เคลียร์หนี้บัตร ตัดปัญหาหนี้สินคั่งค้าง 3 วิธี
‘มีบัตรเครดิต แล้วชีวิตดี’
ประโยคนี้…ใช้ไม่ได้กับทุกคน
โดยเฉพาะกับคนที่ควักบัตรออกจากกระเป๋าบ่อย ๆ จนสุดท้าย ต้องกลายเป็นหนี้
มีบัตรเครดิตใบแรก ตื่นเต้นจริง ๆ !
พกบัตรเครดิตแค่ใบเดียว จะไปที่ไหนก็ได้
รูดง่าย จ่ายเพลิน เดินเข้าร้านไหนก็สะดวก จะกินเที่ยวที่ไหนก็สบาย อยากได้อะไรก็รูดเอา
แต่ต่อมาไม่นาน…ความรู้สึกเริ่มเปลี่ยน
‘มีบัตรใบเดียว มันไม่พอหรอก’
สายช็อปแหลกเริ่มอึดอัด บัตรเครดิตใบเดียวมันไม่หนำใจ !
จากที่เคยจ่ายเพลิน ๆ ตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าวงเงินในบัตรมันน้อยเกินไป จะซื้ออะไรเพิ่มก็ไม่สะดวก จะซื้อของแพงกว่านี้ก็ไม่ได้
เอาล่ะ สายช็อปแหลกต้องหาทางออก
ถ้างั้น…’เราไปทำบัตรเครดิตเพิ่มกับธนาคารอื่นดีกว่า’
เอาไว้หมุน..เอาไว้โปะ
ตอนเครดิตยังดี จะทำบัตรกับธนาคารไหนก็ง่ายนี่ จริงไหม
แต่พอได้บัตรมาใหม่ ก็ใช้มันจนสติหลุด สุดท้าย..หนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรกดเงินสด หนี้นู่นนั่นก็ตามมาเป็นพรวน
“เป็นหนี้จนได้ หนี้บัตรเครดิต..หลายใบซะด้วย”
แม้จะนั่งนึกทบทวนพฤติกรรมของตัวเองจนสำนึกผิด แต่ก็ย้อนเวลากลับไปแก้ไขมันไม่ได้
เพราะฉะนั้น รีบลุกขึ้นมาแก้ปัญหาซะ สร้างหนี้ไปแล้ว ต้องหาทางออก จะมีหนี้บัตรกี่ใบก็ชั่ง ต้องเคลียร์ให้หมด !
และนี่…คือ 3 วิธี เคลียร์หนี้บัตร ที่จะช่วยตัดปัญหาหนี้สินคั่งค้างให้กับคุณ
ทางออก 1 : ขอปิดบัญชีแบบ Haircut
นี่คือทางออกสำหรับคนที่อยากตัดภาระหนี้สินแบบเคลียร์ทีเดียวให้จบ ๆ ไป
เนื่องจากการขอปิดบัญชีแบบ Haircut คือการปลดหนี้บัตร โดยการปิดบัญชีและปิดบัตรไปเลย
แต่อย่างไรก็ตาม จะใช้ทางออกนี้ได้เราต้องมีเงินก้อนเพื่อต่อรองการปิดบัญชี และรอให้ค้างจ่ายมากกว่า 90 วันก่อน
คนเป็นหนี้บัตรเครดิตส่วนใหญ่นิยมใช้วิธีนี้ เพราะได้ส่วนลดเรื่องดอกเบี้อ ดอกเบี้ยปรับเงินต้นเยอะ
แต่ก็มีบางคนที่ไม่กล้า Haircutหนี้ เพราะเกรงว่าจะเสียประวัติเครดิตบูโร (แต่อย่าคิดมากประเด็นนี้เลย คิดเสียว่ายังดีกว่าต้องเสียดอกเบี้ยปรับแพงๆ)
และหลังจากที่เราปิดบัญชีเสร็จเรียบร้อย สถานะในเครดิตบูโรจะขึ้นว่า ‘ปิดบัญชีแล้ว’
ถ้าเรามีบัตรหลายใบ อยากบอกว่า วิธีนี้เด็ดขาดสุด !
ทางออก 2 :
ยื่นเรื่องขอหยุดดอกเบี้ยปรับ และขอผ่อนชำระเป็นงวด
วิธีนี้อาจจะขอส่วนลดได้ไม่มากเท่ากับการ Haircut
แต่วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการยืดระยะเวลาการจ่ายหนี้
เนื่องจากมีข้อดี คือ fixed ยอดที่ต้องจ่ายแต่ละเดือน จ่ายแต่ยอดที่ตกลงกันเท่านั้น ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่ม ต้องตรงตามสัญญา และสามารถขอได้ 8-12 งวดเท่านั้น
ทางออก 3 : ขอเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหนี้
เรื่องนี้มีแต่คนวงในเท่านั้นที่ทราบ ว่าหนี้ต่าง ๆ มันสามารถต่อรองเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกันได้ !
ยกตัวอย่าง กรณีของ นายแพทย์ ธีรวัฒน์ เนียมสุวรรณ์ (ผู้เขียน 100 วิธีเอาตัวรอดจากหนี้ )
เคยขอเปลี่ยนวงเงินติดหนี้บัตรเครดิต ธนาคารสีเขียว 1.5 ล้านบาท ได้ขอปรับเป็นหยุดจ่ายดอกเบี้ยปรับ และจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน 12 เดือน ส่งเดือนละ 3,000 บาท
ต่อมาในปีที่ 2 เมื่อเริ่มมีความรู้เรื่องหนี้มาก จึงขอปรับหนี้ก้อนนี้เป็น term loan ยอด 1.5 บาท ดอกเบี้ยค้างแขวนแยกบัญชีไม่คิดดอกปรับ
ส่วนยอดที่ขอเป็น term loan เหมือนเป็นการขอกู้ธนาคารใหม่ 1.5 ล้าน ได้อัตราดอกเบี้ยลูกหนี้ที่เข้าโครงสร้างหนี้ ดอกเบี้ย 4.5% จากเดิม 22%
แล้วดอกเบี้ยปรับที่ค้างไว้ ทำอย่างไรถีงจะลดได้ ?
คำตอบคือ เราสามารถขอลดได้ในกรณี ได้แก่ 1.โดนฟ้อง 2.ปิดบัญชี 3.ขอ Haircut อีกครั้ง จึงจะลดดอกเบี้ยปรับได้
การเป็นหนี้ ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เรายังมีทางออกเสมอ
แต่ปัญหา คือ ‘ลูกหนี้…ไม่กล้า’ แม้จะรู้วิธีแก้ปัญหาหรือเจอหนทางเอาตัวรอดแล้วก็ตาม
เพราะวิธีแก้ส่วนใหญ่ มักจะต้องใช้การเจรจา ต่อรอง หรือพูดคุยถึงปัญหาอย่างตรงไปตรงมากับทางธนาคาร ซึ่งคนเป็นลูกหนี้มักกลัว กลัวเสียเปรียบ กลัวคุยไม่รู้เรื่อง กลัวว่าจะตกลงกันไม่ได้ หรือกลัวว่าจะถูกปรับอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า
สิ่งที่อยากบอกคือ ‘ถ้าเป็นหนี้ ใจต้องกล้า’
อย่างน้อยก็ต้องกล้าเจรจา กล้าชน และศึกษาหาอ่านเรื่องหนี้บ่อย ๆ ทั้งจากหนังสือและสื่อต่าง ๆ ในอินเทอร์เน็ต
เมื่อมีความรู้ความเข้าใจในเทคนิควิธีแก้หนี้มาก เราจะไม่มีทางเสียเปรียบง่าย ๆ แน่นอน
“เป็นหนี้ อย่ากลัวที่จะอ่านเรื่องหนี้ และต้องกล้าต่อรองให้เด็ดขาด เรายังมีทางออกเสมอ”
อ้างอิง : ข้อมูลจากหนังสือ 100 วิธีเอาตัวรอดจากหนี้
บทความโดย : กองบรรณาธิการ สำนักพิมพ์ 7D Book & Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก : เว็บไซต์ Freepik และ Pexels