หน้าฝนคือช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดสำหรับการซักผ้า เพราะเหนือหัวขึ้นไปบนท้องฟ้ามักจะเต็มไปด้วยเมฆฝนที่ลอยมาบังแสงจากดวงอาทิตย์ไม่ให้ส่องผ่านเข้ามา ทำให้ผ้าแห้งยากมากกว่าเดิม บางครั้งก็ตกแรงมาเลยไม่ปลอยลงมาก่อน ยังไม่ทันได้เก็บผ้าก็เปียกหมด หรือต่อให้บางวันไม่ตกเลยก็ตาม คุณก็จะไม่มีแดดให้ตากผ้า
คำถามคือการซักผ้ามีเวลาที่เหมาะสมหรือเปล่า
ปกติ เราคงไม่ใส่ใจเรื่องเวลาซักเท่าไหร่นัก อย่างมากคือการซักในตอนเช้าที่มีแดดหรือลมกระโชกที่จะช่วยดูดความชื้นออกไปทำให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น บางคนซักช่วงบ่ายที่แดดอยู่เหนือหัวก็จะช่วยผ้าแห้งไวได้เหมือนกัน
หากพูดถึงฤดูกาลที่เหมาะกับการซักผ้ามากที่สุด ฤดูร้อนคือช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดเนื่องจากมีอุณหภูมิที่เอื้อต่อการดูดความชื่นออกจากเนื้อผ้า หรือในพื้นที่ที่มีลมกระโชก
อย่างในไทย หน้าร้อนอยู่ระหว่างต้นเดือนมีนาคมไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งโลกเคลื่อนเข้าอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์และภูมิประเทศของไทยตั้งฉากกับดวงอาทิตย์ โดยมีเวลา 14.00-16.00 น. เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการซักผ้า ซึ่งในปี 2566 กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์อุณหภูมิในช่วงดังกล่าวเอาไว้ว่าจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยระหว่าง 34-36 องศา
ไทยคือตัวอย่างของประเทศเมืองร้อน แล้วถ้าเป็นประเทศเมืองหนาวล่ะ พวกเขาจะซ้าผ้าเวลาไหนในเมื่อเป็นเมืองหนาว แน่นอนว่าประเทศเมืองหนาวเองก็มีช่วงที่อากาศร้อนที่ต่างจากคนเอเชีย อย่างในไทยและประเทศใกล้เคียง อุณหภูมิแตะ 30 องศาก็รู้สึกร้อนแล้ว แต่ในเมืองหนาว อุณหภูมิ 20 องศาแทบจะไม่ต่างอะไรจาก 30 องศาเลย
สหรัฐอเมริกาคือตัวอย่างที่ดี เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการแบ่งโซนเวลา (Time Zone) ออกเป็น 4 ช่วงเวลา ได้แก่ ET (Eastern Time), CT (Central Time), MT (Mountain Time) และ PT (Pacific Time) โดยเว็บไซต์ Tomsguide ระบุช่วงเวลาที่ชาวอเมริกันในแต่ละโซนเวลาควรเอาผ้าไปซักทั้งในฤดูร้อนและฤดูหนาวเอาไว้ดังนี้
- โซน Pacific Time (รัฐแคลิฟอร์เนีย)
-
- ฤดูร้อนอุณหภูมิ 23 องศา เวลาเหมาะสม 17.00-21.00 น.
- ฤดูหนาวอุณหภูมิ 7.9 องศา เวลาเหมาะสม 06.00-10.00 น./17.00-20.00 น.
- โซน Mountain Time (รัฐยูทาห์)
- ฤดูร้อนอุณหภูมิ 20.9 องศา เวลาเหมาะสม 8.00-11.00 น.
- ฤดูหนาวอุณหภูมิ -2.1 องศา เวลาเหมาะสม 07.00-22.00 น.
- โซน Central Time (รัฐโอคลาโฮมา)
- ฤดูร้อนอุณหภูมิ 26.4 องศา เวลาเหมาะสม 13.00-17.00 น.
- ฤดูหนาวอุณหภูมิ 3.9 องศา เวลาเหมาะสม 05.00-09.00 น./17.00-21.00 น.
- โซน Eastern Time (รัฐฟลอริดา)
- ฤดูร้อนอุณหภูมิ 27 องศา เวลาเหมาะสม 14.00-16.00 น.
- ฤดูหนาวอุณหภูมิ 15.2 องศา เวลาเหมาะสม 06.00-10.00 น./18.00-22.00 น.
นอกจากการซักให้ใกล้เคียงกับเวลาแล้ว ก็ยังมีการระบุถึงกิจกรรมที่เราควรจะนำผ้าไปซักหลังทำภารกิจเสร็จถึง 4 โอกาสด้วยกัน ได้แก่
1. ช่วงหลังกลับจากเที่ยว
ช่วงเวลาท่องเที่ยวถือเป็นช่วงเวลาที่หลายคนมีความสุข ก่อนไปเรามีความสุขกับการเลือกเสื้อที่จะเอาไปใส่ด้วย แต่เมื่อกลับมา บางคนมีอาการ Post-Vacation Blues คือมีความสุขกับวันหยุดที่ผ่านมามากๆ จนไม่อยากให้เวลาดังกล่าวผ่านพ้นไป ไม่อยากตื่นไปทำงานในวันต่อมา และอีกสิ่งที่คุณไม่อยากทำเหมือนกันคือการซักผ้า
เนื่องจากการท่องเที่ยวคือเวลาที่คุณนำเสื้อผ้าไปเปลี่ยนหลายชุด พอกลับมาก็ต้องเอาไปซัก ซักแล้วก็ต้องรีด การไปเที่ยวจึงเป็นเวลาแรกที่คุณต้องนำเสื้อไปซัก
ดังนั้น ช่วงวันหยุดยาวหรือเทศกาลจึงถือเป็นช่วงเวลาทำเงินขอร้านซักรีด เพราะลูกค้าหลายคนจะนำเสื้อปริมาณที่มากกว่าเดิมมาซักเพิ่ม
2. กองผ้าเริ่มเยอะ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เสื้อผ้าที่เราใส่มาทั้งวันจะถูกโยนทิ้งใส่ตะกร้าทันที อย่างไรก็ตาม หากภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ คุณยังไม่เอาตะกร้าไปซักอีก กองผ้าของคุณจะสูงขึ้น ยิ่งถ้ามีเสื้อที่คุณใส่ไปกินสุกี้หรือชาบูจนมีกลิ่นควันติดเสื้อมาส่งกลิ่นในบ้าน
คุณยิ่งต้องรีบนำเสื้อไปซักเพื่อกำจัดกลิ่นที่ติดมาด้วย อย่างในอเมริกา เคยมีผลสำรวจในเดือนสิงหาคม ปี 2015 ระบุว่าประชากรในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ นิยมนำผ้าไปซักเครื่องหยอดเหรียญในวันอาทิตย์มากที่สุดถึง 66.7% รองมงลงมาเป็นวันเสาร์ 27.8% และวันพุธแค่ 5.6% โดยจะมีวันจันทร์ที่มีคนมาใช้งานน้อยที่สุด
3. หลังจากคุณเปิดบ้านรับแขก
หลายครอบครัวเลือกที่จะเดินทางไปเที่ยวก็เลือกที่จะไปบ้านญาติพี่น้องแทนการไปเที่ยวโรงแรมซึ่งมีค่าเช่าห้องพัก
แน่นอนว่าตัวเราเองในฐานะเจ้าของบ้านคำนึงถึงคือความสะอาด โดยเฉพาะการทำความสะอาดบ้าน ซึ่งนอกจากการเช็ดถูทั่วไปแล้ว บรรดาเครื่องนอนต่างๆ ทั้งผ้าปูที่นอน ผ้าคลุมหมอนกอด ปลอกหมอน และตุ๊กตา ก็เป็นสิ่งที่คุณควรจะถอดออกมาจากเตียงแล้วนำไปซักให้เรียบร้อยเพื่อฆ่าเชื้อโรค
4. เมื่อมีผ้าตัวพิเศษที่ซักธรรมดาไม่ได้
เสื้อยืดคอกลม เสื้อกล้าม ถุงเท้า และชุดชั้นใน คือเสื้อผ้าที่เราสามารถซักด้วยมือหรือซักด้วยเครื่องก็ได้เช่นกัน แต่ก็ยังผ้าบางชนิดอย่างผ้ายีนส์ที่ซักด้วยเครื่องจะประหยัดแรงได้มากกว่า เพราะเนื้อผ้ามีความหนา
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีเสื้ออีกหลายประเภทที่หลายคนเลือกที่จะส่งไปให้ร้านซักให้มากกว่าเพราะกลัวว่าหากซักเอง เสื้อจะเสียหายได้ อย่างเสื้อสูท เสื้อกันหนาวตัวใหญ่ ชุดราตรี หรือเสื้อที่มีการสั่งตัดพิเศษซึ่งมีการประดับตกแต่งด้วยเพชรพลอย
ตามความจริง เราอาจจะไม่ได้ให้สำคัญเรื่องเวลามากเท่าไหร่ เอาแค่เห็นสภาพอากาศเป็นใจให้ เราก็ซักแล้ว แต่อย่างน้อยมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่เราได้รู้ช่วงเวลาที่เหมาะกับการซักผ้ามากที่สุด และถ้าอยากจะซักให้ประหยัดค่าน้ำมากที่สุด ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานบอกว่า คุณควรซักโดยใช้น้ำเย็นมากกว่าน้ำร้อน เพราะการใช้น้ำร้อนจะทำให้เครื่องทำงานมากกว่าเดิมถึง 90% ในการเพิ่มอุณหภูมิน้ำเย็นให้เป็นน้ำร้อน
เรียบเรียงโดย: กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital