“ทำไมเงินในบัญชีมันน้อยลงทุกวัน ๆ” “เปิดดูบัญชีก็มีแต่สีแดง สิ้นเดือนถึงจะเขียวที” บ่นไปเหนื่อยไป บางคนไม่กล้าเปิดบัญชีตัวเองมาดูเพราะกลัว “ความจริง” ความจริงที่ว่าเรามีปัญหาด้านการเงิน เราบริหารไม่เป็น เรามีนิสัยการใช้เงินที่ไร้แบบแผน ไม่คิดหน้าคิดหลัง “ถ้าเรามีเงิน ทำไมเราจะใช้ไม่ได้ล่ะ” จริงอยู่ที่พอมีเงินก็ต้องใช้ แต่เงินมันไม่ได้มีไว้ใช้อย่างเดียวหรอกนะ
หากคุณเป็นคนที่โชคดี ได้รับมรดกจากครอบครัวหรือทำงานที่เงินเดือนสูง ๆ คุณก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นคนมีฐานะทางการเงินที่ยั่งยืน แต่ความยั่งยืนจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าหากคุณไม่สามารถควบคุมสิ่ง ๆ หนึ่ง สิ่ง ๆ นั้นก็คือ “นิสัย” ในการใช้เงินของตัวเอง เช่นเดียวกับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องมีนิสัยและวินัยในการใช้เงินมาก เพราะนาน ๆ ทีพวกเขาจะเห็นเงินเข้าบัญชีมากกว่ากดออกไป แน่นอนว่านิสัยการใช้เงินของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ถ้าหากเราควบคุมมันมันให้อยู่ภายใต้ตัวเราได้ มันก็คงดีกว่าการใช้เงินแบบมั่ว ๆ ไม่คิดหน้าคิดหลัง เพราะนิสัยนี่แหละ ที่ทำให้เราเห็นความแตกต่างระหว่างสภาพทางการเงินที่รุ่งเรืองกับสภาพทางการเงินที่ติดอยู่กับที่ ขยับไปไหนไม่ได้
เรามาดูนิสัยที่ควรมี ถ้าหากคุณอยากมีความรุ่งเรืองทางการเงิน อยากเพิ่มเงินในกระเป๋า นี่คือ 8 นิสัยที่จะเพิ่มตัวเลข “สีเขียว” ในกระเป๋าของคุณ
1. หยุดคิดแบบเดิม ๆ
หลาย ๆ คนใช้เงินของตัวเอง จ่ายบิลและเก็บเท่าที่เหลือ ความคิดแบบนี้คือความคิดแบบเดิม ๆ ลองเปลี่ยนความคิดใหม่เป็น : เก็บเงินตามเป้าให้ได้ก่อน จ่ายบิลและใช้เงินที่เหลือ เราควรจะแบ่งเงินเป็นพาร์ท ๆ ให้เหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวันของเรา เช่น ถ้าหากเรามีเงินเดือน 20,000 เราก็กำหนดว่าในแต่ละสัปดาห์ แต่ละวันเราจะใช้เงินเท่าไหร่โดยจำนวนมันก็ต้องพอเหมาะกับชีวิตประจำวันของเรา พยายามอย่าผันผวนการใช้เงิน ใช้เงินให้น้อยในแบบที่มีเหตุมีผล อย่าดูถูกความประหยัดเลย เพราะถ้าคุณประหยัด เงินในบัญชีคุณก็จะเพิ่มมากขึ้นจนเห็นแล้วชินตาไปเอง
2. สร้างเป้าหมาย
หากเราต้องการเก็บเพื่ออนาคต ผู้รู้ด้านการเงินส่วนใหญ่มักจะให้คำแนะนำว่าเราควรจะมีแผนทางการเงิน 5 ปี ใน 5 ปีคุณอยากประสบความสำเร็จมากแค่ไหนและคุณต้องการอะไร ต้องมีอะไรบ้างเพื่อที่จะทำให้ฝันใน 5 ปีของคุณเป็นจริง จำแผนของคุณให้ขึ้นใจ เตือนตัวเองเสมอเมื่อเรามีแผนที่จะใช้เงิน เตือนตัวเองเสมอเมื่อเรามีแผนที่จะเก็บเงินเพื่ออนาคตทางการเงินที่ยั่งยืน
3. ลดการสนอง need ลงมาหน่อย
คุณจะใช้เงินในการซื้อของแบรนด์เนมทำไมถ้าคุณซื้อแล้วต้องกินมาม่าตลอดเดือน? เราเข้าใจว่าการใช้ชีวิตมันก็ต้องสนอง need ของเราบ้าง แต่หากเราใช้เกินตัวแล้วต้องเป็นหนี้หรือต้องใช้ชีวิตลำบาก มันก็ไม่ค่อยจะ make sense สักเท่าไหร่ ครั้งต่อไป ต้องเปลี่ยนความคิดและลด need ลงมา ยกตัวอย่างเช่น เราอาจจะซื้อเสื้อผ้าหรือของที่แพง ๆ 2 หรือ 3 เดือนครั้งหรือไม่ต้องซื้อไปเลย แน่นอนว่ามันอาจฟังดูยาก แต่ลองเริ่มต้นด้วยเรื่องง่าย ๆ ก่อนก็ได้เช่นออกไปกินข้าวนอกบ้านไม่ต้องบ่อย อาทิตย์ละครั้งหรือเข้าห้างโดยที่ไม่ต้องใช้รถเข็น แค่ตะกร้าก็พอ
4. ใช้ชีวิตให้เหมือนเศรษฐีนิรนาม
คนส่วนใหญ่คงคิดว่าเศรษฐีเขาคงอยู่กับในแมนชั่นหรูหราระยิบระยับและมีรถหรูหราหลายคัน แต่ส่วนมากพวกเขาก็ไม่ได้ใช้ชีวิตเว่อร์วังอลังการขนาดนั้น พวกเขามักจะใช้เงินในแบบที่ ”สามารถจ่ายได้” และเก็บมากกว่าใช้
ขอยก David Sapper (เดวิด แซพเพอร์) จากลาส เวกัสเป็นตัวอย่าง เขาเป็นเจ้าของธุรกิจรถมือสองที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่ง ภรรยาของเขาเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ พวกเขามีรายได้ต่อปี 500,000 ดอลลาร์ แต่เขาใช้เงินแค่ 2,500 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยรวมทุกอย่างตั้งแต่ค่าอาหาร ค่าสังสรรค์และค่าศึกษาเล่าเรียนต่าง ๆ โดยเขาเก็บเงินกว่า 90% จากรายได้ของพวกเขา แซพเพอร์ยังบอกอีกด้วยว่าเขาจะเกษียณตัวเองเร็วกว่าปกติ เพราะเงินเก็บที่เขามีกับธุรกิจที่มั่นคงทำให้อนาคตทางการเงินของเขาดูจะทำให้ชีวิตของเขาสบายกว่าคนอื่น
5. รู้จักเงินของคุณให้ดี
การเก็บเงินถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าคุณไม่รู้ว่ามีเงินเข้าบัญชีเราจากทางไหนบ้างหรือเดือน ๆ นึงเงินออกไปเพราะค่าอะไร เรื่องแบบนี้ก็ทำให้เราปวดหัวได้เหมือนกัน ความจริงก็คือเราไม่ค่อยจะติดตามเงินในบัญชีนักหรอก อะไรจะเข้าก็เข้า ออกก็ช่างมัน แต่ถ้าหากคุณไม่รู้ว่าเดือนนี้คุณใช้เงินกับค่าข้าวเท่าไหร่ คุณจะเปลี่ยนนิสัยได้ยังไง
6. ออกจากวังวนหนี้
ทุกคนไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ต้องมีสักครั้งที่เป็นหนี้ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิตที่บานปลาย หนี้เพื่อนที่หมดเดือนเท่าไหร่ก็ไม่มีเงินคืนสักที เสียเงินไม่พอ เสียเพื่อนได้อีก เพราะฉะนั้น การออกจากวังวนหนี้ถือว่าเป็นความสำคัญอันดับแรกที่ควรทำให้ได้ก่อน สร้างเงินสำรองเผื่อสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน ให้เงินสำรองนี้เป็นเหมือนตัวรับประกันว่าเราจะไม่ตกเป็นหนี้อีกเมื่อเวลาแบบนั้นมาถึง
7. เพิ่มรายได้
มันมี 2 วิธีง่าย ๆ ที่จะเพิ่มรายได้ 1.ใช้ให้น้อย 2.เก็บให้มาก ที่เหลือก็ลงทุนให้หมด เงินเดือนที่มันคงที่มันไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้เพราะเมื่อคุณใช้ชีวิตในทุก ๆ วัน ค่าครองชีพก็จะโตตามไปด้วย ทางที่ดีคือเราต้องหาโอกาส โอกาสด้านการลงทุน รายได้จากงาน part-time รายได้จากการปล่อยเช่าและทรัพย์สินหลังจากเกษียณ ด้วยการวางแผนทางการเงินที่ดี รายได้ของคุณก็จะเพิ่มขึ้นจากหลากหลายช่องทาง
8. ฟังความเห็นจากผู้รู้
เมื่อใดก็ตามที่คุณอยากพัฒนาหรือแก้ไขนิสัยการใช้เงิน การให้ผู้ที่มีความรู้ด้านการเงินช่วยก็ถือว่าเป็นทางออกที่ดีเสมอ เราต่างถูกอารมณ์ควบคุมการใช้เงิน แต่เมื่อคนที่มีความรู้ด้านการเงินเป็นคนนอก คนนอกจะมีความแม่นยำ มีมุมมองความเป็นมืออาชีพด้านการใช้เงินมากกว่าคนใน (ตัวเรา) เพราะคนนอกไม่ได้ถูกควบคุมโดยอารมณ์เหมือนคนใน นิสัยการขอคำปรึกษาจากผู้มีความรู้จึงเป็นสิ่งที่ควรมี ขจัด ego ของเราทิ้งไป
ลองเปรียบว่ากรุงเทพคือชีวิตเรา ต้นไม้คือเงิน หากกรุงเทพมีต้นไม้เยอะ ต้นไม้ก็จะช่วยให้กรุงเทพร่มรื่นและลดมลภาวะทางอากาศไปได้ แต่ถ้าหากกรุงเทพไม่มีต้นไม้เลย มันก็คงเหมือนกับคนหมดเนื้อหมดตัว อิดโรย แน่นอนว่าบางครั้งเราก็ต้องตัดต้นไม้ออกไปบ้าง แต่เราก็ต้องปลูกมันกลับมาด้วย ยิ่งกรุงเทพมีต้นไม้เยอะเท่าไหร่ กรุงเทพก็จะปลอดภัยต่อมลภาวะมากเท่านั้น เหมือนกับเงิน เรามีเท่าไหร่ ก็จะทำให้ชีวิตของเราคล่องตัวมากเท่านั้น
..
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก : Freepik.com