พูดถึงความเปลี่ยนแปลงที่น่าจะเกิดขึ้นกับทุกธุรกิจอย่างขาดไม่ได้คือ การหมุนเวียนบุคลากรภายในองค์กร ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เป็นอันต้องแยกย้ายกันทุกที
ใครจะไปคิดว่าธุรกิจร้านคาเฟ่ที่ภาพในอุดมคติคือธุรกิจเล็กๆ ทำกันไม่กี่คน แต่รู้หรือไม่ว่าธุรกิจแบบนี้มีอัตราการลาออกน้อยกว่าหลายบริษัทที่ใหญ่กว่าด้วยซ้ำ อาจเพราะด้วยความที่ใช้กำลังคนไม่มาก การอยู่ร่วมกันก็จะเป็นไปอย่างไม่ซับซ้อนอะไรนัก หลายอย่างจึงเป็นไปอย่างเรียบง่ายได้ดีกว่า
หรือบางทีอาจจะมีพนักงานพาร์ทไทม์บ้าง แต่จำนวนก็อยู่ในปริมาณที่ไม่มากเท่าไหร่ ถึงอย่างไรก็ตาม แม้จะน้อยแต่ในสักวันก็อาจยังมีเหตุให้แยกทางกันไปอยู่ดี
ทีนี้เมื่อคนเก่าออกไป ก็จำเป็นต้องหาคนใหม่มาทดแทน
หากเป็นบริษัทใหญ่โตแผนกที่ต้องจัดการดูแลในส่วนนี้คือ HR หรือฝ่ายบุคคล เพราะต้องคัดเลือกคน จัดการความเรียบร้อยหลายอย่าง นัดวันสัมภาษณ์ ติดต่อต่างๆให้ลงตัว
ซึ่งในความเป็นเจ้าของร้านคาเฟ่แล้ว ระบบการรับคนเข้าทำงานอาจไม่ได้มีระเบียบปลีกย่อยขนาดนั้น เบื้องต้นคงต้องดูจากความสามารถว่ามีพอกับตำแหน่งนั้นได้ไหม คุณสมบัติได้ตามที่ต้องการหรือเปล่า รวมทั้งประสบการณ์ด้วยว่ามีติดตัวมามากน้อยแค่ไหน
บางที่ไม่ได้ยึดว่าต้องมีประสบการณ์มาก่อนถึงจะทำงานด้วยกันได้ ยินดีจะให้เรียนรู้ไปพร้อมกัน ขณะที่บางร้านอาจไม่ใช่แบบนั้น ต้องการคนที่มีประสบการณ์ เพื่อที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาธุรกิจนั้นอย่างรวดเร็วกว่าเดิม
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละธุรกิจและแนวทางการเติบโตด้วย แต่ประสบการณ์สูงก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป
จริงอยู่ที่การได้คนมาร่วมงานที่เคยผ่านประสบการณ์ในด้านต่างๆ มาแล้วจะทำให้มีข้อได้เปรียบกว่าบางคนที่ยังผ่านอะไรมาไม่มากนัก อายุงานยังไม่เพียงพอที่ต้องการ
ต้องมาย้อนดูกันที่วิสัยทัศน์ของแต่ละธุรกิจ ถ้าอยากได้แต่ความชำนาญที่ช่ำชอง ทำตามขั้นตอนอย่างเป็นระบบบ แล้วรับแต่คนมีประสบการณ์ก็อาจจะขาดแรงขับเคลื่อนบางอย่างต่องานไป เพราะบางทีอาจหมดความท้าทาย หรือทำงานเสมอตัวก็จะทำให้ผลที่ออกมาขาดชีวิตชีวาบางอย่างไป
แต่หากรับแต่คนรุ่นใหม่ที่ประสบการณ์น้อย ข้อดีคือการได้เห็นพัฒนาการของแต่ละคนชัดเจน ความสดใหม่จะยังคงพลุ่งพล่านอยู่ในกลุ่มนี้มากเป็นพิเศษ แต่ก็แลกมากับการขาดความแน่นอน การรับมือที่ดีก็น้อยลงตามไปด้วย
จึงทำให้ควรมีทั้งสองกลุ่มอยู่ร่วมกันอย่างพอดี โดยที่ทั้งสองฝ่ายจะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เติมจุดอ่อนของตนเอง คนขาดประสบการณ์ก็จะได้ฝึกกระดูกให้แข็งแรงขึ้น ส่วนคนที่กำลังหมดไฟก็จะได้พลังจากคนรุ่นใหม่มาทำให้สดชื่นขึ้นอีกครั้ง
มาถึงสิ่งที่อยากพูดถึงมากที่สุด คือการเตรียมตัว แม้ผู้สมัครน่าจะเป็นฝ่ายเตรียมตัวที่มากกว่า แต่สำหรับผู้สัมภาษณ์เองก็ต้องเตรียมตัวไม่ต่างกัน ไล่เรียงมาตั้งแต่วันที่ลงรับสมัคร ต้องระบุข้อมูลพื้นฐานให้แน่นอน ตำแหน่ง ความรับผิดชอบ หรือข้อกำหนดต่างๆ เพื่อความชัดเจนแก่ทุกฝ่าย
ต่อด้วยการมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน บอกเล่าถึงลักษณะงานและจุดมุ่งหมายของธุรกิจ เพื่อให้การตัดสินใจของผู้สมัครเป็นไปอย่างครบถ้วน และคำถามในแต่ละข้อที่เตรียมมาต้องมั่นใจได้ว่าจะได้อะไรกลับไป เพราะแม้คำถามปลายเปิดทั่วไปก็สามารถบ่งบอกความคิดของแต่ละคนได้อย่างลึกซึ้ง
หนึ่งคุณสมบัติที่ทุกธุรกิจจะต้องจำให้ขึ้นใจ คือการฟังมากกว่าพูด เปิดโอกาสให้คู่สนทนาได้แสดงความคิดเห็นในคำถามอย่างเต็มที่ เพื่อจะเรียนรู้แนวคิดและทัศนคติว่าไปในทิศทางใด
การสื่อสารจึงเป็นเรื่องสำคัญของการทำธุรกิจ เมื่อต้องการอะไรให้บอกจุดประสงค์ไปตรงๆ ก็ทำให้ชัดเจนไม่ต้องตีความไปเอง แต่ความตรงไปตรงมานี้ถ้ารู้จักใช้เทคนิคสักเล็กน้อย นอกจากผลที่ได้เท่าเดิมแล้ว ยังได้ความน่าประทับใจต่อแบรนด์ของเราได้อย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย
เข้าใจว่าบางเรื่องถูกมองว่าเป็นเรื่องไม่สุภาพ เกิดคำถามว่าจะพูดดีไหม แต่การบอกไปตรงๆถึง เงินเดือน ระยะเวลาทดลองงาน หรือแม้กระทั่งสวัสดิการต่างๆ ก็เป็นการซื้อใจกันอย่างหนึ่ง หากรู้สึกว่าไม่ตรงกับที่คิดเอาไว้ ควรจะพูดคุยกันให้จบในที่ตรงนี้อย่างชัดเจน เพื่อจะได้ไม่เป็นปัญหาภายหลังตามมา
เพราะอย่างน้อยที่สุดต่อให้ไม่ได้ร่วมงานกันก็ตาม ความชัดเจนและหนักแน่นที่กล้าจะพูดในเรื่องนี้จะทำให้ผู้ถูกสัมภาษณ์เห็นถึงความตรงไปตรงมา แม้ในวันนี้อาจเป็นเพียงผู้สมัครงาน แต่ในอนาคตก็อาจเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าได้ในสักวัน
ความมั่นใจเป็นตัวตัดสินได้อย่างหนึ่ง ทันทีที่มีใครสักคนเดินเข้ามาสัมภาษณ์เพื่อสมัครงาน ท่าทางและสีหน้าคือสิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรก ก่อนจะมาถึงคำพูดและความคิด ซึ่งทุกอย่างสอดประสานกันและมีผลต่อการตัดสินใจรับเข้าทำงาน
สิ่งที่ต้องตรวจเช็คอย่างดีคือระหว่างความมั่นใจกับอีโก้ สองอย่างนี้ใกล้เคียงกัน สังเกตได้จากการพูดคุย ถ้ามีการพูดที่เกินจริง คุยโว อวยตัวเองจนเกินไป ก็ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนในการรับเข้ามาทำงาน เพราะในมุมหนึ่งการมีอีโก้ก็จะกล้าทำในสิ่งที่คนทั่วไปไม่ทำ อาจได้เห็นจุดบกพร่องของงานที่ชัดเจนขึ้น
และที่ทุกคนจะต้องพ่ายแพ้คือความขยันกับคนที่มีความฉลาดทางอารมณ์ หากคุณเป็นเจ้านายและเห็นว่ามีพนักงานที่ขยัน หนักเอาเบาสู้ ต่อให้เขาไม่เก่งมาก คุณก็จะพร้อมให้โอกาสเสมอ หรือแม้แต่ทักษะอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่มีการควบคุมอารมณ์และสถานการณ์ได้ดีเยี่ยม ก็จะดูน่าร่วมงานด้วย
จุดนี้ทำให้เห็นว่าความสามารถในเฉพาะด้านแม้จะเป็นเรื่องสำคัญแต่ไม่ใช่ที่สุด ต้องมีการอยู่ร่วมกับผู้อื่นให้เป็นด้วย บางคนรับแต่ผู้ที่มีความสามารถ จนลืมไปว่าทักษะการเข้าสังคมนั้นก็เป็นสิ่งที่จะทำให้บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยดี
ในด้านของเจ้าของธุรกิจเองก็ควรจะสร้างเทคนิคในการคัดเลือกคนจากหลายด้าน เพื่อเห็นทั้งศักยภาพ และการเข้ากันกับสังคม เมื่อนำมาช่างน้ำหนักดูจะพบว่าใครคือคนที่เหมาะสม
อาจยอมเสียเวลาสักนิดเพื่อการเตรียมความพร้อมและพิจารณาถึงคนที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ แต่มั่นใจได้เลยว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่พบคนเหล่านั้นแล้ว เวลาที่เสียไปจะคุ้มค่าขึ้นมาทันที และทิศทางของธุรกิจในฝันก็จะเป็นไปในแบบที่เราอยากให้มันเป็นไป
แล้วหวังว่าทุกคนจะพบคนนั้นสักที.
…
เรียบเรียงโดย: กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ภาพประกอบจาก : Pexels
ที่มาจาก แฟนเพจ : CEO Restaurant