับมาเสมอ อย่างถ้าเสียเวลาส่วนตัว ก็จะได้ค้นหาวิธีบริหารเวลา
เสียเงินเก็บ ก็จะได้เงินหมุนเวียนมาใหม่ หรือเสียสังคมเดิมๆ ก็จะมาพร้อมสังคมใหม่ คนใหม่ที่จะพาเราไปในที่ที่เหมาะสมกว่าเดิม มาถึงตรงนี้คิดว่าตัวเองพร้อมแล้วหรือยัง?
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ คงพร้อมมากพอไปสู่ก้าวต่อไปแล้วแหละ งั้นได้เวลาพัฒนาสิ่งที่กำลังสร้างไปพร้อมกันอีกสักตั้ง…
…
ภาพประกอบจาก : Pexels
ที่มาจาก Fanpage : CEO Restaurant