ต้องยอมรับว่าโลกสมัยนี้ถูกขับเคลื่อนไปด้วยความรวดเร็ว ในมุมหนึ่งคือจะไม่มีอะไรที่แน่นอน ทุกอย่างผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่อีกมุมก็หมายความว่าจะมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นในทุกวัน
เมื่อเป็นแบบนั้นทุกคนจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่พ่อค้าแม่ค้าหาบเร่ไปจนถึงนักธุรกิจพันล้านหมื่นล้านก็ต้องเผชิญกับสิ่งเดียวกัน
โดยในแต่ละบทบาทก็จะมีวิธีรับมือและพัฒนาที่ไม่เหมือนกัน วิถีชาวบ้านก็แบบหนึ่ง กลยุทธ์ของผู้บริหารก็อีกแบบ แต่มีจุดมุ่งหมายเหมือนกันคือการสร้างความแข็งแรงให้ธุรกิจ
เพราะฉะนั้นความแตกต่างตรงนี้ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ว่าทำไมวิธีการที่ต่างกันอย่างสุดขั้ว พอผลสุดท้ายก็จะได้ผลลัพธ์ที่ไม่หนีกันเท่าไหร่อยู่ดี
คำตอบของคำถามนี้ไม่มีใครตอบได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแต่ถ้าจะหาสักหนึ่งเหตุผลมารองรับว่าทำไมวิธีการพาไปสู่ความสำเร็จที่ต่างกันถึงได้ผลลัพธ์เหมือนกัน ก็น่าจะมาจากความตั้งใจจริงในการทำธุรกิจ
เคยมีคนถามว่า เรารักธุรกิจของเรามากแค่ไหนแล้วเพราะอะไร รัก เพราะว่านี่คือสิ่งที่ทำให้มีรายได้ สามารถเลี้ยงปากท้องตัวเองและครอบครัวได้ หรือรักเพราะนี่คือสิ่งสานฝันที่อยากจะมีอาชีพเป็นของตัวเอง ได้บริหารจัดการสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง
ไม่ว่าเพราะอะไรก็เป็นความรู้สึกที่มีค่าและคู่ควรที่จะเก็บไว้ ทุกวันนี้มีหลายคนทำธุรกิจเพียงเพราะค่าตอบแทนดี ทำให้จ้องแต่จะหารายได้เพื่อนำมาสู่สิ่งที่ต้องการ
จนลืมไปว่าการทำธุรกิจนั้นไม่เพียงแค่เพื่อต่อยอดความเป็นอยู่ที่สบาย แต่ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ด้วยว่าสิ่งที่เรากำลังทำนั้นให้อะไรที่คนส่วนใหญ่ต้องการหรือยัง
ไม่น่าใช่เรื่องยากถ้าเจ้าของธุรกิจจะต้องศึกษาถึงเรื่องของการเข้าถึงสินค้าของลูกค้า ดูว่าพวกเขาซื้อสินค้าอย่างไร ทำไมถึงต้องซื้อสิ่งนั้น แล้วมีช่องทางใดให้พบเห็นได้บ้าง
นี่คือเรื่องพื้นฐานที่ต่อให้ผู้ประกอบการประเภทไหนควรจะต้องคำนึงถึง เพราะความต้องการของลูกค้าเปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางในการทำธุรกิจว่าควรจะมีทิศทางไปทางไหนถึงจะได้ครองใจผู้คน
หลายครั้งที่การเริ่มต้นสร้างธุรกิจเริ่มกันที่สร้างคอนเซ็ปต์ตามใจฉัน ซึ่งไม่ผิดเลยที่เจ้าของกิจการเลือกจะใส่ความเป็นตัวเอง สไตล์ต่างๆเพื่อที่จะถ่ายทอดออกมาในรูปแบบธุรกิจที่พวกเขารัก
แต่มันคงจะดีกว่าจริงๆ ถ้าคอนเซ็ปท์ที่ว่านั้นได้มีการเชื่อมโยงกับพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ทำในสิ่งที่คนส่วนมากต้องการ แต่ก็ยังคงนำเสนอในรูปแบบของตัวเอง นี่คงเป็นทางเลือกที่น่าจะลงตัวกว่าใช้ความคิดตัวเองเป็นหลักเสียทีเดียว
เป้าหมายทางการตลาดคือเรื่องสำคัญที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี การศึกษาอย่างเข้าใจและลงลึกรายละเอียดจะทำให้สามารถจัดระเบียบข้อมูลทางการตลาดได้เป็นอย่างดี
การวิเคราะห์จึงถูกนำมาใช้กับธุรกิจกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์จากการบันทึกสถิติต่างๆ หรือการตรวจสอบ KPI ของธุรกิจ ก็จะทำให้รู้ข้อมูลอย่างเด่นชัดมากขึ้น
ตามร้านคาเฟ่ทั่วไปจึงต้องสังเกตพฤติกรรมของผู้ที่เข้ามาใช้บริการ ไล่เลียงตั้งแต่การจัดวางโต๊ะเก้าอี้ บริเวณไหนที่ผู้คนจะเข้ามานั่งมากที่สุดแล้วเพราะอะไร เพราะตรงนั้นบรรยากาศดี หรือทิวทัศน์ตรงนั้นสามารถมองได้เต็มอรรถรส
ต่อมาที่เมนู ยอดขายสำคัญเพราะฉะนั้นทุกร้านคาเฟ่ต้องรู้ก่อนว่าอะไรของตัวเองขายดีที่สุด แล้วนำเมนูนั้นเป็นเมนูแนะนำ หาเหตุผลให้เจอว่าทำไมเมนูนี้ถึงขายดี เพราะรสชาติที่กลมกล่อม หรือ เพราะของที่สดใหม่ แล้วนำจุดเด่นตรงนั้นพัฒนาต่อไป
เพราะมีหลายครั้งที่บางร้านเมื่อเจอจุดเด่นของตัวเองแล้วไม่พัฒนาหรือต่อยอดให้ไกลกว่าเดิม ยังคงไว้ซึ่งสิ่งดั้งเดิมไม่นานในสักวันจากจุดเด่นก็จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเอง
หนึ่งในซิกเนเจอร์ของการทำร้านคาเฟ่เลยคือต้องรู้จักจุดเด่นของตัวเอง จากนั้นค่อยมองว่าจะทำให้อย่างไรให้จุดเด่นนี้เป็นที่ต้องการแก่ลูกค้า
สิ่งที่อยู่คู่กับการหาตัวตนคือการตลาด ไม่ง่ายจะหาการตลาดที่เหมาะกับร้านของตัวเอง ยิ่งเป็นธุรกิจที่มีอาหารและเครื่องดื่มเข้ามาเกี่ยวข้องยิ่งต้องพิถีพิถันในการทำการตลาดด้วย
ทำการตลาดก็เหมือนการสร้างความประทับใจ ทุกอย่างจะง่ายขึ้นถ้ารู้ว่าเป้าหมายคือใคร แล้วพวกเขากำลังมองหาอะไร แน่นอนว่าผู้คนที่มาคาเฟ่นั้นมีจุดประสงค์ที่ต่างกัน อาจจะอยากได้เครื่องดื่มง่ายในเวลารวดเร็ว หรือ แค่อยากนั่งแก้เบื่อเพื่อรออะไรสักอย่าง
คงจะดีกว่าถ้าทำให้ทุกความต้องการรวมอยู่ในที่เดียว มาตรฐานทั้งเรื่องของคุณภาพและความสะอาดคือสิ่งที่ต้องคงไว้ แต่สิ่งที่จะขาดไม่ได้คือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่แตกต่างจากที่อื่น ยิ่งร้านเรามีฟังก์ชั่นหลากหลายให้ลูกค้าได้เลือกตามความต้องการก็จะยิ่งมีภาษีดีกว่าร้านอื่นๆ
ทุกครั้งที่มีการเดินเข้ามาในร้าน การสร้างความประทับใจที่น่าจดจำก็ได้เริ่มต้นขึ้น เป็นเรื่องดีที่มีลูกค้าใหม่เข้ามาอยู่เสมอ แต่จงจำไว้ว่าอย่าลืมสร้างกลุ่มลูกค้าประจำเด็ดขาด เพราะลูกค้าใหม่จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง แต่ลูกค้าประจำจะเข้ามาสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจของเรา
ผู้ประกอบการที่ดีจะต้องรักษาพวกเขาไว้ทุกคน เพราะทุกคนคือผู้ที่จะขับเคลื่อนให้ธุรกิจสมบูรณ์ ซึ่งการจะมัดใจลูกค้าใหม่คือจะต้องมีลูกเล่นหรือจุดดึงดูดบางอย่าง
แต่การจะทำให้ลูกค้าประจำเลือกให้ธุรกิจของเราเป็นตัวเลือกแรกที่พวกเขานึกถึงนั้นคือมาตรฐานและความเสถียร หากวันแรกดูแลพวกเขาอย่างไร เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยังต้องรักษาความประทับใจเหล่านั้นเอาไว้ให้ดี
กว่า 80% ของลูกค้ามาจากการเชื่อคำแนะนำจากคนที่รู้จัก เพราะฉะนั้นทุกคนคือการตลาด การสร้างความประทับใจ และเข้าใจในความต้องการจะทำให้ได้สิ่งตอบแทนที่น่าจดจำ
สิ่งที่ท้าทายสำหรับเจ้าของธุรกิจไม่ใช่หากลุ่มเป้าหมายได้มากเท่าไหร่ แต่คือการรักษากลุ่มเป้าหมายเอาไว้ได้นานเท่าไหร่ต่างหาก นี่คือเคล็ดลับที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเป็นไปตามที่คิดอย่างมีคุณภาพแข็งแรงมากที่สุด
…
เรียบเรียงโดย: กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital