เคยสงสัยไหมว่าทำไมผู้บริหารระดับสูงหลายคนถึงต้องมีเลขาส่วนตัวหรือคนสนิทเสมอ สาเหตุก็เป็นเพราะว่าทุกคนไม่สามารถทำอะไรคนเดียวได้ทุกอย่าง ก็เท่านั้นเอง
ต่อให้คนนั้นจะฉลาดเป็นกรดสักแค่ไหน จะมีความสามารถที่รอบด้านสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็หนีความจริงของโลกใบนี้ไม่พ้น คือ ด้วยสองมือที่เท่ากับคนอื่นก็คงทำได้เพียงเท่านี้
บางคนบอกว่าประสบการณ์ต่างหากที่จะทำให้ใครสักคนทำอะไรหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน จริงอยู่ที่ยิ่งเจอเรื่องราวมากมายเท่าไหร่ ก็มักจะรู้วิธีการแก้ปัญหานั้นเสมอ
แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่าการตัดสินใจของเรานั้นถูกต้องทุกเรื่องจริง ๆ เพราะถ้ามีใครสักคนที่ช่วยเพิ่มมุมมองในมุมที่อาจค้นไม่เจอ ก็คงจะเหมือนการเปิดโลกทัศน์ใหม่ ซึ่งความรู้สึกแบบนี้นี่เองที่เปลี่ยนชีวิตใครหลายคนมาแล้ว
“การมีที่ปรึกษาที่ดีทำให้มองเห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้น” ประโยคที่ทรงพลังของ โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรชื่อดังที่ประสบความสำเร็จจนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก
ไม่เว้นแม้แต่เหล่าบรรดา CEO ชื่อดังทั้ง ริชาร์ด แบรนด์สัน ,สตีฟ จ็อบส์ ,ไมเคิล เดลล์ หรือนักปรัชญาชื่อก้องโลกอย่าง อริสโตเติล ก็ต่างมีที่ปรึกษาทั้งนั้น
พวกเขาเหล่านี้ล้วนมีความสามารถจนคนทั่วโลกยอมรับ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีหลายเรื่องที่พวกเขายังไม่รู้บนโลกใบนี้ จึงต้องตามหาพาร์ทเนอร์คู่ใจที่ลงตัวมากที่สุด
ด้วยตำแหน่งและหน้าที่ หลายคนมีธุรกิจเป็นของตนเอง การจะให้ใครมาชี้แนะก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นการหาที่ปรึกษาที่รู้ใจสักคน ก็จะคอยลบช่องว่างและเข้ามาเติมเต็มให้ธุรกิจสมบูรณ์และไร้รอยต่อได้มากกว่าที่เป็นอยู่
หนึ่งอย่างที่จะสังเกตได้ชัดเจนที่สุด คือ เมื่อไปเช็คการรับสมัครงาน หนึ่งในตำแหน่งที่หลายองค์กรต้องการตัวก็คือ ที่ปรึกษาของธุรกิจด้านการตลาด เรียกได้ว่า เป็นตำแหน่งที่ใครหลายคนต้องการทำหน้าที่นี้ เพราะค่าตอบแทนที่ไม่น้อยทีเดียว
ถามว่าทำไมที่ปรึกษาด้านการตลาดถึงดูจะสำคัญขนาดนี้ ก็เพราะการที่จะมาเป็นที่ปรึกษาได้นั้น ย่อมต้องเป็นคนที่รู้และเชี่ยวชาญในเรื่องการตลาดในการทำธุรกิจมาก่อน
สิ่งนี้บางคนบอกว่าอาจเรียนรู้ได้ภายในระยะเวลาไม่นาน แต่ความจริงแล้วกว่าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญนั้นต้องผ่านกระบวนการหลายอย่างเพื่อสั่งสมประสบการณ์และลับคมฝีมือให้มากพอที่จะเข้ามาพัฒนาธุรกิจขององค์กรต่าง ๆ ได้นั่นเอง
และนอกจากจะเข้ามาช่วยชี้แนะช่องทางหรือเพิ่มมุมมองอื่นให้ธุรกิจแล้ว จำเป็นต้องเข้ามาจัดการระบบบางอย่าง เพื่อเอื้อให้องค์กรเติบโตในแนวทางที่ควรเป็นได้ดีที่สุด
ถ้าดอกไม้ต้องคู่กับผีเสื้อ ท้องฟ้าคู่กับก้อนเมฆ แม่น้ำคู่กับลำธาร ก็ไม่ต่างอะไรจากเจ้าของธุรกิจต้องมีที่ปรึกษาเป็นเพื่อนคู่ใจให้อยู่ด้วยกันเสมอเพื่อที่จะคอยสนับสนุนกันและกัน
อันที่จริงที่ปรึกษาก็มีหลายบทบาทขึ้นอยู่กับบริบทที่ต่างกัน แต่ถ้าให้พูดถึงที่ปรึกษาทางการตลาดแล้ว สิ่งแรกที่คนเหล่านี้ต้องมีคือ ความรู้ที่มากพอที่จะวางแผนการตลาดได้อย่างเด็ดขาด
บางครั้งสื่อโฆษณา เสียงจากวิทยุ หรือองค์ประกอบทั้งหลายที่ทำให้ผู้คนจดจำได้มาก และเป็นที่พูดถึงตลอดเวลา ก็มาจากการวางแผนการตลาดที่เหนือชั้น แล้วลงมือทำอย่างตรงใจลูกค้ามากที่สุด นี่คือความสำคัญที่หากเจ้าของธุรกิจเจอที่ปรึกษาที่ใช่แล้ว แบรนด์ก็จะได้รับประโยชน์ไปอีกนาน
การสรรสร้างแคมเปญ โปรโมชั่น ก็เป็นสิ่งที่เรียกว่า กลยุทธ์ทางการตลาดที่จะวัดว่าใครสื่อสารไปถึงเป้าหมายได้ดีมากกว่ากัน ซึ่งท้ายที่สุดก็จะนำมาซึ่งการตอบรับทีน่าพอใจตามมา
หลายคนบอกว่าตนเองเข้าใจธุรกิจเป็นอย่างดี เคยทำการตลาดแล้วเจาะไปที่ลูกค้ากลุ่มวัยนี้แล้วได้ผล ก็จะทำแบบนั้นต่อไป สิ่งนี้ไม่ผิด แต่ก็อาจไม่ถูกทั้งหมดเสียทีเดียว
เพราะความแตกต่างของความคิดมนุษย์ คือ เรื่องที่นักการตลาดต้องเข้าใจให้มากที่สุด จะยึดโยงว่าทุกคนในวัยนี้ต้องคิดเช่นนั้นแน่ ๆ ซึ่งอาจใช้ได้ผลก็จริง แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าจะเป็นไปอย่างนี้เสมอไป
เพราะแบบนี้นักการตลาดต้องวิเคราะห์กันอยู่เสมอว่าในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร อะไรมาแรง และรูปแบบไหนเข้ากับกลุ่มเป้าหมายแบบใด นี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องรู้
อีกอย่างที่ต้องเป็นทักษะติดตัว คือ การใช้เครื่องมือให้เป็น ยุคที่การขายเกิดได้ทุกเวลา ทำให้ต้องเข้าใจหลักการในการบริหารเพื่อเลือกช่วงเวลาการตลาดที่ดีที่สุด
การรู้จักกับ Social Media Marketing และ Search Engine Marketing จะทำให้สามารถประยุกต์สิ่งเหล่านี้เข้ามาในการทำธุรกิจได้อย่างมีข้อได้เปรียบและทางเลือกที่มากขึ้น
องค์ประกอบที่วัดเป้าของผลกำไรในธุรกิจไม่ได้อยู่แค่คุณภาพของสินค้า แต่ต้องขึ้นอยู่กับทักษะการตลาดที่เหมาะสมสำหรับประเภทธุรกิจอย่างมากที่สุด นี่คือสิ่งที่นักการตลาดจะต้องตอบโจทย์ขององค์กรให้ได้ว่าความแตกต่างเป็นอย่างไร
บางครั้งหากอยู่ในเกมก็มักจะมองภาพรวมไม่ออกหรอก เหมือนกับโค้ชที่ต้องยืนอยู่ข้างสนามเพื่อที่จะเห็นภาพรวม เห็นในมุมที่สูงกว่า เพราะเจ้าของธุรกิจหลายคนโฟกัสกับปัญหาจนอาจกำลังพลาดโอกาสสำคัญในมุมอื่นอยู่ในเวลานั้น
แล้วการมีที่ปรึกษาย่อมทำให้เห็นจุดแข็งมากยิ่งขึ้นกว่าธุรกิจที่ไร้ซึ่งที่ปรึกษา ต้องคลำเป้าเอาเอง ซึ่งก็อาจต้องเสียเวลาที่ไม่จำเป็นออกไปอีกในการลองผิดลองถูก
การได้ร่วมงานกับคนที่มีประสบการณ์ใหม่ ๆ ทำให้ธุรกิจก็จะเพิ่มทางเลือกใหม่ที่รออยู่ ความเปลี่ยนแปลงบางครั้งก็มักมาในรูปแบบของการมีที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้
มาถึงตรงนี้ จะเห็นว่าที่ปรึกษาไม่ใช่แค่ผู้ช่วย แต่ในบางสถานการณ์นี่อาจเป็นคนที่จะกระตุ้นและสร้างแรงผลักดันบางอย่างให้กับธุรกิจได้มีไฟมาเติมเต็มอีกครั้ง
ซึ่งสุดท้ายต่อให้จะเก่งกาจมาจากไหน ทุกคนก็มักจะมีข้อผิดพลาดบางอย่างทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้เอง ที่ปรึกษาที่ดีจะเข้ามาลดความผิดพลาด และเพิ่มโอกาสใหม่ที่คาดไม่ถึงให้เกิดขึ้นจริงก็เป็นได้
…
ภาพประกอบจาก Pexels
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book