ขณะที่กำลังเขียนต้นฉบับนี้อยู่นั้น เชื่อเลยว่าสาเหตุของผู้ที่เข้ามาอ่านบทนี้อยู่จะต้องเจอกับปัญหาอะไรบางอย่างอยู่แน่นอน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างหลีกหนีไม่ได้
ถามว่าทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้น เพราะมนุษย์ทุกคนไม่มีใครไม่มีปัญหาและราบรื่นตลอดไปทั้งชีวิตหรอก ต่อให้พยายามควบคุมมากเท่าไหร่ โชคชะตาก็มักจะพาปัญหามาทดสอบเสมอ
เมื่อก้าวเข้ามาในโลกธุรกิจแล้ว ทุกคนก็ต้องเตรียมตัวเพื่อรับมือกับปัญหาที่ต่างกัน บางคนมองว่าปัญหานั้นเล็ก บางทีก็บอกกันว่าปัญหานั้นใหญ่ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ต้องเจอ
หนึ่งเรื่องที่ทุกคนต้องเจอในช่วงเริ่มต้นของการทำธุรกิจ หนีไม่พ้นเรื่องของยอดขาย บางครั้งตั้งเป้าไว้เท่านี้ แต่ผลออกมายังไม่ถึงครึ่งที่หวังไว้เลย ก็มักจะหมดกำลังใจไปในที่สุด
เหตุผลที่ทำให้ยอดขายของแต่ละร้าน แต่ละธุรกิจ เป็นไปอย่างไม่น่าพอใจนักเกิดได้จากหลายปัจจัย หรือบางทีอาจตั้งแต่ขั้นตอนแรกตอนกำลังจะเริ่มสร้างธุรกิจเลยด้วยซ้ำ
สำหรับใครที่กำลังมองว่าธุรกิจของตนเองมีปัญหา จะต้องรีบหาทางแก้โดยเร็ว อาจต้องเหนื่อยเพิ่มหน่อยเพื่อที่จะแก้ปัญหาที่พบให้หายไปโดยเร็ว อยากให้รู้ว่าคุณคือผู้โชคดีแล้ว
โชคดีในที่นี้คือต่อให้จะต้องเหนื่อย จะมีปัญหาเข้ามาให้แก้อยู่ตลอด จะต้องเสียเวลา หรืออะไรก็ตาม แต่อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าปัญหาที่มีคืออะไร แล้วต้องเริ่มแก้อย่างไร เพราะยิ่งแก้เร็วเท่าไหร่ก็นำคนอื่นได้ไกลมากเท่านั้น
เพราะความเป็นจริง มีผู้ประกอบการอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ปัญหาของตัวเองด้วยซ้ำ คิดว่าที่ทำอยู่ที่มีอยู่นั้นดีอยู่แล้ว จึงไม่พัฒนาและย่ำอยู่กับที่ ถือว่าเป็นอะไรที่น่าเสียดายมาก
ยิ่งไปกันใหญ่ตรงที่สถานการณ์ในช่วงนี้ทั้งเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยมั่นคง ค่าเงินไม่คงที่ ไหนจะอุปสรรครายล้อมอีกสารพัด ถ้าไม่รู้จักพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น ก็เป็นเรื่องยากที่จะอยู่รอด
ถึงอย่างนั้นก็ตาม ใช่ว่าทุกอย่างแย่แล้วจะทำให้ธุรกิจต้องแย่ตามไปด้วย จริงอยู่ว่าถ้าไม่พัฒนาเรียนรู้อะไรเลยคงเอาตัวรอดลำบาก แต่กลับกันทันทีที่เริ่มเรียนรู้กลวิธีที่ถูกต้องละก็ ทางออกที่สวยงามมันก็มีอยู่เหมือนกัน
เขาบอกกันว่าใครก็ตามที่มักพบแต่ความล้มเหลวนั่นเป็นเพราะเขาคนนั้นยังไม่รู้จักสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง ต่อให้สถานการณ์รอบข้างจะไม่อำนวยเท่าไหร่ ก็ไม่ได้อนุญาตให้นำมาเป็นข้ออ้างในการจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
ยอดขายไม่ดีก็ไม่จำเป็นต้องโทษการตลาดเสมอไป การบริหารที่ไม่ค่อยดีก็มีส่วนมาถึงตรงนี้อยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นทุกปัญหาทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบร่วมกันจึงดีที่สุด
ยอดขายที่ดีจะมาจากความไว้วางใจที่ถูกสร้างมาอย่างสม่ำเสมอ ขอถามหน่อยว่าทุกวันนี้ทุกคนที่เข้าร้าน Starbuck เขาชื่นชอบในรสชาติทั้งหมดเลยหรือ
ความจริงแล้วไม่ใช่ ทุกคนที่เข้ามาอาจไม่ได้ชอบรสชาติเพียงอย่างเดียว แต่ลูกค้าเขารู้ว่าเข้ามาแล้วเขาจะได้อะไรนอกเหนือจากเครื่องดื่มบ้าง ได้บรรยากาศ ได้การบริการ และได้มาตรฐาน เหล่านี้คือเหตุผลที่พวกเขายอมจ่าย
ย้อนกลับมามองที่ธุรกิจของตัวเราเอง ทุกวันนี้เรามีทางเลือกให้ลูกค้ามากแค่ไหน ไม่ใช่แค่เมนูเท่านั้น แต่รวมไปถึงบรรยากาศ พื้นที่สำหรับพักผ่อน หรือทุกอย่างที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่าบ้างหรือยัง ถ้ายังก็ได้เวลาพิจารณาตัวเองอีกครั้ง
แม้แต่เป้าหมายที่ไม่ชัดเจนก็มีผลต่อการที่จะทำอะไรก็ไม่มีทิศทาง ทำไปเพราะคิดว่าคนจะชอบ แต่ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วคนต้องการอะไร ก็ทำให้ยอดขายไปไม่ถึงทุกคนอย่างเข้าใจจริง
ไหน ๆ ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เมื่อยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าผู้ประกอบการหลายคนคงนึกถึงการกระตุ้นยอดขายด้วยวิธีการที่ถูกเรียกว่า “โปรโมชั่น” เพื่อหวังว่าวิธีนี้จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
แต่ใช่ว่าทุกคนที่ทำโปรโมชั่นจะสำเร็จ จะทำทั้งทีต้องรู้ก่อนว่าทำไปทำไม แล้วคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มที่ดี เพราะขายได้มากขึ้นไม่ได้แปลว่ากำไรจะมากขึ้นเสียหน่อย
ถ้าจะแค่ระบายของออกไปก็ทำได้แต่แค่ชั่วคราวเท่านั้น ลองคิดดูว่าถ้าธุรกิจคาเฟ่ของคุณได้กำไรแก้วละ 5 บาทมาโดยตลอด แต่เมื่อมีโปรโมชั่น ลดเหลือกำไรแก้วละ 2 บาท ต่อให้คุณขายได้สองแก้วก็ยังไม่เท่า 1 แก้วในช่วงเวลาปกติที่ไม่มีโปรโมชั่น
หมายความว่าจำนวนก็ไม่เท่าคุณภาพอยู่ดีถ้าไม่มากพอ ทางที่ดีควรมองถึงระยะยาว เพราะถ้าลองลดราคาบ่อย ในวันหนึ่งเมื่อขายในราคาปกติก็จะไม่ได้รับการตอบรับที่ดี เพราะลูกค้าก็จะคิดว่าเดี๋ยวไม่นานก็คงลดอีกอยู่ดี
ไม่ว่าจะทำอะไรทุกอย่างมีสองด้านเสมอ ข้อเสียของหลายคนคือลืมมองในด้านที่ต้องเสียเปรียบ ไปโฟกัสแต่ด้านที่จะได้เปรียบ เลยกล้าที่จะเสี่ยงโดยไม่สนผลที่คืนกลับมา
ข้อมูลคือหนึ่งสิ่งจำเป็น เมื่อรู้ว่าเป้าหมายและกลุ่มลูกค้าเป็นไปทางเดียวกัน จากนั้นหน้าที่สำคัญคือการปรับตัวพาเข้าสู่ตลาดใหม่ ขยายช่องทางเพื่อให้เข้าใจความต้องการมากขึ้น
ยุคสมัยที่เดลิเวอรี่กำลังนิยม ควรใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ อาทิเช่น แสดงถึงความประทับใจเล็กๆ ส่วนลดในครั้งถัดไป หรือสะสมแต้มแลกของรางวัลก็ดูจะเข้าท่าดีเหมือนกัน
เมื่อเจอจุดแข็งแล้วสิ่งที่ต้องตามมาไม่ใช่เพิ่มจุดอื่นให้แข็งตาม แต่ทำให้จุดเด่นนั้นโดดเด่นเกินกว่าจะมีใครเทียบ สร้างระบบมาตรฐานที่ไม่มีใครแทนที่ธุรกิจของเราได้ เพื่อลูกค้าจะได้รู้ว่าเบอร์หนึ่งคือเรา และจะเป็นภาพจำตลอดไป
ถ้าวิทยาศาสตร์สอนให้รู้จักการทดลอง ในด้านธุรกิจก็เช่นกัน การทดลองขายในช่องทางใหม่ๆ มีลูกเล่นหรือสิ่งใหม่ในธุรกิจ สร้างความสร้างสรรค์ด้วยจินตนาการ วิธีการเข้าหาลูกค้า การพูดคุย ประชาสัมพันธ์ หรือแม้แต่คอนเทนต์ กล้าที่จะต่างอย่างมีสีสัน และต้องมีความคาดหวังบางอย่างกลับมาเสมอ
สุดท้ายคืออย่าพยายามเหวี่ยงหาลูกค้า เพราะจะได้แค่ไม่กี่คน แต่ต้องระบุให้แน่ชัด สร้างคุณค่าของตนเอง เป้าหมายก็จะชัดเจนอยู่เสมอ แล้วถึงวันนั้นลูกค้าจะเดินเข้ามาหาเราเองโดยที่หน้าที่ของเราแค่ต้อนรับพวกเขาให้ดีที่สุดก็พอ
นี่อาจไม่ใช่กลยุทธ์ทั้งหมดที่จะการันตี แต่รับรองได้ว่าจะเป็นประโยชน์อย่างน่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว เหมือนที่มีคนกล่าวไว้ว่า
นักปราชญ์ที่ดีไม่ใช่จดจดจากผู้อื่น แต่ต้องสร้างบรรทัดฐานบางอย่างของตัวเอง เพื่อที่สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งเดียวที่อยู่กับเราตลอดไป ต่อให้ใครจะพยายามเอาไป ก็ไม่มีทางสำเร็จอยู่ดี
…
เรียบเรียงโดย: กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital