ในการวางแผนหรือจัดการระบบธุรกิจทั้งหลาย จะต้องมีเรื่องการเงินเข้ามาเป็นส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งการลงทุนไปจนถึงการดำเนินงานในส่วนต่างๆ มักจะมีค่าใช้จ่ายเป็นส่วนประกอบ
รวมถึงชีวิตประจำวันในทุกวันนี้ที่ต้องยอมรับว่า เงิน คือสิ่งจำเป็นที่ทำให้ชีวิตเป็นไปอย่างที่ต้องการ ได้มีความเป็นอยู่ที่ดี ได้ใช้จ่ายซื้อสิ่งต่างๆ เพื่อมาอำนวยความสะดวกในชีวิต
ที่น่าแปลกคือเรื่องสำคัญขนาดนี้ แต่กลับไม่ถูกปลูกฝังหรือสั่งสอนให้เข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง ทำให้ในท้ายที่สุดคนที่ไม่รู้และมีวิธีการรับมือน้อยก็จะต้องยอมล้มเหลวอยู่ในสังคม
บางคนบอกว่าการออมคือทางออกที่ดีที่สุด ในขณะที่บางคนก็บอกว่าให้หารายได้เพิ่มเติมดีกว่า แล้วแบบไหนถึงจะเป็นวิธีจัดการเงินอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดกันแน่?
ว่ากันตามตรงทุกคนรู้ว่าเงินนั้นสำคัญ แล้วหลายคนก็อาจจะถูกสอนมาบ้างตั้งแต่ยังเล็ก แต่เมื่อโตขึ้นเรื่องเหล่านี้ก็จะค่อยๆหายไป จนต้องใช้ความเข้าใจของตัวเองในการบริหาร
ซึ่งจะนำความเข้าใจอย่างเดียว มาใช้ในเรื่องของการเงินนั้นไม่ได้เสมอไป จำเป็นต้องมีความรู้และวิธีการที่ถูกต้องถึงยิ่งจะทำให้มีการรับมือได้อย่างรอบด้านและครบถ้วนที่สุด
เช่นกันกับความคิดในการเริ่มต้นธุรกิจ มีคนไม่น้อยมองจุดประสงค์ของการบริหารการเงินว่าไม่สำคัญเท่าไหร่ เพียงแค่ขายของได้เยอะ ลูกค้าเข้ามาเยอะ ก็น่าจะพอใจแล้ว
จะบอกว่าไอเดียนี้ผิดก็คงไม่ใช่ เพราะการขายของได้มากเท่ากับว่ารายได้ก็จะมากไปด้วย แต่หากยังจัดการระบบการเงินไม่ดี กำไรที่เข้ามาก็พร้อมจะกลายเปลี่ยนเป็นขาดทุนได้เสมอ
เงินทุน นับเป็นทรัพยากรสำคัญในการทำธุรกิจ ไม่ว่าธุรกิจนั้นจะใหญ่หรือเล็กก็ต้องใช้เงินทุนในการดำเนินงานต่อไป ตั้งแต่เริ่มคิดจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองก็จำเป็นต้องมีเงินทุนทั้งสิ้น
ไหนจะค่าเช่าสถานที่ ค่าอุปกรณ์ ค่าแรงพนักงาน ค่าใช้จ่ายสารพัด ถ้าขืนรอแต่ผลลัพธ์หรือรายได้จากลูกค้าทางเดียวก็อาจไม่ทันการณ์กันพอดี ดังนั้น ต้องหาวิธีอื่นที่จะช่วยลดช่วงเวลาของความสำเร็จ จะได้มีทุนมาต่อยอดอยู่เสมอ
สิ่งแรกที่ว่ากันว่าเป็นสิ่งที่คนลืมเป็นลำดับต้นๆเลยคือการแยกบัญชี เหล่าผู้ประกอบการธุรกิจหน้าใหม่มักจะลืมที่จะแยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีของธุรกิจ ซึ่งพอไม่มีการแบ่งสัดส่วนทีนี้ก็จะกลายเป็นว่าค่าใช้จ่ายส่วนตัว มาเป็นค่าใช้จ่ายในธุรกิจ
ทีนี้เมื่อได้กำไรมาแล้วก็นำเอามาหักลบดู ผลปรากฏว่าจากที่คิดว่าน่าจะได้กำไรมากเพราะลูกค้าเยอะเป็นพิเศษ ผลสรุปสุดท้ายตัวเลขก็ไม่ได้บวกอะไรมากมายอย่างที่คิดเอาไว้ นั่นเป็นเพราะระบบการดูแลเงินยังดีไม่พอยังไงล่ะ
เมื่อไหร่ก็ตามที่เอาบัญชีส่วนตัวมารวมกับบัญชีธุรกิจก็จะยากต่อการรู้ถึงผลกำไรที่แท้จริง เกิดความยุ่งยากสารพัด และจะทำให้ไม่สามารถจัดการให้เป็นระเบียบได้
แต่ถ้ามีการแยกบัญชีกันอย่างเป็นระเบียบนอกจากจะรู้ถึงรายรับ-รายจ่ายอย่างถูกต้องแล้ว ยังสามารถกำหนดเงินเดือนตัวเองได้เต็มที่ อะไรๆก็จะง่ายต่อการทำงานต่อไปด้วย
และตั้งแต่เล็กจนโตหลายคนคงต้องเคยมีคนสอนเรื่องการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายมาไม่มากก็น้อย แต่พอวันหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาจะมีสักกี่คนที่ยังใช้วิธีการนี้อยู่
ยิ่งสำหรับกิจการเป็นอะไรที่จะลืมไม่ได้ เพราะทุกอย่างจะต้องรู้ว่ามีที่ไปที่มาอย่างไร ธุรกิจในชีวิตจริงไม่เหมือนในเกมหรอก ถ้าจดพลาดไปแม้แต่นิดเดียวทุกอย่างก็จะคลาดเคลื่อนไปหมด ซึ่งเป็นที่มาของการรั่วไหลเงินในช่องทางต่างๆ
การมีบัญชีที่เฉพาะเจาะจงก็จะทำให้รู้ว่าส่วนไหนเท่าไหร่บ้าง ลดภาวะความผิดพลาดทางการเงิน รวมทั้งยังให้รู้ถึงค่าใช้จ่ายในส่วนที่อาจหลงลืมไปก็จะสมบูรณ์ขึ้นกว่าเดิม
มาถึงเงินสำรองที่ไม่ว่าตำราไหนก็ต้องให้ความสำคัญที่มากพอกัน เพราะเงินสำรองไม่ใช่แค่ทำให้อุ่นใจอย่างเดียว หลายครั้งที่ธุรกิจเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด เงินในส่วนนี้ก็จะเป็นฟองน้ำรองรับความเสียหายให้เบาลงจนถึงขั้นไม่เจ็บเลย
อย่าลืมว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ทำให้เงินสำรองต้องถูกแบ่งอย่างชัดเจนไว้แต่แรก เพื่อไม่ให้เกิดการผ่อนปรนแล้วกลับมาใช้ได้ในภายหลัง
ยากที่จะบอกให้พอกับการลงทุน เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งผู้ประกอบการก็จะหาช่องทางต่อยอดไปได้ การลงทุนเพิ่มก็มักจะเป็นตัวเลือกที่ตามมาอย่างปฏิเสธไม่ได้
เพียงแต่ฝากไว้นิดหน่อยตรงที่การติดตามผลที่ทำลงไปด้วย ควรลงทุนเพิ่มทีละเล็ก อย่าหวังจะลงก้อนใหญ่ทีเดียว เพราะต้องสังเกตสถานการณ์หลังจากนี้ว่าจะไปในทิศทางไหน
บางคนทุ่มสุดตัวเพราะคิดว่าไม่มีจังหวะไหนดีกว่าตอนนี้อีกแล้ว ผลสุดท้ายก็ต้องคอตกสูญเสียกันเป็นแถว แบบนี้เรียกว่าลงทุนอย่างขาดสติ การลงทุนก็เหมือนกับการตกปลา ถ้าอยากได้ปลาตัวใหญ่ก็ต้องใจเย็นและรอนานสักหน่อย เพราะของที่คู่ควรจะมาในเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
สุดท้ายคือต้องตั้งเป้าหมายอยู่เสมอ โดยเป้าหมายนั้นต้องไม่ใช่แค่บางเบาแต่ต้องชัดเจน รักษาความแน่วแน่ อย่างถ้ากำหนดว่าเดือนนี้จะใช้เงินทุนเท่านี้ก็พยายามอย่าให้เกิน แล้วสิ้นเดือนมาสรุปค่าใช้จ่ายที่ใช้ไป ถ้าเข้าเป้าที่ตั้งใจไว้แสดงว่าสิ่งที่เรากำลังจัดการนั้นเป็นผลสำเร็จ
เรื่องของการเงินนั้นจำเป็นต้องรู้จักวิธีการจัดการอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพียงแต่ต้องเรียนรู้ด้วยความอดทน และเข้าใจอย่างถ่องแท้
ที่สำคัญคือการรักษาวินัยทางการเงินให้ได้ หลายคนพยายามหาความรู้และทักษะอย่างเต็มที่สุดท้ายก็ตกม้าตายเพราะไม่มีวินัย เพราะฉะนั้นความตั้งใจคือสิ่งสำคัญมากที่สุด
สิ่งเหล่านี้ล้วนฝึกฝนและเรียนรู้กันได้ ถ้าวันนี้ยังไม่สำเร็จ ยังมีวันพรุ่งนี้ให้แก้ตัว เมื่อไหร่ที่เรายังไม่หยุดพัฒนาตัวเอง อีกไม่นานระบบการเงินก็จะฝังรากลึกลงไปในความคิด
แล้วทันทีที่เราทุกคนมีวินัยทางการเงินแล้ว เมื่อนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม คุณก็เป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองได้อย่างสบาย
เรียบเรียงโดย: กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital