คุณเคยถามตัวเองไหมว่าคุณรู้จักสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ดีแค่ไหน
ชีวิตของเรามีโอกาสให้เราเองได้รู้จักสิ่งต่างๆ มากมาย บางอย่างเรารู้ต้นสายปลายเหตุดีว่าเป็นอย่างไร เกิดขึ้นได้ยังไง และจะไปจบลงที่ไหน ถ้าชอบทำอาหาร ก็ไปเรียนไปทำอาหาร ชอบทำขนม ก็ไปเรียนทำขนม นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายอาชีพที่ถ้าเราอยากรู้จักและประกอบอาชีพนี้จริงๆ การเรียนเพิ่มเป็นสิ่งจำเป็น
หากเราหันมาดูธุรกิจซักอบรีด การซักผ้าที่หลายคนคิดว่าง่ายก็แค่เทเสื้อที่จะซักลงเครื่อง ใส่น้ำยา ปิดฝา ก็เรียบร้อย ที่เหลือก็รอแค่ให้เครื่องซักเสร็จค่อยเอาออกมาตากให้แห้ง แล้วถึงรีดก็จบ
นั่นคือการซักเสื้อทั่วไปที่เรารู้จักกันดี แต่หารู้ไม่ว่าคนที่ต้องการทำธุรกิจเปิดร้านซักจริงๆ ความเข้าใจเดิมที่เรารู้จักเป็นทุนเดิมอยู่แล้วอาจไม่พอ แต่คุณต้องไปหาความรู้เพิ่มเติม เพราะคุณไม่ได้ซักแค่เสื้อตะกร้าเดียว แต่ต้องซักให้ลูกค้านับสิบ ไหนจะเครื่องนอน ทั้งซัก อบ รีด และส่งคืน
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการก่อตั้งโรงเรียนสอนซักอบรีดขึ้นมาเพื่ออบรมคนที่มีความสนใจธุรกิจซักรีดและอยากเปิดร้านเป็นของตัวเอง ซึ่งก็จะมีโรงเรียนที่เปิดคอร์สสอนอย่าง We Laundry และ Riva Wash โดยมีเป้าหมายไม่ใช่การแค่การสอนให้คุณทำและบริหารเป็น แต่การเข้ามาเรียนจะทำให้เราเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อธุรกิจว่าการซักผ้าโดยทั่วไปกับการเปิดร้านซักอบรีดเป็นธุรกิจได้นั้น มีความแตกต่างกันอยู่มาก
การซักผ้าอาจจะเป็นกิจวัตรที่เราชอบ แต่ไม่ใช่ธุรกิจที่เราอยากทำ หลายคนเลือกที่จะทำแค่ร้านซักคือซื้อเครื่องมาติดตั้งให้บริการซักอย่างเดียว ดูแลแค่ตัวเครื่อง หลายคนเลือกที่จะเปิดเป็นร้านครบวงจร
เราอาจจะไม่คิดว่าการซักผ้าทั่วไปที่ดูเหมือนง่ายต้องมานั่งซื้อคอร์สเรียน แต่ในความจริง หากคุณต้องการทำธุรกิจซักรีดครบวงจรเป็นของตัวเอง สามารถหาเลี้ยงชีพได้ เงินลงทุนก้อนแรกที่คุณควรลงก่อนที่จะชะล่าใจไปทำจริงเลยเพราะคิดว่ามันง่ายคือการซื้อคอร์สเรียนไม่ต่างอะไรจากการที่เราเรียนพิเศษในวัยเด็กมากนัก แต่การเรียนวิชาชีพที่ไม่ใช่วิชาการ เราเรียนเพื่อนำไปประกอบอาชีพ ไม่ใช่การเรียนเพื่อนำมาสอบชั่วคราวเท่านั้น
ซึ่งแต่ละร้านก็จะมีคอร์สเรียนหลักที่เหมือนกันคือ คอร์สเปิดร้านโดยการไปเรียนภาคทฤษฎีอย่างเดียว 1 วัน หรือเรียน 2 วันรวมภาคปฏิบัติอีกวันให้คุณได้ลองเป็นเจ้าของร้านซักรีดจริงๆ โดยเนื้อหาก็มีอย่างเช่น
1. การหาทำเล
ทุกธุรกิจจำเป็นต้องมีทำเล ร้านซักผ้าเองก็เป็นธุรกิจที่มีทำเลเฉพาะ เพียงแต่คุณต้องเข้าไปอยู่ให้ถูกที่ คุณจะเข้าไปตั้งร้านใกล้คอนโด หอพักมหาวิทยาลัย หรือชุมชนก็ได้ เข้าไปตั้งแล้วก็ต้องคิดว่าจะให้บริการด้วยค่าบริการเท่าไหร่ให้เหมาะสมกับ เพราะการอยู่ถูกที่หมายถึงการมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการแน่
2. การเลือกซื้อเครื่องซัก อบ และรีด
เอาแค่เครื่องซักอย่างเดียวก็มีหลายยี่ห้อ มีการแบ่งประเภทระหว่าง Home Use กับ Industry ยังไม่รวมเครื่องอบและเตารีดที่มีทั้งเตารีดหม้อต้มไอน้ำทั่วไปที่เราใช้กันกับเตารีดกระปุกที่มีความเฉพาะทางมากขึ้น
แล้วเดี๋ยวนี้มีร้านตัวแทนจำหน่ายมากมายที่ขายเครื่องซักผ้าพร้อมระบบหยอดเหรียญมาให้แล้ว โดยที่คุณไม่ต้องไปซื้อเครื่องเปล่ากับจ้างช่างมาติดตั้งแยก
3. ประเภทของผ้า
ผ้าแต่ละประเภทมีวิธีการซักและรีดไม่เหมือนกัน อย่างผ้าขาว ไม่ว่าจะเสื้อคอกลม เสื้อเชิ้ต แค่เป็นสีขาวก็ไม่สามารถนำไปซักรวมกับสีอื่นได้ ไม่งั้นสีตก ต้องซักแยก
ถ้าเป็นผ้าบาง การซักด้วยมือจะช่วยถนอมผ้าได้มากกว่าซักเครื่อง เพราะผ้าไม่ต้องยืดจากการถูกเหวี่ยงในเครื่องซัก โดยเฉพาะการนำไปซักในเครื่อง Industry ที่ไม่เหมาะกับการถนอมเนื้อผ้า
4. ชนิดของน้ำยาซักฟอก
การซักผ้าที่บ้าน เราใช้แค่น้ำยาซักผ้ากับน้ำยาปรับผ้านุ่มแค่สองอย่างก็ซักผ้าได้แล้ว แต่การทำร้านซักรีดจริงๆ มีน้ำยาที่คุณต้องรู้จักมากกว่านี้ เช่น เจลซักแห้ง น้ำยารีดผ้า น้ำยาอัดกลีบ และผงออกซิเจน ที่คุณต้องเข้าใจว่ามีประโยชน์อย่างไร

คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
เอาแค่เนื้อหาตัวอย่าง 4 ข้อแรกที่ผมกล่าวถึงก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่คนจะเปิดร้านต้องเรียนรู้หลายอย่างแล้ว โดยหลังจากเรียนจบคอร์สเรียน คุณก็จะพอรู้เลยว่าเรามีความสนใจที่จะทำธุรกิจนี้จริงๆ และมีกำลังพอที่จะเปิดร้านหรือเปล่า หรือบางคนเป็นอยู่แล้ว แต่อยากจะลงลึกในรายละเอียดมากกว่านี้ก็ยังมีคอร์สสอนรีดผ้า และสอนทำความสะอาดรองเท้า หรือชุดเครื่องนอนแยกย่อยไปอีก
เพราะฉะนั้น การทำธุรกิจซักผ้าก็มีความจำเป็นที่จะต้องเรียนก่อนที่จะคิดนำไปลงทุนจริงๆ เพราะถ้าไม่ศึกษารายละเอียดให้ดีก่อน กลับติดประมาทเพราะคิดว่ามันง่าย คุณก็จะไม่มีทางลงทุนสำเร็จจนเปิดร้านได้
ดังนั้น การลงทุนโดยการเรียนรู้ก่อนว่าแท้จริงแล้ว เราเองมีความสนใจจริงๆ แล้วหรือไม่ ถ้าคุณเป็นแม่บ้านที่เคยทำงานบ้านอยู่แล้วก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ถ้าเกิดมีความสนใจทั้งที่ยังไม่เคยได้ซักเอง รีดเอง
เพราะการเปิดร้านไม่ได้ง่ายเหมือนการเป็นลูกค้าที่เอาเสื้อไปส่งให้เขาซักแล้วรอเวลาไปรับกลับ และไม่ได้ง่ายเหมือนกับการซักผ้าในบ้านทั่วไปที่เราแค่ใส่ผ้า เทน้ำยาซักแล้วจบ แต่มันคือธุรกิจที่สามารถสร้างกำไรให้เราได้ อยู่ที่เราแล้วว่าจะใส่ใจให้มันมากขนาดไหน
เรียบเรียงโดย: กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital