บทเรียนของคนทำธุรกิจออนไลน์ด้วยความไม่รู้ เลือกกระโจนเข้าสู่วงการนี้เพราะคิดว่า “ทำเงินง่าย” สุดท้ายขาดทุนยับ สินค้าค้างสต็อกนานจนเสื่อมสภาพ จัดโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม จนแทบไม่เหลือกำไร แต่ก็ยังไม่มีลูกค้าประจำ สุดท้ายต้องปิดตัวลงไปภายใน 4 เดือน
.
จากข้อมูลพบว่ามีธุรกิจออนไลน์เพียง 10% เท่านั้นที่ได้โลดแล่นและทำกำไรต่อไป ในขณะที่อีกกว่า 90% ต้องล้มไม่เป็นท่า
.
ธุรกิจออนไลน์อาศัยการมีตัวตนอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตซึ่งมีข้อมูลข่าวสารจำนวนมากในแต่ละวัน การนำเสนอสินค้าสักชิ้นท่ามกลางคู่แข่งจำนวนมากจึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับมือใหม่
ก่อนจะเดินหน้าทำธุรกิจต่อไปด้วยความไม่รู้ เรามาไขคำตอบกันดีกว่าว่า “ทำไมธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่ถึงหยุดชะงักและขาดทุน?” เพื่อให้คุณแก้ปัญหาได้ตรงจุดและมีโอกาสทำเงินได้มากกว่าเดิม
.
.
#สาเหตุที่1 ลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้น จากการแข่งขันที่ดุเดือดบนโลกออนไลน์ (แล้วทำไมต้องซื้อสินค้าของคุณ?)
การซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ กลายเป็นเรื่องง่ายและใกล้ตัวสำหรับผู้คนในยุคนี้ จึงไม่แปลกเลยที่จะมีนักธุรกิจออนไลน์หน้าใหม่เกิดขึ้นทุกวัน และเมื่อสินค้าตัวไหนกลายเป็นกระแส ทุกคนก็พร้อมหันไปลงทุน จนเกิดเป็นคู่แข่งที่ใช้ช่องทางเดียวกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ยิ่งมีการแข่งขันมากขึ้นเท่าใด ยิ่งยากที่จะรักษาลูกค้าของตนไว้” แล้วต้องทำอย่างไรลูกค้าจึงจะไม่หนีไปหาร้านอื่น?
เมื่อคู่แข่งทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น หลายบริษัทจะยิ่งเร่งพัฒนาและงัดกลยุทธ์ต่าง ๆ ออกมาอย่างเต็มที่ ถ้าอยากก้าวนำและขายสินค้าต่อไปได้ การตั้งคำถามที่ว่า “ลูกค้าของเราชอบอะไร?” คงไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่ต้องทำมากกว่านั้นคืออ่านใจลูกค้าให้ออก “คาดการณ์สิ่งที่พวกเขาต้องการในอนาคต” แล้วนำเสนอผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อสินค้าตอบโจทย์ความต้องการ ลูกค้าก็ไม่จำเป็นต้องไปค้นหาสินค้าจากแบรนด์อื่น ก็เท่ากับรักษาลูกเอาไว้ได้สำเร็จ
นอกจากนี้ การเสนอส่วนลดและโปรโมชันเฉพาะบุคคลยังช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมีค่าและประทับใจกับการดูแลนั้น จนกลับมาซื้อสินค้าของคุณซ้ำ ๆ ได้ด้วย
.
.
#สาเหตุที่2 ขายสินค้าให้กลุ่มเป้าหมายที่ไม่ใช่ ยังไงก็ขาดทุน
หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่คนทำธุรกิจออนไลน์ต้องเผชิญคือ การขาดความเกี่ยวข้องเมื่อพูดถึงลูกค้าเป้าหมายและสินค้าในสต็อก
อีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญคือ “การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายอย่างรอบคอบ” เพื่อผลิตสินค้าที่ตอบสนองความต้องการและแก้ปัญหาของพวกเขา ได้อย่างตรงจุด
การเลือก “บุคลิกของผู้ซื้อในอุดมคติ” คือสิ่งจำเป็น คุณต้องสื่อสารกับกลุ่มคนที่คาดว่าจะเป็นลูกค้าในอนาคต พยายามทำความรู้จักกับพวกเขาให้ดียิ่งขึ้น ค้นคว้า ทำสถิติ และวิจัยอย่างแม่นยำ เพื่อตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้
– พวกเขาต้องการอะไร?
– พวกเขาอยู่ที่ไหน?
– รายได้เฉลี่ยของพวกเขาคือเท่าไร?
– พวกเขาจะยินดีซื้อสินค้าเหล่านี้หรือไม่?
คนทำธุรกิจต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายของตนเป็นอย่างดี คุณต้องรู้ว่าจะผลิตสินค้าขึ้นมาเพื่อขายให้กับใคร จึงจะสร้างสินค้าและบริการที่ดีได้
.
.
#สาเหตุที่3 ละเลย ไม่เอาใจใส่ลูกค้า
อย่าลืมว่า “ลูกค้าคาดหวังบริการที่ดีจากคุณเสมอ”
สิ่งสำคัญเมื่อทำธุรกิจออนไลน์คือการสนับสนุนและบริการลูกค้าอย่างเหมาะสม ไม่ว่าคุณจะสื่อสารกับลูกค้าผ่านทางช่องแชท อีเมล หรือพูดคุยกันโดยตรง เพราะนี่คือสิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออย่างมาก
ในส่วนนี้ควรจ้างคนที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมาทำ เพราะถ้าลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีและไร้ประสิทธิภาพ นอกจากคุณจะเสียลูกค้าคนนี้ไปแล้ว ยังเกิดการบอกต่อ จนทำให้ผลกำไรลดลงได้
ดังนั้น การลงทุนจ้างผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้บริการและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว จึงช่วยเพิ่มความไว้วางใจให้กับลูกค้าได้
.
.
#สาเหตุที่4 เว็บไซต์ค้าง ช้า มีปัญหาบ่อย จนลูกค้าหนี
คิดจะทำธุรกิจออนไลน์ต้องปรับปรุงเว็บไซต์เสมอ แพลตฟอร์มจะต้องทำงานอย่างถูกต้องและรวดเร็ว เพราะการปล่อยให้ลูกค้าเจอกับปัญหา เช่น ลิงก์หรือปุ่มใช้งานไม่ได้ เว็บไซต์ค้างหรือหมดเวลา อาจทำให้สูญเสียลูกค้าไป
ตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าคุณได้ลงทุนกับการสร้างแพลตฟอร์มที่มีความพร้อมและทำงานได้อย่างสมบูรณ์ สามารถรองรับการรับส่งข้อมูลจำนวนมากได้ รวมถึงใช้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ดี เช่น โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต เนื่องจากผู้คนจำนวนมากนิยมซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านอุปกรณ์เหล่านี้
อีกประเด็นที่สำคัญคือ “การเก็บข้อมูลของลูกค้าบนเว็บไซต์” ข้อมูลของลูกค้าต้องถูกเก็บไว้เป็นความลับเสมอ ห้ามรั่วไหลเด็ดขาด หากเกิดความผิดพลาดในเรื่องนี้บริษัทจะสูญเสียความไว้วางใจ เป็นอีกสาเหตุที่นำไปสู่ความล้มเหลวทางธุรกิจได้
.
.
ถึงแม้การทำธุรกิจออนไลน์จะมีคู่แข่งมากในปัจจุบัน แต่นั่นก็ไม่ได้ความว่าคุณจะไม่มีทางทำกำไรได้สำเร็จ
การทำธุรกิจออนไลน์ สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือการรับรู้ถึงแบรนด์ การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ การกระตุ้นให้ลูกค้ามีส่วนร่วมทางโซเชียลมีเดีย การสนับสนุนลูกค้า การทำความรู้จักกับลูกค้าใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ พร้อมทั้งพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดให้สำเร็จ ซึ่งนับว่าเป็นงานหนักสำหรับทีมการตลาด
หลีกเลี่ยง 4 สาเหตุที่ทำธุรกิจล้มไม่เป็นท่า แล้วหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนากลยุทธ์การตลาด ดูแลลูกค้าใหม่ให้ดี เอาใจใส่ลูกค้าเก่าให้มาก รวมถึงปรับปรุงและดูแลเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มีประสิทธิภาพ และความพร้อมกับการแข่งขันในตลาดออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้นอยู่ตลอดเวลา
